การเดินทางกลับประเทศไทยของคนไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียในวันที่ 18 เมษายน 2563 มีเสียง “วิพากษ์วิจารณ์” จากคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่า คนเหล่านั้นจะเป็นพาหะในการ แพร่เชื้อโควิด-19 เพราะข่าวสารที่มีการติดตามจากสื่อของประเทศ มาเลเซีย จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ ประเทศมาเลเซีย ยังประกาศปิดประเทศต่อไปจนถึงวันที่ 28 เมษายน นั่นแสดงให้เห็นว่าประเทศมาเลเซียเองก็ยังเอาไม่อยู่นั่นเอง
ดังนั้นการตื่นกลัวของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อผู้ที่จะเดินทางกลับมาจากประเทศ มาเลเซีย จึงเป็นการตื่นกลัวที่มาจาก เหตุผล ที่ ก่อนหน้านี้ นักกิจกรรมทางศาสนา 132 คน ซึ่งเดินทางกลับจากการไปดาวะห์ จากประเทศมาเลเซีย และกลับประเทศไทยโดยไม่ได้ผ่านการสอบสวนโรค และไม่มีการ “กักตัว” จนกลายเป็นพาหะในการแพร่เชื้อในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จนถึงวันนี้ยังเอาไม่อยู่
รวมทั้ง กลุ่มดาวะห์ ที่เดินทางกลับจาก ประเทศอินโดนีเซีย 70 กว่าชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่ในที่กักตัวของทางราชการ ก็มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบทั้งหมด ข่าวที่ ออกมา ยิ่ง สร้างความ วิตก ให้กับคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงมีการส่งเสียงผ่านโซเซียลออนไลน์ไม่เห็นด้วยกับการที่ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงต่างประเทศอนุญาตให้คนไทยกลุ่มนี้ จำนวน 8,000 คน เดินทางกลับประเทศไทย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง 5 แห่ง ด้วยการ จำกัดจำนวน ผู้เดินทางกลับเข้ามาได้วันละ 350 คน เพื่อง่ายในการ บริหารจัดการ ในขบวนการ ตรวจโรค และการ กักตัว 14 วัน
โดยข้อเท็จจริง ที่คนในพื้นที่ควรรับรู้คือ กลุ่มคนที่เดินทางกลับจากประเทศที่ 3 หลังกลุ่มดาวะห์กลุ่มแรกจำนวน 132 คน ที่ไม่ได้ผ่านการ คัดกรองนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้แรงงานในกลุ่มของต้มยำกุ้ง หรือ ร้านอาหารไทย-มุสลิมในมาเลเซีย นักศึกษาจากประเทศปากีสถาน นักกิจกรรมทางศาสนาดาวะห์จากประเทศอินโดนีเซีย ไม่ใช่เป็นตัวปัญหาในการเป็นพาหะของการแพร่เชื้อให้เกิดขึ้น เพราะทุกคนที่เดินทางกลับเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะด่านชายแดนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการกักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการของโรค หลัง 14 วัน เมื่อ ปลอดภัยก็มีการส่งกลับบ้าน ซึ่ง นักศึกษาชุดแรกจาก ปากีสถาน ที่ถูกกักตัวครบ 14 วัน ไม่มีผู้ติดเชื้อ ขณะนี้ได้เดินทางกลับบ้านได้แล้ว
ส่วนผู้ที่เป็นกลุ่มดาวะห์ที่เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซียนั้น แม้ว่าส่วนใหญ่จะทราบข่าวว่าติดเชื้อก็ไม่สามารถที่จะเป็นพาหะในการแพร่เชื้อ เพราะทุกคนอยู่ในในความดูแลของ แพทย์ พยาบาล ส่วนคนที่ไม่แสดงอาการ ก็ยังอยู่ในพื้นที่ กักตัวเอง ซึ่งยังไม่ครบ 14 วัน ซึ่งตรวจพบว่า มีบางคนที่ติดเชื้อ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาพยาบาล ดังนั้น จึงอย่าได้หวาดวิตกกับคนกลุ่มนี้ เช่นเดียวกับ กลุ่มคนที่จะเดินทางกลับเข้ามาในวันที่ 18 เมษายนนี้ ซึ่งถึงคนจะเข้าสู่ขบวนการ ตรวจโรคไม่ว่าจะ ป่วย หรือไม่ป่วย ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับบ้าน ต้องเข้าสู่ขบวนการ กักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการ ดังนั้น จึงไม่ควรวิตกกังวลว่าคนกลุ่มนี้จะเข้ามา เพื่อเป็นพาหะในการแพร่เชื้อ แต่อย่างใด
วันนี้ปัญหาของโควิด-19ในภาคใต้ ที่ยังเป็นปัญหา กับเจ้าหน้าที่ คือกลุ่มคน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงใน จ.ภูเก็ต ที่เป็นนักท่องเที่ยว และเป็นพนักงานบริการในสถานบันเทิง ซึ่งกระจายออกจากพื้นที่ก่อนการคัดรกรอง หรือการใช้ยาแรงในการล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิวส์พื้นที่ และกลุ่มเสี่ยงใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.ยะลา กับ ปัตตานี ที่ กลุ่มดาวะห์จาก มัรกัส หรือ ศูนย์ดาวะห์ ยะลา ที่เดินทางกลับบ้าน หลังการประกาศปิดศูนย์ดาวะห์ และกลายเป็นผู้นำเชื้อโควิด-19 ไป แพร่เชื้อให้กับ คนในครอบครัว และ ชุมชน ที่ อาศัยอยู่ วันนี้ ปัญหาทั้งหมด เกิดจากคนในพื้นที่กลุ่มนี้ ไม่ใช่คนนอกพื้นที่ ที่จะกลับมายังจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 18 ที่จะถึงนี้ ซึ่งประเด็นนี้ หน่วยงานของรัฐ ต้องใช้ เครื่องมือในการ สื่อสารกับสังคม ให้เข้าใจถึง “บริบท” ของตัวปัญหา อย่างแท้จริง เพื่อให้คนในพื้นที่เข้าใจถูกต้อง และไม่นำประเด็นที่ผิดๆ ไปสู่การ รับรู้ ในช่องทางของโซเซียลมีเดีย ที่ถ้าไม่มีการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง เรื่องผิดเรื่องไม่จริง เมื่อถูกผลิตช้ำมากๆ ก็จะทำให้กลายเป็นเรื่องจริงในที่สุด
และโดยข้อเท็จจริง จาก พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือศอ.บต. ซี่งเป็นหน่วยงานบูรณาการในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น คือได้มีการทำความเข้าใจกับ แรงงาน”ต้มยำกุ้ง”ในประเทศมาเลเซียไปแล้ว ถ้ายังอยู่ในมาเลเซียได้ ก็ไม่ควรเดินทางกลับเพราะเมื่อกลับมาแล้ว หลังมาเลเซียเปิดประเทศ อาจจะมีปัญหาในการกลับไปทำงานก็ได้ ซึ่งการอยู่ในประเทศมาเลเซีย นั้น สถานทูตไทย ได้ให้ความดูแลช่วยเหลืออยู่ เช่นเดียวกับที่ ศอ.บต. ประสานผ่านเครือข่ายภาคประชาสังคมให้ช่วยเหลือดูแลในเรื่อง ถุงยังชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนกับคนไทยในมาเลเซียทั้ง 13 รัฐ แน่นอน การช่วยเหลืออาจจะไม่ดีร้อยเปอร์เซ็น แต่เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่ได้รับไม่ให้เดือดร้อนจนเกินไป
และในวันที่ 18 เมษายน ที่จะมีผู้เดินทางจากประเทศมาเลเซียกลับมาจริง แต่ไม่ได้มาอย่าง “มืดฟ้ามัวดิน” อย่างที่มีข่าวออกมาให้ตื่นตระหนก เพราะมีขบวนการ บริหารจัดการ มีรายชื่อ ที่สถานทูต สถานกงสุล ได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน ทุกคนต้องถูกนำไปยังสถานที่กักตัว 14 วัน ซึ่งผู้ที่เดินทางกลับมีความเต็มใจ สำหรับผู้ที่หวาดวิตกในเรื่องของ ผู้ลักลอบเข้าเมือง ตามแนวชายแดน ในด่านต่างๆ นั้น มี หน่วยงานความมั่นคง รับผิดชอบ มีการจัดกำลัง ตรวจสอบอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนอย่าได้ วิตกกังวลและอย่าเชื่อข่าวซึ่งไม่มีที่มาที่ไป และ ศอ.บต. จะเน้นย้ำให้ มีการ สื่อสารกับสังคม ในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ในทุกช่องทางของการสื่อสาร
แน่นอนวันนี้คนที่จะกลับจากต่างประเทศไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการแพร่เชื้อ แต่ปัญหาใหญ่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะ ยะลา และ ปัตตานี คือการ เร่ง คัดกรอง สอบสวนโรค ในกลุ่มเสี่ยง 2 กลุ่มดาวะห์ 132 คน ที่กลับเข้ามาโดยไม่ผ่านการสอบสวนโรค และกลุ่มที่ออกจากศูนย์ดาวะห์ และกลับไปอยู่บ้านโดยไม่ผ่านการกักตัว 14 วัน ซึ่ง ทุกภาคส่วนที่รับผิดชอบ ต้องเร่งดำเนินการในส่วนนี้ เพราะนี่ต่างหากที่เป็นตัวแพร่เชื้ออย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี