การที่ประเทศไทย จะต้องยืนอยู่บนขาของตนเองให้ได้เมื่อเสร็จสิ้นภัยพิบัติ COVID-19 ก็เพื่อเตรียมรับภัยพิบัติอื่นๆ ที่อาจจะเข้ามาโจมตีเราในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างมหาอำนาจในทะเลจีน หรือสงครามโลก ไม่ว่าจะเป็นสงครามชีวภาพรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมนครใหญ่ๆ 20 นคร ตามที่มีการคาดคะเนไว้ หรือว่าวาตภัยแบบที่เกิดในอ่าวเม็กซิโกบ่อยๆ จะเข้ามาถล่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อใดบ้าง
ทั้งนี้ ยังไม่นับภัยที่เกิดจากภายในของเราเอง เช่น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยพรรคแกนนำรัฐบาลคณะใหม่ไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้ประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่รับเงินช่วยเหลือตามโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ยังไม่มีงานทำ และยังไม่มีรายได้ รัฐบาลก็ไม่มีเงินยังชีพเดือนละ 5,000 บาท ช่วยเหลือต่อไป ส่วนคนที่ทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ ก็กำลังถูกซองขาวนับพัน นับหมื่น SME ก็กำลังทยอยกันปิดตัว
ภัยจากภายในเช่นนี้ จะทำให้คนไทยต้องเดินแถวกันเข้าไปหางานทำในเขมร ลาว พม่า เช่นเดียวกับที่ประชาชนเวเนซุเอลา ประเทศที่แสนจะร่ำรวยน้ำมัน เคยประสบมาแล้วหรือไม่
แล้วภัยจากการเมืองภายใน ก็ยังมีอยู่อีก กลุ่มชังชาติก็พร้อมที่จะปลุกปั่นประชาชน ให้ลุกฮือสานต่องานของคณะราษฎรให้แล้วเสร็จเด็ดขาดไปตามความเข้าใจผิดๆ ของเขา นับว่าเสี่ยงต่อสงครามกลางเมือง (Civil War) เป็นอย่างยิ่ง
ก็เมื่อภัยทั้งหลายข้างต้น เป็นภัยจากธรรมชาติแปรปรวนบ้าง จากโรคระบาดบ้าง จากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จบ้าง จากการเมืองภายในบ้าง แล้วทำไมเราจะต้องตามเวทีโลกให้ทัน
ถึงแม้โลกจะมีแนวโน้ม (Trend) ไปในทาง deglobalization ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างผลิต ต่างคนต่างใช้ เราก็ยังต้องตระหนักว่า วันหนึ่งเกษตรกรชาวสวนกล้วยหอมของเราจะต้องตกงาน เพราะมิตรตัวโตข้างบ้านเรา ก็จะต้องทุ่มกล้วยหอมที่ปลูกไว้หลายหมื่นไร่ในประเทศเพื่อนบ้านของเรา เข้ามาเต็มตลาดไทที่กรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัด ในเมื่อเขาผลิตได้เกินความต้องการภายในประเทศเขา เช่นเดียวกับพืชผักอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เกษตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ยาง ลิ้นจี่ กะหล่ำปลี ผักต่างๆ
อย่าว่าแต่เกษตรกรเลย ธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง (SME) ของเราก็น่าจะตายเรียบ เพราะมิตรตัวโตข้างบ้านเรา เขาก็สนับสนุนคนของเขาให้รุกเต็มที่ โดยใช้เทคโนโลยีและเงินทุนของรัฐเข้าช่วย ไม่ว่าเป็น Big Data, R&D, Automation, AI และเงินทุนที่จะไปลงทุน ซึ่งถูกเหมือนได้เปล่า
---------------
หมดยุคแล้ว ที่จะเอานักการเมืองเข้ามาบริหารประเทศ ขณะนี้เราต้องการนักวิเคราะห์ นักการต่างประเทศ นักเศรษฐศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยีดิจิทัล นักวิจัยและพัฒนา ที่มีฝีมือเป็นนักบริหารมืออาชีพได้ด้วย เข้ามาบริหารประเทศไทย
---------------
นอกจากจะตามทันเวทีโลก รอบๆ บ้าน และในภูมิภาคเดียวกันแล้ว การติดตามเวทีโลกที่อยู่โพ้นทะเลออกไปก็จำต้องมีเช่นเดียวกัน
ยักษ์ใหญ่คาวบอย ก็ยังต้องหาทางทำลาย หรือเข้าครอบงำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของยักษ์รองๆ ทางยุโรป ทั้งด้วยเล่ห์และด้วยกล อัลสตอม ผู้มีชื่อเสียงในด้านรถไฟ รถไฟฟ้าความเร็วสูง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าประเภทต่างๆ คู่แข่งของ G.E. ก็ยังถูกรังแกโดยจับพนักงานผู้ใหญ่ ระดับรองประธานถึง 2 คน ขณะเดินทางเข้านิวยอร์ก แล้วอัลสตอมก็ถูกปรับนับพันล้านเหรียญ และถูกบังคับให้ขายหุ้นแก่ G.E.
ซึ่งก็เหมือนกับหัวเหว่ยของจีน ก็ได้สั่งให้แคนาดาจับลูกสาวของผู้ก่อตั้ง ที่สนามบินแวนคูเวอร์ ไว้เพื่อบีบหัวเหว่ยจนกระทั่งทุกวันนี้
ดังนั้น การตามทันเวทีโลก จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะได้ระวังตัว จะได้ไม่ยอมเป็นเหยื่อของอันธพาลระดับโลก และมิตรตัวโตๆ ทั้งหลาย สมัยก่อนเขาเอาเรือรบเข้ามาจ่อหน้าพระราชวัง แล้วบังคับให้เราเสียค่าปรับ และเสียดินแดน ฝั่งซ้ายขวาของแม่น้ำโขงมาแล้ว
สมัยนี้ การรังแกประเทศเล็กกว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว แต่จะมาในรูปอื่นที่ประเทศเล็กกว่าจะต้องรู้เท่าทัน และเตรียมแก้ไขไว้ล่วงหน้า
เพราะฉะนั้น การตามทันเวทีโลก จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อความอยู่รอดของประเทศ
ประเทศไทยมีสถานเอกอัครราชทูตอยู่ใน 66 ประเทศ
เอกอัครราชทูตไทยแต่ละคน ก็ล้วนแต่มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทจากนอกมาเป็นอย่างต่ำ หรือไม่ก็ PhD. จากมหาวิทยาลัยมีชื่อของทุกภูมิภาคของโลก นอกจากจะต้องเป็นตัวแทนขององค์พระประมุขของประเทศแล้ว ยังเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย และของคนไทยทั้งชาติ
การที่เราจะตามทันเวทีโลกได้ โดยไม่เสียเปรียบเขาโดยไม่เสียท่าประเทศมหาอำนาจ จากทุกภูมิภาคของโลกและจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน เราก็จะต้องตามทันเวทีโลกให้ได้ด้วย โดยอาศัยเอกอัครราชทูต ทูตพาณิชย์ ทูตเศรษฐกิจการคลัง ทูตทหารที่เราส่งไปประจำตามสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 66 ประเทศนี้แหละ
เพราะว่าแต่ละเดือน แต่ละไตรมาส แต่ละปี หรือแต่ละเหตุการณ์ใหญ่ๆ เกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้น เราก็จะมีรายงานเศรษฐกิจ การเมือง การค้า การทหาร มาให้กระทรวงเจ้าสังกัดในประเทศได้รับทราบ วิเคราะห์ และพิจารณาดำเนินการต่อไป
หากผู้ใช้อำนาจบริหารแทนปวงชนชาวไทย (รัฐบาล) ไม่ทึมทึกเกินไปจนอ่านรายงานแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็ยังวิเคราะห์ไม่ถูก ว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ เช่น นำสิ่งที่ดีของต่างประเทศมาใช้ในกระทรวงที่ตนรับผิดชอบ นำสิ่งที่แปลกใหม่ตามรายงาน มาทดลองดูว่า ถ้าทำบ้างในประเทศไทยจะได้ไหม หรือนำข้อเสนอแนะจากบรรดาผู้แทนไทยในต่างประเทศ มาพิจารณาว่าทำอย่างไรเราจะไม่เสียตลาดทุเรียน กล้วยหอม ข้าว ให้แก่ประเทศอื่น หรือว่าเราจะมีวิธีสกัดการครอบงำทางการค้าของ SME ไทย ที่มหามิตรตัวโต กำลังดำเนินการอยู่อย่างขะมักเขม้น โดยสนับสนุนทั้งทุน เทคโนโลยี และวิทยายุทธ์ในธุรกิจ ให้แก่ คนของตนในการรุกคืบออกไปทุกทิศทางได้อย่างไร
ท่านเอกอัครราชทูต ท่านทูตพาณิชย์ ท่านทูตเศรษฐกิจและการคลัง ท่านทูตทหาร ฯลฯ เองก็คงไม่นั่งเพลิดเพลินอยู่กับประเทศที่ตนถูกมอบหมายให้ไปประจำอยู่ คงจะได้ศึกษา สังเกต เทียบเคียง ว่าประเทศเขามีอะไรดีกว่าเราบ้าง แล้วนำเสนอมาในรายงานประจำเดือนประจำไตรมาส ว่าสิ่งเหล่านั้น ควรได้รับการแก้ไขอย่างไรในประเทศไทย
ไม่ว่าจะด้านการเมือง ประชาธิปไตยแบบต่างๆ แบบใดที่สร้างความมั่นคง และความเจริญให้กับ
ประเทศนั้น
ไม่ว่าจะสภาพการณ์หลังภัยพิบัติ COVID-19 ว่าธนาคาร ห้างสรรพสินค้า และการประกอบการใหญ่ๆ เขาล้มละลายไปกี่สิบกี่ร้อยรายแล้ว และเขาแก้ไขปัญหากันอย่างไร
ปลาตัวใหญ่ (มหามิตรตัวโต) เขากำลังฮุบปลาตัวเล็กรอบๆ บ้านเราอย่างไร เราควรเตรียมการแก้ไขอย่างไร ไม่ให้ถูกฮุบไปด้วย
ผลิตภัณฑ์ทางเกษตรตัวใด ที่มีอนาคตดี และจะเพิ่ม GDP และความเป็นอยู่ที่ดีแก่เกษตรกรไทย
เราก็มีคนดี คนเก่ง ไปประจำอยู่ตามสถานเอกอัครราชทูตไทยทั่วโลกอยู่แล้ว แต่เรามี คนดี คนเก่งและนักบริหารมืออาชีพ ที่เป็นเจ้ากระทรวงต่างๆ จะเข้าใจรับฟัง และนำไปปฏิบัติ ให้ประเทศไทย และคนไทยยกฐานะไปอยู่ในระดับ สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ได้บ้างหรือไม่
หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ก้าวให้ทันเวทีโลก ทั้งฝ่ายที่ถูกส่งไปสังเกตการณ์ และรายงาน ทั้งฝ่ายที่รับรายงานพยายามนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ประเทศไทยเราก็คงจะยืนยงอยู่ต่อไปได้อีกชั่วกัลปาวสาน
---------------
นวัตกรรมการเมือง
ช่วยกันสร้างชาติไทยยามไร้พ่อ ไทยควรมี ครม. ดีเก่งกล้า
รัฐบาลต้องมั่นคงเพื่อพัฒนา การเมืองน้ำเน่า ควรอำลาจากบ้านเมือง
หน้าที่ของทุกคนช่วยกันคิด หาแนวคิดสร้างกระบวนการที่ใหม่ๆ
เข้าสู่อำนาจบริหารได้อย่างไร ประเทศไทยจะมั่งคั่ง และยั่งยืน
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี