พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ได้ตอบปัญหาธรรมเกี่ยวกับ "อานิสงส์การปฏิบัติภิกษุไข้" ซึ่งได้บันทึกไว้ในหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม" ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ ไว้ดังนี้ (อ่าน อานิสงส์ถวายสังฆทานให้แก่ผู้ป่วย : หลวงพ่อฤๅษี ตอบปัญหาธรรม)
ผู้ถาม : “ทีนี้อย่างคนป่วยเป็นพระ แล้วเราก็ปฏิบัติดูแลท่าน อานิสงส์จะเหมือนกับปฏิบัติพระพุทธเจ้าไหมครับ เพราะเคยได้อ่านในหนังสือพบ มีตอนหนึ่งว่า ผู้ใดปฏิบัติภิกษุไข้ ก็คล้ายกับปฏิบัติเราผู้ตถาคต”
หลวงพ่อ : “ก็เหมือนกัน ปฏิบัติพระพุทธเจ้าก็อดนอน ปฏิบัติพระก็อดนอน”
ผู้ถาม : (หัวเราะ)
หลวงพ่อ : “แต่ความจริงอานิสงส์มันไม่เท่ากันหรอก เพราะว่าอานิสงส์ของพระพุทธเจ้ากับพระอริยสงฆ์ทั้งหลายไม่เท่ากันอยู่แล้ว ใช่ไหม…ท่านบอกว่าคล้าย ๆ กับปฏิบัติเรา ก็เพราะว่าพระศาสนาจะทรงอยู่ได้ ก็ต้องอาศัยพระสงฆ์ หากว่าทำให้พระสงฆ์อยู่ได้เหมือนกับทำให้พระองค์อยู่ได้ ท่านเปรียบเทียบให้ฟังนะ”
ผู้ถาม : “แล้วอย่างที่เขาบอกว่าพระอาพาธ หรือพระป่วย ฉันข้าวเย็นได้ ต้องป่วยขนาดไหนครับ…?”
หลวงพ่อ : “ความจริงป่วยธรรมดา คือ ชิคัจฉา ปรมา โรคา ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง มันหิวเมื่อไรกินเมื่อนั้น ของร้อนก็ได้ ของเย็นก็ได้ คุณถามข้าวเย็นนี่ คุณไม่ได้ถามเวลา”
ผู้ถาม : “คือไปเจอที่โรงพยาบาล ตอนเย็นก็เอาเตาไฟฟ้ามานึ่งข้าวเหนียว แล้วก็หลนปลาร้ามาจิ้ม”
หลวงพ่อ : “ความจริงถ้าพระองค์ไหนป่วย เราก็พยาบาลพระองค์นั้นนะ ถ้าอาหารที่พระป่วยฉัน เราก็ฉันกับพระป่วยได้ น่าจะปฏิบัติบ่อย ๆ นะ”
ผู้ถาม : “เอ…แล้วไม่เป็นอาบัติหรือครับ…?”
หลวงพ่อ : “ดูเหมือนเคยพบในหนังสือ ที่ไหนนะ ท่านบอกว่า อนุญาตเฉพาะน้ำข้าวต้มกับน้ำแกงเท่านั้นนะ ไม่ใช่เนื้อนะ เขาเอาข้าวต้มให้เละ แล้วเอามาคั้น แต่ว่าอาจจะมีเนื้อติดอยู่บ้าง แต่มันไม่เป็นก้อนแล้วนะ กับข้าวก็คือน้ำแกง
พออ่านหนังสือฉบับนั้นก็มีความรู้สึกเลยว่า พระพุทธเจ้าท่านมีความรอบคอบจริง ๆ ถ้าปล่อยให้ฉันข้าวเม็ดนี่ไม่รอบคอบ อย่างฉันไม่ได้หม่ำข้าวเย็นมาหลายสิบปี ถ้าฉันเข้าไปเพิ่มโทษอีกคือท้องอืด อ่านหนังสือแล้วก็ไปนั่งใคร่ครวญดูว่าอันไหนมันจะถูก คิดว่าอันนี้แหละถูก เพราะพระท่านไม่พบกับอาหารตอนเย็นมานานใช่ไหม…ระบบการย่อยไม่ดี ถ้าเป็นน้ำนี่ไม่มีโทษ ไม่ต้องรอการย่อย ถ้าเป็นเนื้อนี่ไม่ไหวแน่
ฉันไปโดนเข้าที ฉันป่วยที่โรงพยาบาล ไปเจอพระข้าง ๆ ห้อง นั่งเข้าสมาธิอยู่ข้างตุ่มน้ำ ถามว่า “หลวงน้า เข้าสมาธิเรอะ” บอก “เปล่าครับ” “แล้วทำอะไรล่ะ” “หมอเขาให้กินข้าวตอนเย็น ล่อเข้าไปพุงตื้อเลย” นอนไม่ลงก้มไม่ได้ เป็นฌานข้าวสุกไป นี่เป็นโทษ…เห็นไหม…”
ผู้ถาม : “เรื่องอย่างนี้นะครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ ตามธรรมดาผมเคยไปถวายเสมอ ๆ เอากระเพาะปลาบ้าง สุกี้ยากี้บ้าง โอวัลตินบ้างไปถวาย วันนั้นพลาดไปยังไงก็ไม่ทราบ พอเข้าไปถึงตึกพระอาพาธก็ประกาศ “พระคุณเจ้าที่เคารพ ขอนิมนต์เตรียมถ้วยเตรียมชามไว้เจ้าข้า โยมจะเอากระเพาะพระมาถวาย” พอประกาศไปเท่านั้นแหละ ปรากฎว่าไม่มีพระองค์ไหนหยิบชามเลย ปิดประตูหมดเลย”
หลวงพ่อ : (หัวเราะ) “ท่านคงนึกนะ เอ…เอากระเพาะพระอะไรมาให้กูวะ สักวันหนึ่งกูคงโดน”
ผู้ถาม : “เลยวันหลังต้องระวังหนัก”
คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๓๒-๓๕ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี