จากประเด็นร้อน ที่ยิ่งสาวก็ยิ่งลึก กรณีครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนอนุบาลหลายคนจนเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทย และต่อจากนั้นก็มีกลุ่มผู้ปกครองออกมาแฉว่าบุตรหลานถูกทำร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีคลิปถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ เกี่ยวกับการทำร้ายเด็กจนเรื่องราวขยายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้นทุกวัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางคุรุสภา ได้นำคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง กองจรรยาบรรณวิชาชีพและนิติการ เข้าตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ปรากฏว่า ได้รับข้อมูลไม่ครบทุกคน เนื่องจากโรงเรียนมีปัญหาระบบจัดเก็บข้อมูล
นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบว่าครูทั้ง 4 ราย ที่เป็นข่าวได้แก่ ครูจุ๋ม ครูเปิ้ล ครูนิ ครูมาร์วิน(ชาวฟิลิปปินส์) ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แต่ก็ต้องดูว่าทางโรงเรียนว่าจ้างมาทำหน้าที่ในตำแหน่งใด หากจ้างมาสอนแต่ไม่มีใบอนุญาตฯ จะมีความผิดแต่หากยืนยันได้ว่าไม่ได้จ้างเป็นครูก็จะไม่เกี่ยวข้องกับคุรุสภา หรือพฤติกรรมที่ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นครูจะมีความผิด จึงต้องพิจารณาให้ชัดเจน ทางคุรุสภาก็ให้ความเป็นธรรม มีสิทธิ์ชี้เเจงได้
ทั้งนี้ แม้ครูทั้ง 4 คนจะลาออกจากโรงเรียนแล้ว แต่หากพบว่ามีความผิดจริง ก็สามารถดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายย้อนหลังได้ ส่วนอีก 9 คน ที่ปรากฏตามคลิป ก็จะค่อยๆ ไล่ตรวจ และที่เหลือจะต้องใช้เวลาตรวจสอบ คาดว่าต้องใช้เวลานานสักระยะ
ต่อมา เลขาธิการคุรุสภา ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความดำเนินคดีกับ ครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และเอาผิดผู้บริหารของโรงเรียน กรณีรับผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมาทำการสอนในโรงเรียน ซึ่งเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 หลังจากได้ทำการตรวจสอบและพบว่ามีครูที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จำนวนมาก ซึ่งต้องมีการดำเนินคดีและมีบทลงโทษตามกฎหมาย ส่วนจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่เลยหรือไม่นั้น ก็ต้องไปดูรายละเอียด รวมถึงดูคำพิพากษาของศาล
นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) เปิดเผยว่าตามที่ สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ลงไปหาข้อมูลแล้วนั้น เบื้องต้นพบว่าโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ มีครูและบุคลากร ทั้งหมด 398 คน เป็นครูไทย 193 คน ครูต่างชาติ 127 คน บุคลากรทางการศึกษา 32 คน พี่เลี้ยงเด็ก 45 คน ในจำนวนนี้รวมถึงครูจุ๋มด้วย
ในส่วนของครูไทย 193 คน มีเอกสารยืนยันใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูครบ 141 คน ใบอนุญาตฯ หมดอายุ 4 คน ส่วนอีก 52 คน ยังหาเอกสารไม่ครบจึงยังไม่สามารถยืนยันข้อมูลได้
สำหรับครูต่างชาติ พบว่า 76 คน ที่ขออนุญาตเข้ามาปฏิบัติการสอนและมีใบอนุญาตฯ ถูกต้อง ส่วนอีก 51 คนมีเฉพาะรายชื่อกับสัญชาติแต่ไม่มีข้อมูลอื่น ส่วนบุคลากร32 คน และพี่เลี้ยงเด็ก 45 คน รวมเป็น 77 คนนั้น กำลังตรวจสอบสัญญาจ้าง และให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้องตามสัญญาจ้างหรือไม่
ทีนี้มาดูกันว่า ใบประกอบวิชาชีพครูคืออะไร?
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หมายถึง ใบอนุญาตที่ออกให้แก่ครูซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาระดับปฐมวัย ขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญา ทั้งของรัฐและเอกชน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งครูอยู่ก่อนแล้วตามพระราชบัญญัติครู พ.ศ.2488ผู้ที่ประกอบวิชาชีพครู หรือจะประกอบวิชาชีพครูตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
ผู้มีความประสงค์จะขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จะต้องมีคุณสมบัติ คือ มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
ผู้มีคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งครูอยู่ก่อนที่พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 จะประกาศใช้ สามารถขอขึ้นทะเบียนได้เลยโดยแสดงหลักฐานการบรรจุแต่งตั้งครู คือ ก.พ.7 หรือสมุดประวัติข้าราชการ หรือสมุดประจำตัวครูเอกชน ทั้งนี้คือ เป็นครูก่อนวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2546 และไม่มีการลาออกจากการเป็นครูก่อน วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2546
ผู้ที่ประสงค์จะประกอบวิชาชีพครูตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาอื่นๆ มีหลักฐานในการขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ไม่เกินวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2549 คือ เวลา 3 ปีหลังจากที่พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ประกาศใช้
ไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่คุรุสภาเห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
คุณสมบัติตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานความรู้ มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาหรือเทียบเท่า หรือคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง โดยมีความรู้ดังต่อไปนี้ 1.ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู 2.การพัฒนาหลักสูตร 3.การจัดการเรียนรู้ 4.จิตวิทยาสำหรับครู 5.การวัดและประเมินผลการศึกษา 6.การบริหารจัดการในห้องเรียน 7.การวิจัยทางการศึกษา 8.นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา 9.ความเป็นครู
มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ โดยผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขคณะกรรมการคุรุสภากำหนด ดังนี้ 1.การฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน 2.การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ
ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบวิชาชีพครูเท่านั้น ที่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา แต่ยังรวมถึงผู้เกี่ยวข้องในวิชาชีพนี้ด้วย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2546
หากผู้ใดที่ประกอบวิชาชีพควบคุมดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต หรือแสดงด้วยวิธีการใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิหรือพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพ รวมทั้งสถานศึกษาที่รับผู้มิได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา จะต้องได้รับโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 78 และ 79 แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
จะเห็นได้ว่า กฎระเบียบต่างๆ ภายใต้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ที่ออกมาเพื่อควบคุม และให้เป็นหลักปฏิบัติสำหรับครูในการดูแลอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ จะเป็นสิ่งที่คอยกำกับให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ สร้างเด็กให้เติบโตเป็นคนดีในสังคม
แต่อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่มุมหนึ่ง “ใบประกอบวิชาชีพครู”อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ หากคนที่เด็กเรียกว่าครู ไม่ว่าจะเป็นครูด้านไหน หรือระดับใดก็ตาม มีสิ่งที่เรียกว่า“จิตวิญญาณของความเป็นครู” อยู่ในหัวใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี