ที่ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกสับปะรดเป็นผลไม้หลัก และพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ ผสมผสาน เช่น มะม่วง ยางพารา แต่มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชผักผลไม้ปลอดภัยบ้านคา มีแนวคิดทดลองนำพืชผัก ผลไม้ นอกพื้นที่มาทดลองปลูกอย่างองุ่น ผักกางมุ้งปลอดภัย ล่าสุดได้นำเสาวรสเป็นผลไม้ที่ปลูกได้เฉพาะบางพื้นที่ของประเทศ เนื่องจากต้องมีสภาพพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลจึงจะสามารถปลูกได้คุณภาพดีและสภาพอากาศที่เหมาะสม

ทำให้นายจำนอง บุญเลิศฟ้า ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชผักผลไม้ปลอดภัยบ้านคา มีความสนใจจึงได้ไปศึกษาหาความรู้จากมูลนิธิโครงการหลวง เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ นำมาทดลองปลูก โดยเมื่อปี 2539 ได้ประสบความสำเร็จคัดเลือกได้เสาวรสรับประทานสดที่มีลักษณะตามต้องการจากต้นพันธุ์ที่เพาะเมล็ดจากเสาวรสสายพันธุ์ไต้หวันและนำออกส่งเสริมในปี พ.ศ.2540 บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ เป็นเสาวรสรับประทานสดชนิดพันธุ์สีม่วง สีผลเข้ม ลักษณะกลมรีเป็นรูปไข่ มีรสชาติอบหวาน ผลมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-6 ซม.น้ำหนักประมาณ 70-100 กรัมต่อผล พันธุ์นี้เปลือกหนาจึงสามารถเก็บไว้ได้นาน เมื่อเริ่มแก่และสุกจะเริ่มมีสีม่วงอ่อนไปจนถึงม่วงเข้ม นำมาปลูกเป็นครั้งแรกในพื้นที่ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี จนออกผลดก รสชาติหวานอบเปรี้ยว อร่อยมาก 

นายจำนอง บุญเลิศฟ้า อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 10 ต.บ้านคา อ.บ้านคา อดีตกำนันตำบลบ้านคา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชผักผลไม้ปลอดภัยบ้านคา กล่าวว่า ได้ความรู้มาจากมูลนิธิโครงการหลวงมาให้คำแนะนำ ก่อนหน้านี้ ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์วงศ์ หัวหน้าวิจัยมูลนิธิโครงการหลวงและคณะเจ้าหน้าที่วิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ได้เข้ามาอบรมให้ความรู้การปลูกองุ่นระบบใหม่ และผักกางมุ้งแบบกางมุ้งจนประสบผลสำเร็จ 

ต่อมาจึงได้นำเสาวรสพันธุ์ใหม่เข้ามาทดลองปลูกเป็นพื้นที่แห่งแรกของราชบุรี ผลการทดลองปลูกพบว่ามีผลผลิตดกลักษณะเป็นรูปไข่ มีกลิ่นหอม ผลใหญ่ประมาณ 7 - 8 ลูกต่อกิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 70-80 บาท ตรงนี้ถือเป็นแผนงานของโครงการหลวงได้วางไว้ช่วยเหลือเกษตรกร ถ้าปลูกผักกางมุ้งจะเป็นพืชรายวัน อย่างองุ่นเป็นพืชรายเดือน ตอนนี้ได้ส่งเสริมปลูกอโวคาโด้อีก ซึ่งจะเป็นพืชรายปี  

ส่วนเสาวรสที่ปลูกจะเป็นพืชรายสัปดาห์พอเริ่มจะสุกเก็บขายได้ ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในพื้นที่โครงการผักกางมุ้งและองุ่นที่ไร่ ทำให้ผลผลิตไม่พอขาย มีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเลือกซื้อ หน้าสวนขายกิโลกรัมละ 80 บาท นักท่องเที่ยวอยากชิมสด ๆ จะบวกราคาเพิ่มเล็กน้อย นอกจากนี้ยังนำไปขายที่ตลาดเกษตรกรใน อ.เมืองราชบุรี กิโลกรัมละ 75 บาทด้วย 

นักท่องเที่ยวหรือเกษตรกรที่สนใจสามารถเข้ามาเรียนรู้ศึกษาวิธีการ ปลูกได้เป็นโครงการที่ใช้พื้นที่น้อยแต่มีรายได้มาก อีกทั้งยังเป็นโครงการหลวงที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้มีแนวพระราชดำริไว้ว่าคนที่มีพื้นที่น้อย ต้องทำแล้วให้ได้พืชผักที่มีราคา อย่างผักกางมุ้งจำหน่ายกิโลกรัมละ  40-50 บาท ขายได้ตลอดทั้งปี ส่วนองุ่นขายกิโลกรัมละ 200 บาท เป็นองุ่นปลอดภัยปลอดสารเคมี ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก ก็สามารถเก็บเกี่ยวสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวตลอดทั้งปี

สำหรับเสารสถือเป็นพืชตัวใหม่ ที่นำเข้ามาทดแทนสับปะรดกรณีเรื่องภาวะล้นตลาดได้ เหมาะสมอย่างยิ่งแก่ข้าราชการที่ใกล้เกษียนอายุ เพราะงานไม่หนัก ใช้พื้นที่น้อย การดูแลไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้สารเคมีด้วย พันธุ์ของเสาวรสที่ทางโครงการหลวงมาให้ปลูกได้ปรับปรุงพันธุ์มาแล้วและนำมาทดลองปลูกในพื้นที่ราบ ผลจากการปลูกปรากฏว่ามีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ถูกปากของนักท่องเที่ยวติดใจในรสชาติ ทดลองปลูกด้วยการเพาะเมล็ดในภาชนะ เติบโตสูงประมาณ 1 คืบนำไปปลูกลงดินประมาณ 6 เดือน ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 4 เมตร ใช้ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์อยู่ใกล้โคนต้น ไม่ชอบน้ำแฉะ 

หลังจาก 6 เดือนก็จะเริ่มออกดอกติดผลรออีก 3 เดือนจะเริ่มแก่สุกผิวสีม่วงเข้มเก็บขายได้ แต่หากใช้วิธีเสียบยอดจะมีระยะเวลาเก็บผลได้เร็วกว่าประมาณ 3-4 เดือน ประกอบกับที่นี่ปลูกครั้งแรกทำให้ศัตรูพืชยังมีน้อยมาก หากใช้เมล็ดมีข้อดีคือจะอยู่ได้นานถึง 3 ปี เชื้อไวรัสเข้าทำลายได้ยากกว่าการเสียบยอด ทางเจ้าหน้าที่โครงการหลวงแนะนำให้ปลูกพืชผักบางชนิดให้ห่างจากต้นเสาวรส เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ฟักทอง ผักเหล่านี้จะเป็นตัวนำเชื้อไวรัสเข้ามาที่ต้นเสาวรสอาจจะติดเชื้อเป็นโรคได้

สำหรับนักท่องเที่ยวหรือเกษตรกรที่สนใจจะศึกษาวิธีการปลูกสามารถติดต่อได้ที่เพจเฟ๊ซบุ๊ก "คนบ้านคา" หรือสอบถามนายจำนอง บุญเลิศฟ้าประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผักผลไม้ปลอดภัยบ้านคา ได้ที่เบอร์ 082-2429949