9 มกราคม 2564 บนเพจเฟซบุ๊ก "หมอแม่สอด" ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่แม่สอด หลังต้องทำการตรวจชาวไทยที่ไปทำงานฝั่งเมียนมา จำนวนกว่า 40 คน โดยข้อความระบุว่า 

"สำหรับเรื่องที่ทุกท่านกำลังกังวลกันอยู่นั้น หมอเองก็กังวลมากเช่นกันค่ะ" เราต้องยอมรับว่ามีลูกหลานของเราข้ามไปทำงานฝั่งเมียนมา และกำลังป่วยหลายราย หากปล่อยให้อาการแย่ลงจึงรับกลับมา คงไม่ทันการ  หรือปล่อยให้หนีตายเข้ามากันเอง โรคก็จะยิ่งระบาด ยิ่งควบคุมไม่ได้ จะยิ่งแย่กันไปใหญ่

ในตอนท้ายเราก็ต้องรับเค้ากลับมา ขณะนี้จังหวัดรับเข้ามาทั้งหมด 40 คน ผลเป็นบวก 17 คน ผลไม่แน่นอน 3 คน ที่เหลือผลเป็นลบ หมอเองก็ทราบพร้อมๆ กับทุกคน ว่ามีกลุ่มนี้เข้ามา และตกใจมาก แต่อย่างไรชีวิตก็คงต้องเดินหน้าไป วันนี้ที่ รพ.จึงวุ่นวายกับการเตรียมการทุกอย่างที่ฉุกละหุกและรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง "อยากร้องไห้จริงๆ ค่ะ เรามาเป็นกำลังใจให้กันนะคะ #เป็นกำลังใจให้กันและกัน #แม่สอดต้องรอด #เราจะไม่ทิ้งกัน"

และเนื่องจากมีข่าวออกมามากมาย หลายๆ คนอาจจะงงว่าตกลงตอนนี้เรามีผู้ป่วยทั้งหมดกี่คนกันแล้ว แต่ละคนรักษาอยู่ที่ไหนบ้าง (หมอก็งงไม่แพ้กันครับ) วันนี้หมอจะมาสรุปให้ฟังกันอีกทีนะครับ 
สรุปยอดผู้ป่วย 8 มกราคม 2564 
ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล ทั้งหมด 23 คน [9 คนเดิม + 14 คนใหม่] 
พนง.จิตรมอเตอร์ 1 คน
สามี พนง.จิตรมอเตอร์ 1 คน
คนขับ taxi 1 คน
ผู้ป่วยชาย มีประวัติไปพัทยา 1 คน
คัดกรองเชิงรุกต่างชาติ 1 คน
มามาโฮมมาร์ท 1 คน
พนักงานสถานบันเทิง 2 คน
ผู้ป่วยตั้งครรภ์ 1 คน 
ผู้ป่วยใหม่จาก Sky complex 14 คน 
ผู้ป่วยรักษาในสถานกักกันตัว (LQ) ทั้งหมด 6 คน [3 คนเดิม + 3 คน ใหม่]
Star complex 3 คน
ผู้ป่วยใหม่จาก Sky complex 3 คน 
รอยืนยันผลอีก 3 คน (อยู่ใน LQ) 

ทั้งนี้ผู้ที่ตรวจพบเชื้อและสามารถอยู่ในสถานกักกันตัวได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีอาการ ตรวจพบเชื้อน้อยมากกกกหรือเชื้อนั้นตายแล้ว โอกาสแพร่เชื้อต่ำ แต่ยังมีความจำเป็นต้องกักตัวให้ครบตามวันที่กำหนดครับ ถึงแม้ว่ายอดผู้ป่วยของอำเภอแม่สอดจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะวันนี้ที่บวกวันเดียวอีก 14 คน แต่ผู้ป่วยใหม่ทุกรายนั้นได้เข้ามาตามระบบและไม่ได้สัมผัสกับบุคคลภายนอก 

ส่วนในวงเดิมที่ทางทีมโรงพยาบาลไปค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ ตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนทั้งหมดนั้น ผลเป็นลบหมดแล้ว และได้รับการติดตามดูแลอาการต่ออย่างใกล้ชิดและเหมาะสม ส่วนผู้ป่วยที่รักษาหายจนกลับบ้านแล้วนั้น ทางโรงพยาบาลจะต้องตรวจจนมั่นใจแน่ๆ แล้วว่าผู้ป่วยรายนั้นไม่มีเชื้ออยู่แล้วจริงๆ และไม่สามารถแพร่เชื้อให้ใครต่อได้อีก จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้

ขอความร่วมมือทุกคน สวมแมสก์ ล้างมือ เว้นระยะห่าง งดเดินทางออกต่างจังหวัด/ต่างประเทศหากไม่จำเป็น แจ้งประวัติตามความเป็นจริง แล้วเราจะผ่านไปด้วยกันครับ