“ผมบอกเสมอว่าเวลาสร้างโรงไฟฟ้ายากที่สุดอยู่ที่ตอนแรก เพราะเขายังไม่เห็นภาพ ผมใช้เวลาที่สระบุรีอยู่ 2 ปี วันแรกที่จะไปสร้าง ป้ายขึ้นทั้งหมู่บ้านเลย เรียกว่า 90% ไม่เอา ทำประชาพิจารณ์รอบแรกถอดรองเท้าวิ่งหนีม็อบ โรงไฟฟ้าแก่งคอย บ้านธาตุ ก็ต้องคุยกับเขา ไปคุยแรกๆ ปล่อยหมากัดบ้าง สารพัด เราบอกว่าดีฯเขาก็บอกว่าดีก็ไปสร้างบ้าน_คุณโน่น เจอทุกจังหวัดนะคำนี้ ผมโดนทุกจังหวัด อย่างที่สระบุรีผมต้องค่อยๆ คุย”
เรื่องเล่าจาก ศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ กรรมการบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับประสบการณ์ในการผลักดันโครงการก่อสร้าง “โรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม” ซึ่งโครงการแรกคือ “โรงไฟฟ้าบ้านธาตุ” อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ใช้เวลาถึง 2 ปีกว่า จะดำเนินการก่อสร้างได้เพราะต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน และเวลานั้นก็ยังไม่มีตัวอย่างให้เห็นว่าโรงไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษจนเป็นอันตรายต่อชุมชนโดยรอบนั้นเป็นอย่างไร
แต่เมื่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกแล้วเสร็จ อีก 2 โครงการคือที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.พิจิตร ก็ดำเนินการได้ง่ายขึ้น ใช้เวลาทำความเข้าใจกับชาวบ้านเพียง 2 สัปดาห์ก็เริ่มก่อสร้างได้เพราะมีตัวอย่างที่ จ.สระบุรี ให้เห็นแล้ว ซึ่งศุภวัฒน์ระบุว่า สิ่งที่ชุมชนรอบโรงไฟฟ้ากังวลจะมีอยู่3 เรื่อง คือ 1.ดิน หรือหมายถึง “กากของเสีย” โรงไฟฟ้าของบริษัทนั้นรับกำจัดเฉพาะ “ขยะอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย” 6 ชนิด คือ ยาง ไม้ ผ้า กระดาษ พลาสติกและหนัง
“พอบอกว่าเป็นขยะอุตสาหกรรมปุ๊บ! โอ้!..น่ากลัวมากเลย ถ้าเห็นบอกเป็นขยะอุตสาหกรรมยังไงก็มีพิษแน่นอน แต่ขยะอุตสาหกรรมแบ่งเป็น 2 ประเภท มีขยะ
อุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย ถ้าในโรงไฟฟ้าแห่งนี้เราใช้เป็นขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย ก็คือของ 6 อย่างกระดาษ ไม้ ผ้า ยาง หนังและพลาสติก ทำไมเรียกว่าอุตสาหกรรม พวกนี้ไปรับมาจากโรงงานอุตสาหกรรมทั้งสิ้นอย่างเศษกระดาษก็ไปรับมาจากโรงงานกระดาษ เวลาเขาตัดกล่องกระดาษมีเศษที่เหลือจากการตัดกล่อง พวกนี้ก็จะมี Waste (ของเหลือทิ้ง) เป็นเศษกระดาษเยอะ
ผมไปโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เขาขึ้นทรงเสื้อผ้าเสร็จก็ตัดเศษผ้าออกมา ผมก็ได้เศษผ้า หรือเศษไม้ก็ไปโรงงานเฟอร์นิเจอร์ก็มีเศษไม้เหลืออยู่ เขาขึ้นรูปโต๊ะก็ตัดไม้ออกมา หรือเศษพลาสติก เราก็ไปโรงงานผลิตพลาสติก พลาสติกที่เขาเหลือใช้ คือจริงๆ ชิ้นส่วนพวกนี้ไม่ใช่ขยะอุตสาหกรรม ไม่ควรใช้คำว่าขยะ จริงๆ มันยังไม่ผ่านการใช้งาน เป็นวัสดุเหลือใช้ เป็นวัสดุสะอาดที่เราไปรับมาจากโรงงานอุตสาหกรรม เอาเข้ามาทำเชื้อเพลิง อย่างเศษหนังก็ไปรับมาจากโรงงานทำรองเท้า เศษยางก็โรงงานที่ขึ้นรูปยางต่างๆ วัตถุดิบหลักๆ ก็มีแค่ 6 อย่างนี้” ศุภวัฒน์ ระบุ
เมื่อรับเพียงวัสดุที่ไม่ใช่ขยะอันตราย จึงหายกังวลได้ทั้งกลิ่นและน้ำขยะซึ่งพบในขยะเศษอาหารที่มีการเน่าเสียจนมีหนอนและแมลงวัน และทั้งสารพิษจากขยะอุตสาหกรรมที่เป็นโลหะหนัก สุดท้ายกากเถ้าของเสียที่เกิดจากการเผา จะถูกนำไปฝังกลบ ณ หลุมฝังกลบขยะอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด มีแผ่นปูพื้นและทำระบบท่อรวบรวมน้ำเสียจากบ่อขยะไปเข้ากระบวนการบำบัด เพื่อไม่ให้น้ำขยะซึมลงไปปนเปื้อนกับน้ำใต้ดิน
2.อากาศ เตาเผานั้นใช้เทคโนโลยีที่ประเทศเยอรมนีใช้และพัฒนาต่อเนื่องมาแล้ว 100 ปี ญี่ปุ่นใช้มากว่า 50 ปีจึงการันตีว่าไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม “การเผาทำที่อุณหภูมิ 850-1,000 องศาเซลเซียส อันเป็นการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ ลดการเกิดสารไดออกซินที่เป็นสารก่อมะเร็งถึงร้อยละ 99” อีกทั้ง “ไม่มีควัน” รบกวนคนในชุมชนรอบๆ โรงงาน และในส่วนของก๊าซร้อนจำพวกกรดที่ถูกปล่อยออกมาจากการเผา เช่น เผาพลาสติกได้กรดเกลือ เผายางได้ซัลเฟอร์ ก๊าซเหล่านี้จะไหลไปตกที่ถังปฏิกิริยาแทนที่จะปล่อยออกสู่ภายนอกแล้วทำให้เกิดปัญหาฝนกรด
โดยในถังปฏิกิริยาจะมีการเติมปูนขาวที่มีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อสลายความเป็นกรด จากนั้นยังมีถุงกรองคอยกรองปูนขาวกับฝุ่นที่เกิดจากขั้นตอนนี้อีกครั้ง แม้จะมีฝุ่น PM2.5 ออกไปภายนอกบ้างแต่ก็ไม่มากนัก อนึ่ง แม้จะไม่รับเผาขยะอุตสาหกรรมประเภทที่เป็นอันตราย แต่เพื่อป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่ง ทางโรงงานจึงใช้ถ่านกัมมันต์เป็นตัวดูดซับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท ที่อาจปะปนมากับวัสดุที่รับมาเผาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
“มีคำถามจากชาวบ้าน จะรู้ได้อย่างไรว่าอากาศสะอาด แอบไปปล่อยกลางคืนหรือเปล่า ความคิดของชุมชนก็จะแบบนี้ ไปว่าเขาก็ไม่ได้ โรงงานบางโรงก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ของเราเปิด 24 ชั่วโมง ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ก็แนะนำให้ติดตั้งระบบ CEMs ไว้ที่ปากปล่อง CEMs คือตัวตรวจวัดมลพิษ 24 ชั่วโมง ปากปล่องปล่อยอะไรมามันรายงานไปที่ กนอ. ที่มือถือของผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ คุณปล่อยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไหม ถ้าเกินทางนิคมก็จะถามว่าทำไมค่าเกิน ต้องซ่อมแซม
รวมถึงส่วนหนึ่งจะติดที่หน้าโรงงานด้วย ให้ชาวบ้านแถวนั้นขับรถเข้ามาดูได้ ตอนนี้มลพิษอยู่ที่เท่าไร มันเป็น Real Time (ตามเวลาจริง) สามารถขอดูย้อนหลังได้ชาวบ้านบอก 2 วันก่อนก็เหม็น เอาค่า 2 วันก่อนมาดู เอาค่าเดือนที่แล้วมาดู สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งมันจะทำให้เขาอุ่นใจแล้วก็สบายใจมากยิ่งขึ้น ว่าอากาศก็มีการตรวจสอบ เมื่อไรที่มีควันเมื่อนั้นค่าก๊าซมันสูงเขาก็จะกลับมาดูค่าที่หน้าโรงงาน ส่วนนี้สร้างความมั่นใจให้ชุมชนได้ว่า อากาศที่เราดำเนินการนอกจากมีการบำบัดแล้วมีการตรวจสอบด้วย” ศุภวัฒน์ กล่าว
และ 3.น้ำ น้ำที่นำมาใช้ในกระบวนการต้มเป็นไอเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นน้ำที่สะอาดกว่ามาตรฐานน้ำประปา เพราะต้องกรองแร่ธาตุที่ทำให้เกิดตะกรันซึ่งสร้างความเสียหายต่อเครื่องจักรออก น้ำที่ถูกต้มเป็นไอแล้วยังเหลือจะถูกนำมาผ่านกระบวนการควบแน่นให้กลับเป็นน้ำเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง จึงไม่มีการปล่อยน้ำเสียออกจากโรงงานสู่ภายนอก มีแต่การนำน้ำใหม่จากภายนอกมาใช้เท่านั้นเพื่อแทนที่น้ำเดิมที่ใช้แล้วระเหยเป็นไอ
ในการเยี่ยมชม โรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม บริษัท รีคัฟเวอรี่ เฮ้าส์ จำกัด ภายในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา (ซึ่งอยู่ในเครือบ.เอิร์ธ เท็คฯ) ของคณะสื่อมวลชน โดยโครงการสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนไทยใส่ใจทางเลือกใหม่พลังงานไฟฟ้า ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา พบว่า อากาศภายในโรงงานไม่ค่อยมีกลิ่นเหม็นอย่างที่กังวลก่อนเดินทางไปถึง
ศุภวัฒน์ซึ่งเป็นผู้พาคณะสื่อ เยี่ยมชมอธิบายว่า โรงงานรับวัสดุจากที่อื่นๆ มาสำรองไว้เพียง 4-5 วันเท่านั้นจึงไม่มีภาพของภูเขาขยะพร้อมกลิ่นเหม็นให้ชาวบ้านกังวลใจ โดยแต่ละวันจะนำเศษวัสดุมาอัดเป็นก้อน น้ำหนักก้อนละ 1 ตัน และมีการเผาวันละ 150 ตัน เดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง ใน 1 ปีจะหยุดเดินเครื่องเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ ขยะอุตสาหกรรมนำมาเผาได้ง่ายกว่าขยะชุมชน เพราะมีความชื้นน้อยกว่า
ปัจจุบันที่นี่ยังเป็น “ต้นแบบ” เปิดรับผู้สนใจดูงาน..เพื่อให้เห็นว่า “โรงไฟฟ้าขยะที่ทำได้ดี” มีอยู่จริง!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี