"วัดวังก์วิเวการาม" หรือ "วัดหลวงพ่ออุตตมะ" เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพร "หลวงพ่ออุตตมะ" ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยวันนี้ "ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์" จะพาไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ว่ามีความสำคัญอย่างไรบ้างตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า วันที่ทีมข่าวฯ ไปนั้น "ฝนตก" ไม่ได้ตกธรรมดา แต่ตกแบบจริงจัง ตกตลอดทั้งวัน แต่ข้อดีของฝนตกนั้นคือ อากาศเย็นสบาย วิวสวย เห็นทะเลหมอกในบางพื้นที่ และสิ่งแรกที่ต้องทำคือ เข้าไปกราบไว้ขอพร "หลวงพ่ออุตตมะ" ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติ โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ และเคารพบูชามาเป็นเวลานาน เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" จากพลังศรัทธาของชาวมอญที่มีต่อหลวงอุตตมะ วัดแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามประเพณีของชาวมอญ
หากเดินเข้ามาภายในวัดวังก์วิเวการาม จะเห็น "ปราสาทเก้ายอด" อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นโลงบรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ โดยมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปกรรมของชนชาติมอญ บรรจงจากฝีมือช่างที่เดินทางมาจาดจังหวัดเชียงใหม่ ตัวโลงเจาะช่องใส่กระจกให้มองเห็นลาย "ขุนแผนเปิดม่าน" การสร้างปราสาทมอญเชื่อว่าเป็นการส่งวิญาณให้ไปสถิต ณ สรวงสวรรค์
ส่วนทางขวามือจะเป็น "วิหารพระหินอ่อน” พระพุทธรูปหินอ่อน ทางเดินเข้าวิหารจะมีหลังคาคลุมเป็นทางเดิน และมีภาพถ่ายเกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตของชาวมอญติดอยู่ตลาดทางเดิน ด้านในเป็นที่สถิตพระพุทธรูปหินอ่อน พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปที่หลวงพ่ออุตตมะสั่งทำขึ้นที่พม่า โดยส่งรูปพระพุทธชินราชไปให้ช่างที่มัณฑะเลย์ แกะจากหินอ่อนสีขาวก้อนเดียว จากนั้นทำการขนย้าย จนมาถึงด่าน เจดีย์สามองค์เมื่อ แรม 9 ค่ำ เดือน 4 ปี พ.ศ.2517
และ “พระอุโบสถ” ที่มีความงดงาม มีซุ้มทางเข้าอุโบสถเป็นซุ้มหลังคาทรงยอดปราสาท ส่วนตัวโบสถ์เป็นหลังคาทรงสูง หลังคาโบสถ์ทำเป็นหน้าจั่วซ้อนชั้น และมียอดปราสาทอยู่ชั้นบนสุด สวยงามสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
*** ส่วนบริเวณวัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม ปัจจุบันพระอุโบสถหลังเก่าจมอยู่ใต้น้ำ มีชื่อเสียงด้านสถานที่ท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “วัดใต้น้ำ สังขละบุรี”
สำหรับ ประวัตความเป็นมาของ “วัดวังก์วิเวการาม” เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ห่างจากอำเภอเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 220 กิโลเมตร
ในระยะแรกมีเพียงกุฏิและศาลา มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า “สามประสบ” ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน ในปี พ.ศ. 2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ใช้ชื่อว่า “วัดวังก์วิเวการาม” ซึ่งตั้งตามชื่ออำเภอเดิม คืออำเภอวังกะ-สังขละบุรี ต่อมาถูกยุบเป็นกิ่งอำเภอ ก่อนที่จะยกฐานะเป็น อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีในปี พ.ศ. 2508
ทั้งนี้ พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ์) ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำแล้ว น้ำในเขื่อนจะท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งบริเวณหมู่บ้านชาวมอญทั้งหมด ทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน หลวงพ่ออุตตมะได้จัดสรรที่ดินของวัดวังก์วิเวการามให้ชาวบ้านครอบครัวละ 30 ตารางวา ปัจจุบันหมู่บ้านชาวมอญมีพื้นที่ราว 1,000 ไร่เศษ มีผู้อาศัยราว 1,000 หลังคาเรือน ชาวบ้านเกือบทั้งหมดจัดเป็นผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า ซึ่งไม่มีบัตรประชาชน หาเลี้ยงชีพโดยการปลูกพืชผักสวนครัวตามชายน้ำ ทำประมงชายฝั่ง คนหนุ่มสาวส่วนหนึ่งนิยมเป็นลูกจ้างในโรงงานเย็บเสื้อที่อยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้าน
วัดวังก์วิเวการามหลังใหม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2528 ก่อสร้างด้วยศิลปะแบบมอญและไทยประยุกต์ วิหารศิลปะมอญปัจจุบันเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะในโลงแก้ว ส่วนศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีตสองชั้น ชั้นล่างใช้เป็นที่จัดงานบุญต่าง ๆ ส่วนชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ใช้เก็บคัมภีร์ใบลานอักษรมอญโบราณ พระพุทธรูป อัฐบริขาร และเครื่องใช้ต่างๆ บริเวณใกล้กับวัดวังก์วิเวการามคือ สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
ส่วนนักท่องเที่ยวหากสนใจไปกราบไหว้ขอพร “หลวงพ่ออุตตมะ” สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ทุกวัน
ขอมูลบางส่วนจาก : วิกิพีเดีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี