ในบรรดาประเทศในภูมิภาคอาเซียน 10 ประเทศ ประเทศสิงคโปร์ได้ก้าวหน้าเราไปไกลนานแล้ว และเป็นประเทศอันดับ 1-5 ของโลก ทั้งในด้านรายได้ของประชากร ความมีระเบียบวินัย การขจัดทุจริตคอร์รัปชั่น การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
มากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ
ประเทศต่อมาก็ได้แก่ มาเลเซีย ถึงแม้จะอยู่ต่ำจากสิงคโปร์ลงมาแต่ก็สูงกว่าไทยชนิดตามติดกันยาก
ส่วนประเทศที่กำลังวิ่งผ่านประเทศไทยไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ก็ได้แก่ ประเทศเวียดนาม อีกไม่กี่ปีเราก็จะเอื้อมไม่ทันเขา (โปรดดูบทความของอดีตเอกอัครราชทูต คมกริช วรคามิน ในแนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 30 พ.ย.2562 และ
วันเสาร์ที่ 7 ธ.ค.2562)
ความเพิกเฉย หรือ ความไม่รู้ร้อนรู้หนาว ของข้าราชการประจำและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นส่วนหนึ่งของตัวถ่วงที่ทำให้ประเทศไทยไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร
ยกตัวอย่างกรณีพิพาทที่ดินในทะเล เพื่อเลี้ยงหอยแครงในอ่าวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่กำลังออกสื่ออยู่เมื่อเร็วๆ นี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะความเพิกเฉยของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
แต่ก่อนชาวบ้านที่มีอาชีพเป็นชาวประมงรายย่อย ออกเรือเล็กมาเก็บหอยแครงกันเป็นประจำ หารายได้เลี้ยงปากท้อง หรือ “หาเช้ากินค่ำ” ไปวันหนึ่งๆ
ต่อมาก็มีนายทุน ต้องการมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ก็ลงทุนเอาไม้มาปักเขตในทะเลน้ำตื้น แปลงละหลายร้อยไร่ เพื่อทำการเลี้ยงหอยแบบฟาร์มหอยแครง แล้วปลูก “ขนำ” ไว้ในทะเล บนพื้นที่หลายร้อยไร่ที่ตนจับจอง คอยห้ามและคุกคามชาวประมงรายย่อยมิให้มาหากินในเขตของตน
จนเกิดจะฆ่ากันตายในทะเลมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ทางการจึงเข้ามาจัดการ ขณะนี้ก็กำลังสั่งรื้อถอน “ขนำ” ออกให้หมด เรียกว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ไปก่อน
ทำไมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ป้องกันไว้ก่อน โดยการจัดระเบียบให้เรียบร้อย ให้ใบอนุญาต (license) หรือ สัมปทาน (concession) กันให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เรื่องนี้ จึงต้องถามกระทรวงมหาดไทย (ผู้ว่าราชการจังหวัด) กรมประมง (ประมงจังหวัด) และกรมเจ้าท่า (เจ้าท่าจังหวัด) กรมทรัพยากรทางทะเล (ทรัพยากรจังหวัด) และตำรวจว่า
ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ทราบมาก่อนหรือว่า มีการเข้าไปจับจองอาณาเขตทางทะเลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จนเป็นปัญหาระหว่างนายทุนฟาร์มหอย และชาวประมงรายย่อย
เจ้าท่าจังหวัดปล่อยให้มีนายทุนเข้าไปปักหลักยึดเขตน่านน้ำไทย โดยมิได้รับอนุญาต ได้อย่างไร ทำไมวางเฉย
กันไม่ทำอะไรเลย แล้วการสร้างขนำขนาดใหญ่ในทะเลเกือบร้อยขนำ นั้น ทางเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าไม่ทราบเลยหรือ
ประมงจังหวัด หรือทรัพยากรจังหวัด มีหน้าที่ดูแลการประมงและทรัพยากรในทะเลหรือเปล่า ทำไมเพิกเฉยปล่อยให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง กรมของท่านมีหน้าที่ในการออกใบอนุญาตหรือออกประมูลให้สัมปทาน การทำฟาร์มเลี้ยงหอยแครงหรือไม่ ถ้ามิใช่กรมของท่าน ก็อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมใด
แม้แต่ชาวประมงรายย่อยที่ออกไปหาหอยแครงในอ่าวเมืองสุราษฎร์ธานี ได้มีการจัดระเบียบ จดทะเบียน และวางข้อกำหนดต่างๆ ไว้บ้างหรือไม่ ถ้าวันนี้มี 200 ราย ต่อไปมี 2,000 ราย จะทำอย่างไร หอยแครงจะเกิดให้ทันจับหรือไม่ อาจจะต้องทะเลาะและตีกันกลางทะเลระหว่าง
ชาวประมงรายย่อยก็ได้
ส่วนตำรวจ ผู้บังคับการตำรวจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และทุกๆ จังหวัด ก็มียศกันขนาดนายพลตรี เมื่อมีเหตุการณ์ผิดกฎหมายหรือเรื่องพิพาทเกิดขึ้นเช่นนี้ จะต้องรอให้มีผู้มาแจ้งความด้วยหรือตำรวจมีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์มิใช่หรือ ทำไมต้องไปเดือดร้อนถึงกองทัพเรือ ซึ่งเขามีหน้าที่ในการป้องกันศัตรูภายนอกที่รุกล้ำเข้ามาทางทะเล เรื่องความสงบสุขภายในเช่นนี้ ตำรวจน่าจะริเริ่มทำเองได้ เพื่อความสงบสุขของราษฎรในจังหวัดของท่าน
นี่คือคำถามที่ไคร่ได้รับการชี้แจงจากกระทรวงมหาดไทย (ผู้ว่าราชการจังหวัด) กรมประมง (ประมงจังหวัด) กรมเจ้าท่า (เจ้าท่าจังหวัด) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ความเพิกเฉยหรือการวางเฉย จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเช่นนี้ ก่อให้เกิดปัญหาแก่ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา เป็นตัวถ่วงความเจริญก้าวหน้าของประเทศประการหนึ่ง
-----------------
เรื่องแบบสุราษฎร์ธานี ไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงแห่งเดียว แต่น่าจะมีหลายแห่ง ขอยกขึ้นมาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอีกแห่งหนึ่งก็คือ ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แต่ก่อน (30 ปีมาแล้ว) ศรีราชาเป็นอำเภอน่าอยู่ เหมาะแก่การพักอาศัย (Residential Area) มีชายทะเลที่สวยงาม มีภูเขาและเนินเขาเป็นฉากหลัง (back ground)
มองไปข้างหน้าผ่านทะเลสวยใส ก็เห็นเกาะสีชังที่สวยงาม ยามพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าทานอาหารอยู่ร้านริมทะเล
ศรีราชา หรือเดินอยู่บนเกาะลอย ก็จะเห็นพระอาทิตย์ตกสวยงามมาก
ต่อมามีชาวประมงเอากระป๋องน้ำมัน ผูกกันเป็นแพ แล้วห้อยเชือกลงไปเลี้ยงหอยแมลงภู่ แรกๆ ก็มีไม่กี่แพ อยู่แถวๆ บางพระ
ต่อมาก็ลามมาถึง ศรีราชา และตอนนี้ก็ลามมาจนถึงเกาะลอย แพหอยแมลงภู่แน่นไปหมด ขนำก็เริ่มมีเช่นกัน
ต่อไปจะลุกลาม กลายเป็นกรณีพิพาทเช่นเดียวกับที่อ่าวสุราษฎร์ธานีหรือไม่
แถวศรีราชามีน้ำเสียจากโรงงาน, จากหมู่บ้าน,จากร้านอาหาร, จากโรงแรม ไม่น้อย หอยแมลงภู่จะมีสารเคมีที่เป็นพิษอยู่หรือเปล่าไม่ทราบ หน่วยงานใดรับผิดชอบในคุณภาพหอยแมลงภู่ ว่าไม่มีสารพิษ
และหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมเจ้าท่า กรมประมง กระทรวงทรัพยากรฯ ฝ่ายปกครองของอำเภอศรีราชา และของจังหวัดชลบุรี รวมทั้งฝ่ายสาธารณสุขจังหวัด ได้ไปดูแลบ้างหรือเปล่า
หวังว่าหน่วยราชการต่างๆ และเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่เพิกเฉย และนั่งดูดาย ดังทำนองเพลงบรรเลง ที่ใช้เปิดนำเพื่อเทียบเวลาของประเทศไทยก่อนเคารพธงชาติเช้า 08.00 น. และก่อนเคารพธงชาติเย็น 18.00 น. ซึ่งได้นำเนื้อเพลงมาลงพิมพ์ไว้ให้ท่านอ่าน และอาจจะร้องคลอไปด้วย ดังนี้
ประพันธ์โดย หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ
พระมารดาของกรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์ (หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ)
วันเวลามิเคยคอยใคร แม้นใครว่องไวก็ไม่เสียเวลา
(ซ้ำ) วันเวลามิเคยคอยใคร แม้นใครว่องไวไม่เสียเวลา
ชาติเจริญวัฒนาเพราะเราชาวไทย แคล่วคล่องว่องไวอย่าได้เฉยชา
จะเจริญและวัฒนาเพราะประชาชาวไทย แถวตรงว่องไวไม่ให้เราเฉยชา
ใครลีลาไม่ไปทำงาน ก็พวกเกียจคร้านเนิ่นนาน
งานร่า
(ซ้ำ) ใครลีลาไม่ไปทำงาน ก็พวกเกียจคร้านเนิ่นนานงานร่า
ชาติเจริญวัฒนาเพราะเราชาวไทย แคล่วคล่องว่องไวอย่าได้เฉยชา
จะเจริญและวัฒนาเพราะประชาชาวไทย แถวตรงว่องไวไม่ให้เราเฉยชา
ไขลานตัวเองนิดหน่อย เดินแค่ตามรอยนาฬิกา
ชาติเจริญวัฒนาเพราะเราชาวไทย แคล่วคล่องว่องไวอย่าได้เฉยชา
จะเจริญและวัฒนาเพราะประชาชาวไทย แถวตรงว่องไวไม่ให้เราเฉยชา
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี