ได้กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คนไทยเราสั่งสินค้าฟุ่มเฟือยใช้ในประเทศปีละนับแสนล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่นับของจำเป็นที่เราต้องพึ่งพาจากต่างประเทศ เช่น น้ำมัน เครื่องจักร สมาร์ทโฟน ยา และเวชภัณฑ์ ยุทโธปกรณ์ข้าวสาลี และของทุกอย่างที่เราผลิตเองทำเองไม่ได้ในประเทศ ปีหนึ่งก็อีกหลายแสนล้านบาท
สินค้าฟุ่มเฟือยที่สั่งเข้ามานี้ ส่วนใหญ่ก็คนมีฐานะที่จะใช้กัน และก็เป็นตัวอย่างให้นักเรียน นักศึกษา เยาวชน คนมีรายได้น้อย ไปทำตามเขาบ้าง สุภาษิตไทยเรียกว่า “เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง” นักศึกษาซึ่งยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้ก็จะต้องไอโฟนชนิดดีที่สุด แพงที่สุด มาถือโชว์แข่งกันเสียวหมี่ก็ไม่เอา หัวเหว่ยก็ไม่เอา จะเอาไอโฟนโปรแม็ค ราคาสี่หมื่นบาทกว่าๆ
จึงเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองหรือคนมีอันจะกินทั้งหลาย จะต้องทำตนเป็นตัวอย่างแก่ลูกหลาน ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้ร่วมงาน ให้เห็นว่าประเทศไทยจะต้องประหยัด ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย คนไทยจะต้องช่วยคนไทยด้วยกัน ของใดที่ผลิตได้ในประเทศ ก็ต้องช่วยกันใช้ ช่วยกันกินเพื่อให้ผู้ผลิตซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันเอง ได้มีงานทำ มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว มาส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนเพื่อให้ได้รับการศึกษา ที่เหมาะสม อย่าทิ้งคนส่วนใหญ่ไว้ข้างหลังเราต้องช่วยกันพยุงกัน ให้อยู่เป็นสุขไปด้วยกัน
พูดถึงการศึกษา เด็กคนใดโชคดีเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะ (ไม่ถึง 5% ของคนไทยทั้งประเทศ) ก็ได้เข้าศึกษาระดับประถม มัธยม ในโรงเรียนนานาชาติ พอจบก็ไปต่อปริญญาโท เอก กันที่เมืองนอก ขอให้ได้กลับมาพัฒนาบ้านเมืองด้วยกันเถอะ อย่าไปมีสามีฝรั่ง มีภรรยาเป็นแหม่ม แล้วไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินอยู่เมืองนอก ประเทศไทยก็เสียทรัพยากรให้ไปเรียนมากอยู่แล้ว ถ้าต้องเสียบุคลากรที่มีการศึกษาดีๆ ไปอีก ก็คงจะเจริญได้ช้า
อย่างไรก็ดี เมื่อเด็กโรงเรียนอินเตอร์พบกันเที่ยวด้วยกัน ไปทานอาหารด้วยกัน ก็ส่งภาษาอังกฤษ ฟุดฟิดฟอไฟ สำเนียงก็ดี ศัพท์แสงดีไม่มีที่ติ เป็นที่น่าชื่นชมแต่พอเพื่อนเก่าเข้าประตูร้านอาหารมาก็ทักกัน ด้วยภาษาไทยว่า
“มึงหายหัวไปไหนมาวะ พวกกูคอยนานจะตายห่าอยู่แล้ว”
คนที่เพิ่งเข้ามาก็ตะโกนตอบมาว่า
“ก็พวกมึงอย่ารีบแดกนักสิวะ จะรีบไปหาโคตรพ่อโคตรแม่มึงหรือ”
ฟังดูแล้วเหมือนอยู่ในยุคพ่อขุนรามคำแหงสร้างชาติ จึงอยากจะเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการ จัดให้โรงเรียนนานาชาติบรรจุหลักสูตรมารยาทในสังคมไทยอันเป็นหนังสือที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมพิมพ์แจกเข้าเป็นหลักสูตรวิชาย่อย สอนในโรงเรียนอินเตอร์บ้าง เพราะประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวมามากมาย ก็เพราะเขาชื่นชมในประเพณีไทย มารยาทคนไทย จิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือผู้อื่น หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “มารยาทไทย มารยาทในสังคม” มีแจกที่กระทรวงวัฒนธรรม
ประเทศเพื่อนบ้านเราเขาก็มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆไม่แพ้เรา ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ปราสาทโบราณ ชายทะเล ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเมืองไทยมากกว่าและบ่อยครั้งอย่างไม่เบื่อก็เพราะวัฒนธรรมไทย อัธยาศัยไมตรีอันดีงาม และความสุภาพอ่อนน้อมของคนไทยนี่แหละ ตามสุภาษิตเก่าที่ว่า “ประเพณีไทยแท้ แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ”
สัปดาห์ที่แล้วได้เผยแพร่ให้ท่านผู้อ่านที่รักไทย นิยมไทย อยากช่วยคนไทยที่ไม่มีงานทำในยุคภัยพิบัติโควิด-19 ให้คนมีงานทำเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยการใช้ของ ไทยคิด (ออกแบบ) ไทยผลิต ไทยขาย ไทยซื้อไทยใช้ของไทย มาให้ท่านผู้อ่านทราบถึงผลิตภัณฑ์กระเป๋าหนัง กระเป๋าผ้าพิมพ์ และเครื่องสำอางบ้างแล้ว วันนี้เลยขออนุญาตลงภาพผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม คุณภาพดีราคาเหมาะสม มาให้ชมอีก 2-3 ชิ้น ได้แก่
กระเป๋าหนังแท้
กระเป๋าผ้าพิมพ์
และน้ำหอมอย่างดี (EAU DE PARFUM) เช่น
CREME DE ROSE
กลิ่นอื่นๆ
มาให้ท่านผู้อ่านลองใช้ดูบ้าง เป็นผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิ ภัทรมหาราชานุสรณ์ และของบริษัท สยามกลิตเตอร์ 1957 ภายใต้แบรนด์ CM 1957 ซึ่งท่านอาจติดต่อชมและซื้อได้ที่ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ติดโรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ถนนกำแพงเพชร 6 (ถนนคู่ขนานวิภาวดี-รังสิต) เขตหลักสี่ ครับ
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี