วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
จีนประโคมข่าวปล่อยน้ำลง‘แม่น้ำโขง’ช่วยภัยแล้งไทย ‘เอ็นจีโอ’ สวนกลับต้นเหตุเกิดจากเขื่อนแดนมังกร

จีนประโคมข่าวปล่อยน้ำลง‘แม่น้ำโขง’ช่วยภัยแล้งไทย ‘เอ็นจีโอ’ สวนกลับต้นเหตุเกิดจากเขื่อนแดนมังกร

วันศุกร์ ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563, 17.05 น.
Tag : เขื่อนแดนมังกร จีน ไทย แม่น้ำโขง เอ็นจีโอ
  •  

วันที่ 24 มกราคม 2563 เว็บไซต์องสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ในหัวข้อ “จีนเพิ่มปล่อยน้ำจากแม่น้ำล้านช้าง” เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า  ตั้งแต่ปีค.ศ. 2019 (2562) เป็นต้นมา น้ำฝนที่ตกลงมาในลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขงได้ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลที่มาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งอย่างรุนแรงในประเทศจีนและอีกหลายประเทศลุ่มแม่น้ำโขง สำหรับแม่น้ำล้านช้างในประเทศจีน ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ ระดับ 728 มิลลิเมตร ลดลง  34 % จากปีปกติ นับจนถึงวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2020 ในมณฑลยูนนานของประเทศจีน น้ำแห้งในแม่น้ำ 15 สายและเขื่อน 43 แห่ง พื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งรวมแล้วเป็น 1.07 ล้านหมู่ (ประมาณ 4.5แสนไร่) ประชาชน 2.9 แสนคนและสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ได้ประสบปัญหาในเรื่องน้ำดื่ม ระดับน้ำในเขื่อนต่าง ๆ ที่อยู่ในต้นน้ำเป็นระดับน้ำที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในประวัติศาสตร์ ถ้าสถานการณ์ภัยแล้งยืดเยื้อต่อไป มณฑลยูนนานก็จะเผชิญกับสถานการณ์ร้ายแรงที่ไม่มีน้ำใช้สอย

ข่าวประชาสัมพันธ์ของสถานเอกอัคราชฑูตจีน ระบุอีกว่า ฝ่ายจีนได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาปริมาณน้ำที่ปล่อยจากแม่น้ำล้านช้างอย่างชอบด้วยเหตุผล เมื่อคำนึงถึงความปรารถนาของฝ่ายไทย พร้อมกับสถานการณ์ภัยแล้งอย่างรุนแรงในลุ่มแม่น้ำโขง ฝ่ายจีนตัดสินใจจะเพิ่มปล่อยน้ำลงจากแม่น้ำล้านช้างตั้ งแต่วันที่ 24 มกราคม จากปริมาณ 850 ลบ.ม.ต่อวินาทีเพิ่มเป็น 1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเป็นการตอบรับความต้องการอย่างเร่งด่วนของประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งครั้งนี้ที่ฝ่ายจีนได้เพิ่มปล่อยน้ำอย่างเป็นพิเศษอีกครั้ง ในขณะที่จีนเองกำลังเผชิญกับภัยแล้งอย่างร้ายแรง ก็เป็นการดำเนินการพิเศษเท่าที่จะทำได้ เมื่อคำนึงถึงมิตรภาพจีน-ไทยที่เป็นครอบครัวเดียวกัน และขจัดอุปสรรคของตนเองอย่างสุดความสามารถ


ปัจจุบันนี้ สถานการณ์ภัยแล้งในลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขงยังต่อเนื่องกันอยู่ ฝ่ายจีนยินดีที่จะร่วมกับประเทศต่าง ๆในลุ่มแม่น้ำโขง เพิ่มการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารด้านทรัพยากรน้ำ กระชับความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจในการฟันฝ่าอุปสรรคที่ร่วมเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

 

 

ด้าน นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ และเครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหลัดลุ่มน้ำโขง ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันจีนได้กักน้ำไว้แล้วจำนวน 12 เขื่อน และได้ทำการปิด-เปิดเขื่อน ตามประโยชน์ของจีนเองโดยเฉพาะเพื่อการเดินเรือพาณิชย์-ค้าขาย แต่กลับมีการประชาสัมพันธ์ว่าเป็นการช่วยเหลือคนปลายน้ำ  ปัจจุบันแม่น้ำโขงเปลี่ยนไปอย่างมาก ด้วยสาเหตุหลักคือ เขื่อนบนแม่น้ำโขง

“หยุดสร้างความชอบธรรมโดยอ้างแต่กรณีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ จีนต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องน้ำโขง มันเกิดขึ้นจากเขื่อน ไม่ใช่สภาพอากาศ การแก้ไขปัญหามันต้องเป็นหลักการร่วมกัน ไม่ใช่มาแก้ไขช่วงๆ ไปอย่างนี้ และมาอ้างเรื่องบุญคุณกับคนท้ายน้ำ ซึ่งไม่เป็นความจริง” นายนิวัฒน์ กล่าว

นางสาวส.รัตนมณี พลกล้า มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน และทนายความในคดีศาลปกครองเกี่ยวกับเขื่อนแม่น้ำโขง กล่าวว่า  กระบวนการปล่อยน้ำของเขื่อนจากจีน ถือเป็นหน้าที่ที่จีนต้องทำ เพราะมีหลักการใช้น้ำร่วมกัน ทั้งในกฎหมายสากลและท้องถิ่น คือห้ามประเทศต้นน้ำเก็บกักน้ำ หรือหากทำต้องเท่าที่จำเป็นแต่ต้องไม่ให้ท้ายน้ำเดือดร้อน การปล่อยน้ำจึงเป็นหน้าที่ไม่ใช่การอ้างถึงบุญคุณแต่อย่างใด

นายมนตรี จันทวงศ์ ผู้ประสานงานกลุ่มเสรีภาพแม่น้ำโขง กล่าวว่า  ปัจจุบันไม่มีข้อมูลแท้จริงของปริมาณการกักเก็บน้ำของเขื่อนจีนทั้งหมด ว่ามีปริมาณน้ำและจำนวนคนที่พึ่งพาปริมาณน้ำจากเขื่อนมากเท่าไหร่ ช่วงฤดูกาลนี้นับเป็นช่วงการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว การปล่อยน้ำของเขื่อนตอนบนในประกาศนี้คือ การผลิตไฟฟ้า โดยปกติอย่างไรก็ต้องปล่อยน้ำออกมาอยู่แล้ว ซึ่งแบบแผนนี้เกิดขึ้นมานับสิบปีแล้วและได้สร้างการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขงตอนล่างอย่างหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปี 2559 รัฐบาลจีนประกาศจัดตั้งกลไกความร่วมมือใหม่เรียกว่า ความร่วมมือแม่น้ำลานช้าง-แม่โขง (LMC) ระหว่างจีนและประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง และในปีเดียวกัน รัฐบาลจีนก็ได้ประกาศปล่อยน้ำออกจากเขื่อนจิงหง ช่วงวันที่ 15 มีนาคม -15 พฤษภาคม 2559 เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์แล้งในประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งได้ทำให้เกิดผลกระทบน้ำท่วมต่อพื้นที่เกษตรริมฝั่งโขง และพื้นที่หาดทรายเพื่อการท่องเที่ยวอย่างหนักของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตประเทศไทย  ต่อมาในปี 2562 สถานเอกอัคราชฑูตจีน ก็ได้ออกแถลงการณ์กรณีสื่อมวลชนบางสื่อได้รายงานข่าวเกี่ยวกับปัญหาน้ำแม่น้ำโขง ด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์จีนอันเป็นเท็จ ซึ่งข้อมูลข่าวสารเหล่านั้น ไม่มีหลักฐานและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

โดยมองข้ามความพยายามของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงจีนและไทยในการผลักดันความร่วมมือในด้านทรัพยากรน้ำแม่น้ำโขง เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับประชาชนในภูมิภาค ทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจที่ผิดเพี้ยน ซึ่งได้ทำลายบรรยากาศความร่วมมืออันดีในอนุภูมิภาคฯ โดยอ้างถึง การอนุรักษ์นิเวศและสิ่งแวดล้อมแม่น้ำโขงด้วย“แผนโครงการแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขงสีเขียวไร้มลภาวะ” และ “แผนปฏิบัติการความร่วมมือด่านทรัพยากรน้ำระยะ 5 ปี” และการบริหารจัดการเขื่อนขั้นบันไดบนแม่น้ำลานช้างที่เน้น “ปรับลดน้ำท่วม เพิ่มน้ำหน้าแล้ง” และใช้วาทกรรม “ดื่มน้ำแม่น้ำสายเดียวกัน ร่วมชะตากรรมแบ่งปัน” 

ซึ่งเครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ก็ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งโขงใน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขงของประเทศไทย และเรียกร้องกลไกการแก้ไขปัญหาและมีส่วนร่วมจากประชาชนในการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขงอย่างแท้จริง และมีการเสนอนัดหมายเพื่อหารือและ และแลกเปลี่ยนหาแนวทางการแก้ไขปัญหาแม่น้ำโขง การจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจน ก่อนที่ปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำโขงจะรุนแรงมากไปกว่านี้  แต่ที่ผ่านมาไม่มีผลแต่อย่างใด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แนวหน้าวิเคราะห์ : การันตี 3 ปราสาทเป็นของไทย ตรวจสอบประวัติความเป็นมา แนวหน้าวิเคราะห์ : การันตี 3 ปราสาทเป็นของไทย ตรวจสอบประวัติความเป็นมา
  • เปิดวีรกรรม \'สมรภูมิช่องบก\' ที่เคยเป็นบทพิสูจน์ความกล้าหาญของเหล่าวีรชนทหารไทย เปิดวีรกรรม 'สมรภูมิช่องบก' ที่เคยเป็นบทพิสูจน์ความกล้าหาญของเหล่าวีรชนทหารไทย
  • โลกตื่นคลื่น‘สินค้าจีน’ทะลัก  ‘ไทย’รู้รับปรับตัวอย่างไรเหมาะ? โลกตื่นคลื่น‘สินค้าจีน’ทะลัก ‘ไทย’รู้รับปรับตัวอย่างไรเหมาะ?
  • ซูฮก‘จีน’ไม่ยอมแพ้ข้อจำกัด! ‘อ.เอ้’ยกเคส‘DeepSeek’3ความมหัศจรรย์\'เอไอ\'แดนมังกร ซูฮก‘จีน’ไม่ยอมแพ้ข้อจำกัด! ‘อ.เอ้’ยกเคส‘DeepSeek’3ความมหัศจรรย์'เอไอ'แดนมังกร
  • ชูจันทบุรีโมเดลสร้างทุเรียนคุณภาพสูงกว่าปี 66 ดันยอดส่งออกไปจีนพุ่งกว่า 4 แสนตัน ชูจันทบุรีโมเดลสร้างทุเรียนคุณภาพสูงกว่าปี 66 ดันยอดส่งออกไปจีนพุ่งกว่า 4 แสนตัน
  •  

Breaking News

ดีล‘ปชน.-ภท.’เกิดยาก! ‘ชูศักดิ์’บอกแปลกประหลาด ชี้การเมืองยังไม่ถึงทางตัน

'หมอวี'แว่วข่าว'เพื่อไทย'ถอนร่าง'เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ'สัปดาห์หน้า หนุนเก็บไว้หาเสียงเอง

ลอบวางเพลิง! 'รถยนต์ไฟฟ้า'อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ลั่นไม่กลัวอิทธิพลมืดคนเบื้องหลัง

สลดโลมาเกยตื้นยังไม่รู้สาเหตุเร่งส่งชันสูตร

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved