ความคืบหน้ากรณีที่โลกโซเชียลแห่แชร์ภาพสามเณรถูกเฆี่ยนตีบริเวณกลางหลัง พร้อมระบุว่า "รองเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในสุรินทร์ เฆี่ยนตีเณร เหตุเพราะห้ามไปคุยกับคนที่พระอาจารย์เกลียด ถอดอังสะ กอดเสา แล้วเฆี่ยนตีเหมือนทาส บางคนให้เปลือยท่อนบนแล้วเอาสายไฟเท่านิ้วโป้งฟาด ได้ข่าวว่ามีอำนาจมาก ไม่มีใครกล้าหือกล้าอือด้วย"
ต่อมาวันที่ 13 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและจากการตรวจสอบพบว่า วัดที่เกิดเหตุดังกล่าวคือวัดสุวรรณวิจิตร ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งวันนี้สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ คณะสงฆ์ เจ้าคณะอำเภอปราสาท เจ้าคณะตำบลกังแอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบข้อเท็จจริงและสถานที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเบื้องต้นพบว่า เป็นเหตุการณ์เก่าเมื่อประมาณ 2 ปีผ่านมา ส่วนการลงโทษสามเณรแบบนี้จากการสอบถามทราบว่าเป็นการกำหนดข้อตกลงกันไว้แล้ว หากมีการกระทำผิด ซึ่งสามเณรอาจมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดี คือลักลอบเสพกัญชา จึงมีการลงโทษเพื่อให้มีการปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้น ซึ่งทางผู้ปกครองของสามเณรเองก็ทราบว่าหากมีการทำผิดหรือประพฤติไม่เหมาะสมก็จะมีการลงโทษแบบนี้
นอกจากนี้ จากการสอบถามสามเณรรูปหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เพื่อนสามเณรรูปดังกล่าวมีความผิดจริงและทางผู้ปกครองก็ทราบเรื่องทั้งหมดและได้สอบถามผู้ปกครองก็ได้ยินยอมให้มีการลงโทษ จนมีการลงโทษจริง โดยพ่อแม่ผู้ปกครองรู้เห็นและยินยอมให้มีการลงโทษ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมา 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ตนเรียนอยู่ชั้น ม.5
พระปลัดพุทธิสาสน์ สาสนเมธี รองเจ้าอาวาสวัดสุวรรณวิจิตร และเป็นฝ่ายปกครองสามเณรของโรงเรียนวัดสุวรรณวิจิตร จ.สุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องราวที่มีการแชร์ในสื่อโซเซียลที่เณรถูกเฆี่ยนหลังมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง ที่มีรอยเป็นเรื่องจริง ส่วนที่ไม่ใช่ความจริงคือ อาตมาไม่ได้เป็นคนเฆี่ยน แต่ในข่าวในเพจมีการพาดพิงว่าเป็นรองเจ้าอาวาส ซึ่งอาตมาไม่ใช่คนเฆี่ยน คนเฆี่ยนอีกรูปหนึ่งคือพระครูปริยติปัญญาโสภณ เจ้าอาวาสวัดวัดสุวรรณวิจิตร
เรื่องที่ 2 ภาพเหล่านี้เป็นภาพเก่า เมื่อปลายปี 2561 ซึ่งผ่านมาแล้ว 2 ปี ถามว่ารอยเฆี่ยนเป็นการทำร้ายไหม อาตมาขอตอบว่า ไม่ใช่ เป็นเพียงการลงโทษ เพราะการทำร้ายกับการลงโทษ มันคนละเรื่องกัน ส่วนการลงโทษทางวัดมีกฎระเบียบ ปัจจุบันมีเณรที่สึกไปแล้วส่วนมาก คือการสึกไม่ใช้ว่าถูกตีนจนสึกนะคือเรียนจนจบแล้วเขาก็สึก ที่ความผิดที่ปรากฏผ่านสื่อโซเซียล มันอาจจะมองว่าเป็นความรุนแรง
โดยสาเหตุที่สามเณรกลุ่มนี้ถูกตีหลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วมีสามเณรถูกตีทั้งหมด 6 รูปต่างก็กระทำผิดกฏระเบียบ คือ แอบใส่ชุดฆราวาสออกไปเที่ยวนอกวัดตอน 4 ทุ่ม แอบไปเล่นบนดาดฟ้าชั้นสามแล้วยิงหนังสติ๊กปาก้อนหินลงมาที่ถนน จนเกือบโดนคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์และรถยนต์ และไปยุ่งเกี่ยวกับกัญชา ซึ่งสามเณรทั้งหมดเลือกที่จะโดนตีแทนการสึก พระครูปริยติปัญญาโสภณ จึงลงโทษด้วยการตี หลังจากนั้นสามเณรกลุ่มนี้ได้สึกออกไปจำนวน 5 รูป
ส่วนภาพที่มีพระตีหลังสามเณรต่อหน้าเด็กนักเรียนนั้น รองเจ้าอาวาสฯ ยอมรับว่า ท่านเป็นผู้ลงมือตีจริง เนื่องจากสามเณรรูปนี้แอบไปอยู่กับเด็กนักเรียนหญิงสองต่อสองบนห้องเรียน ซึ่งมีการแตะเนื้อต้องตัวกัน ในขณะที่เพื่อนๆ กำลังนั่งสวดมนต์ตอนเย็น
ด้านพระครูปริยติปัญญาโสภณ เจ้าอาวาสวัดวัดสุวรรณวิจิตร กล่าวต่อว่า การที่มีสื่อโซเชียลแห่แชร์ภาพรองเจ้าอาวาส สั่งให้สามเณรรูปหนึ่งกอดเสา ถอดสบงท่อนบนออกแล้วใช้สายไฟตีนั้น มีการตีจริง แต่เป็นภาพเมื่อ 2 ปีที่แล้วเป็นการกำหนดข้อตกลงกันไว้แล้ว หากมีการกระทำผิด ซึ่งสามเณรอาจมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดี ลอบเสพกัญชา จึงมีการลงโทษเพื่อให้มีการปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้นซึ่งทางผู้ปกครองของสามเณรเองก็ทราบซึ่งหากมีการทำผิดหรือประพฤติไม่เหมาะสมก็จะมีการลงโทษแบบนี้
ด้านนายปราณสุวีร์ อาวอร่ามรัศมิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า หลังเห็นคลิปดังกล่าวมีการเผยแชร์ในโลกออนไลน์และตรวจสอบจนทราบว่าเหตุการณ์เกิดที่วัดแห่งนี้ วันนี้ตนจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยได้ประสานเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล รวมถึงตำรวจในพื้นที่ลงมาร่วมตรวจสอบด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี