ก่อนหน้านี้เด็กไทยได้ทุนจากโครงการ EF Education First ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย ช่วงปลายเดือน เมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องเดินทางกลับไทยก่อนกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ก็มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะกลับประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่ต้องการที่จะเดินทางกลับ
เช่นเดียวกับ “นางสาวอิงรัก อุตตมางคพงศ์” หรือ “น้องเอิง” นักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ EF Education First ที่เมืองรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เธอเล่าให้ “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ฟังว่า จริงๆตามโครงการแลกเปลี่ยนจะมีระยะเวลาประมาณ 10 เดือน แต่มีเหตุการณ์โควิด-19 เกิดขึ้น นักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งหมดจึงต้องกลับประเทศตัวเองก่อนเวลากำหนด 2 เดือน
นางสาวอิงรัก ให้เล่าให้ฟังอีกว่า ตอนลงมาจากเครื่องบินจะมีเจ้าหน้าที่มารับ เพราะทั้งเครื่องบินทั้งลำมีเฉพาะเด็กแลกเปลี่ยนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ลำที่ตนนั่งมาไปลงที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้สำหรับกักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการว่ามีใครเข้าข่ายติดไวรัสโควิด-19 หรือไม่ โดยขั้นตอนแรกเจ้าหน้าที่จะนำกระเป๋าไปฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วนั่งรถไปยังสถานที่กักตัว ซึ่งลำที่ตนมานั้นมานักเรียนแลกเปลี่ยนประมาณ 200-300 คน เพราะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนล็อตแรกๆ ที่เดินทางเข้าประเทศไทย
นางสาวอิงรัก กล่าวอีกว่า ตอนกักตัว 14 วัน จะต้องปรับตัว เพราะเป็นคนที่กินเยอะมาก ตอนกักตัวก็ต้องกินเป็นเวลา เช้า กลางวัน และเย็น ตอนแรกก็กังวลว่าระยะเวลา 2 สัปดาห์ตนจะอย่างไร ช่วงแรกยอมรับว่าปรบตัวยากมาก เพราะตอนที่ตนไปเรียนเป็นเมืองหนาว กลับมาไทยเป็นเมืองร้อน และการเปิดปิดเครื่องปรับอากาศต้องเป็นเวลา บางวันเหงื่อตกชุ่มทั้งตัว และทุกวันจะต้องมีการวัดอุณหภูมิร่างกายว่าผิดปกติหรือไม่ 14 วัน ถือว่าอึดอัดมาก แต่ก็ต้องทำเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวมระยะเวลา 14 วัน ในการกักตัวตนรู้สึกกังวล ตื่นขึ้นมาถามตัวเองตลอดว่า “เป็นโควิด-หรือไม่” เพราะตนเป็นภูมิแพ้ด้วย เลยมีความกังวลเป็นพิเศษ
“ประทับใจทีมแพทย์ที่มาดูแลมาก เพราะเวลาพูดคุยจะรู้สึกได้ว่ามีการใส่ใจเด็กๆ ทุกคน และทีมแพทย์ไม่มีการแสดงสีหน้าหรือพูดจาว่ารู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เราเองก็รู้ว่าคุณหมอเหนื่อย เพราะจำนวนนักเรียนกว่า 300 คน คุณหมอพูดคุยกับทุกคนเหมือนการ มีการถามไถ่อาการ ยิ้มแย้มตลอดเวลา จนเรารู้สึกอุ่นใจ” น้องเอิง กล่าว
น้องเอิง ยังบอกอีกว่า หลังกักตัว 14 วัน เมนูแรกที่อยากกินมาก คือ หมูกระทะ เป็นสิ่งที่คุยกับแม่ไว้ว่าอยากกิน แต่วันแรกที่ได้กินคือ ทุเรียน แต่แม่ก็ทำชาบูให้กินที่บ้านแทน เพราะไม่อยากออกไปนั่งกินที่ร้าน
น้องเอิง เล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่อยู่สหรัฐอเมริกาว่า เราต้องดูแลตัวเอง ไม่อยากออกไปข้างนอก แต่พอมีมาตรการเข้มงวดขึ้น ก็มีออกไปซื้อของบ้าง เพราะเขาจะให้หนึ่งครอบครัวเข้าไปซื้อของได้แค่คนเดียว แรกๆ ตนรู้สึกกลัวมาก อยู่ต่างบ้านต่างเมืองหากเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร และการรักษาพยาบาลก็ลำบาก จริงๆ เขาตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ฟรี แต่พอตรวจและพบว่าติดเชื้อค่ารักษาแพงมาก คนจึงไม่นิยมไปตรวจ เพราะกลัวไม่มีค่ารักษา
“โชคดีว่ารัฐที่ตนอยู่ไม่ได้อยู่ใกล้เมืองหลวงมากนัก จึงคลายความกังวลไปได้ ที่บ้านก็บอกว่ายังไม่ต้องกลับ และตนก็คิดว่าเราดูแลตัวเอง แต่ก็มีคนที่ความเห็นต่างที่อยากให้ลูกกลับประเทศไทย แต่เราคิดว่าเราอยู่กับที่ไม่ออกไปไหน จะปลอดภัยกว่า แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมา” น้องเอิง กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี