ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี... สำหรับ "พีระพงษ์ ลาหนองแคน" หรือ "น้องฟลุ๊ก" นักศึกษาชั้นปีที่1 คณะบริหารธุรกิจ สาขา บริหารธุรกิจ (นอกเวลาทำการ) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยเข้าร่วมประกวดโครงการ "ไหมไทยสู่เส้นทางโลก" ที่เปิดโอกาศให้นิสิต นักศึกษา ตัดเย็บและออกแบบชุดไทยที่เชิดฉายในวงการดีไซน์เนอร์ โดยน้องฟลุ๊กได้คว้ารางวัลชมเชยติด 1 ใน 10 จากทีมที่ส่งประกวด จากเวที "The wrath of fire"
"ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์" จึงได้เดินทางไปพูดคุยกับ "น้องฟลุ๊ก" เกี่ยวกับความสำเร็จและความภาคภูมิใจในการคว้ารางวัลดังกล่าวมาให้ตนเองและคนในครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ โดยน้องฟลุ๊กเล่าให้ฟังว่า "จริงๆ ภูมิใจค่อนข้างมาก เพราะเราเป็นน้องใหม่ในวงการนี้ อย่างที่บอกไม่ได้จบสายนี้โดยตรง เนื่องากตนเรียนด้านการบริหาร โดยส่วนตัวอยากให้ผ้าไทยเป็นที่รู้จัก แต่เนื้อสิ่งอื่นใดที่ลงประกวดในเวทีนี้ คือ ไม่ได้หวังว่าจะได้รับรางวัล คิดแค่ว่าอยากถ่ายทอดงานศิลปะของคุณตาคุณยายของชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนที่หลายหลายคนอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญและรายละเอียดของมันต้นจึงแค่อยากจะหยิบยกศิลปะตรงนี้ขึ้นมา"
น้องฟลุ๊ก เล่าอีกว่า จริงๆก่อนหน้านี้ตนทำงานมาตลอดแต่พอมาตัดสินใจเรียนไปด้วยในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ เราก็ต้องเว้นการงานในช่วงวันดังกล่าว และเต็มที่กับงานในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ ถือว่ามีการกระทบต่องานหรือไม่นั้น หรือมีผลต่อการเรียนหรือไม่นั้น ก็มีเล็กน้อยแต่เราต้องบริหารจัดการเวลาให้ลงตัว
"ผมชอบผ้าไทยเป็นการส่วนตัวมันอยู่แล้ว เพราะการเป็นดีไซน์เนอร์ไม่มีถูกมีผิดเราชอบเรารักแบบไหนเราสามารถพรีเซนต์สิ่งที่เราต้องการได้เลยเพราะมันไม่มีอะไรจำกัดตายตัว ขอให้รู้แค่ว่ากาละและเทศะคืออะไรแค่นั้น สำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับดีไซน์เนอร์หรือรักงานในด้านนี้ก็ลองศึกษาตัวเองก่อนว่าตัวเองชอบอะไรรักอะไรสนใจที่จะเดินทางไปในแนวทางไหนเกี่ยวกับสายแฟชั่นเราก็สามารถที่จะลงมือทำได้เลย"
"พีระพงษ์" กล่าวอีกว่า สำหรับเวทีนี้กินระยะเวลาค่อนข้างยาวและดำเนินการค่อนข้างยากเพราะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีการทำงานเกี่ยวกับด้านออนไลน์มากขึ่น ปัญหาที่เราเจอคือระยะเวลาในการทำชุดเพราะมีเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ แต่ชุดทั้งหมดเป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมดยังลายผ้าทั้งหมดเป็นงานบาติกเพ้นท์มือทั้งหมดส่วนดีเทลของชุดจะใช้ทองคำเปลวบดละเอียดแล้วก็มาเพ้นท์บนลายผ้าอีกรอบหนึ่ง งานบาติกตนต้องทำอยู่ที่จังหวัดปัตตานีส่วนงานเขียนทองตนนำกลับมาทำที่จังหวัดบุรีรัมย์ และนำมาตัดเย็บที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้เวลาภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนำชุดนี้มาประกวดให้ทันงาน
แรกเริ่มผมคลุกคลีอยู่กับงานผ้าไทยมาตั้งแต่เด็กเด็กเพราะว่าที่บ้านตั้งแต่อายุรุ่นคุณยายเป็นวิสาหกิจชุมชนเป็นกลุ่มทอผ้าใหม่อยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ผมก็โตมากับการทอผ้าและได้ซึมซับและได้มีการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษจึงเกิดแรงบันดาลใจอยากจะสืบทอดและสานต่องานของที่บ้านที่เป็นภูมิปัญญาของไทยเราก็เลยมีการปรึกษาเรื่องแฟชั่นเพิ่มเติมว่าจริงๆแล้วผ้าไทยเรานั้นมีความสวยงามอยู่แล้วแต่ว่าปัญหาที่เราเจอ และมีคนตั้งคำถามว่าผ้าไทยสามารถนำไปทำอะไรได้บ้างนอกจากน้ำไปให้พ่อแม่ใส่หรือวัยที่มีอายุนอกจากนั้นจึงอยากหยิบงานตรงนี้นำมาดีไซน์ให้อยู่ในช่วงของทุกอายุที่สามารถสามสวมใส่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี