ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 รอบที่ 3 ส่งผลให้ธุรกิจรีสอร์ทหลายแห่งในอำเภอสวนผึ้ง ต้องปิดกิจการลงชั่วคราว บางแห่งปรับตัวหันไปทำเกษตรปลูกผัก ผลไม้ ในการพยุงกิจการเพื่อความอยู่รอด 

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด -19 ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้การท่องเที่ยวต่างๆ ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะธุรกิจบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ท แทบทุกแห่งใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าพัก จนรีสอร์ท ขาดรายได้ เป็นเหตุให้ต้องปรับลดพนังงาน ลูกจ้าง บ้างก็ลาออกไป จนทำให้รีสอร์ทหาทางดิ้นรนต่อสู้เพื่อฝ่าวิฤตนี้เพื่อความอยู่รอด

วันนี้ เราจะพาไปดูการปรับตัวสู้วิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด -19 ของนายมาโนช ดลวิศิษฐ์ถาวร และนางนิจทยา วิริยะเกษมสุข สองสามีภรรยาที่ผันชีวิตครอบครัวจากเจ้าของธุรกิจรีสอร์ต "สวนผึ้งคันทรีโฮม รีสอร์ต" ตั้งอยู่เลขที่ 412/2 หมู่ 3 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่ได้ช่วยกันเก็บเงินจากการทำงานจากต่างประเทศกว่า 30 ล้านบาท มาลงทุนทำธุรกิจรีสอร์ทบนเนื้อที่นับสิบไร่นานกว่า 4 ปีแล้ว ปลูกสร้างอาคารที่พัก มีทั้งอาคารไม้ อาคารปูน ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามริมขุนเขา ช่วงแรกมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนช่วงวันหยุดต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทศกาลสำคัญ 

แต่ต่อมาเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด -19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้รีสอร์ท เริ่มทยอยปิดกิจการลงชั่วคราว ด้วยสภาพไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในพื้นที่ 

แต่ด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาชีวิต จึงได้ทดลองหันมาใช้พื้นที่ด้านหลังรีสอร์ทปลูกพืชผักล้มลุกระยะสั้น เพื่อหารายได้มาพยุงครอบครัว และมีเงินพอจ่ายคนงาน ช่วงระหว่างรอสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น 

ขณะที่ช่วงสร้างรีสอร์มใหม่ๆ นั้น ได้ปลูกผลไม้ยืนต้นแซมไว้ตามพื้นที่รีสอร์ทจำนวนมาก เช่น มะม่วง ทุเรียน ต้นมัลเบอรี่ กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ส้มโอ ที่เติบโตมาออกผลในช่วงนี้พอดี   ที่เหลือปัจจุบันได้ปลูกผักระยะสั้นอย่างมะเขือ ถั่วพู พริก มะนาว และผักอื่น ๆ ออกผลผลิตทยอยเก็บส่งขายถึงไม่มาก แต่ก็เพื่อเป็นการพยุงธุรกิจรีสอร์ทไว้ พืชผัก ผลไม้ที่ปลูกออกผลผลิตเก็บเกี่ยวได้เกือบทุกวัน อย่างผลไม้ที่ปลูกไว้ระยะยาว ก็เริ่มออกผลเก็บขายได้แล้ว เช่น ส้มโอ มะม่วง 

นางนิจทยา วิริยะเกษมสุข เจ้าของสวนผึ้งคันทรีโฮม รีสอร์ต กล่าวว่า ทำธุรกิจรีสอร์ทมาประมาณ 4 ปีแล้ว แต่พอมาเมื่อ 3 ปีที่แล้วประสบปัญหา มีลูกค้าเริ่มน้อยลง เพราะในสวนผึ้งจะมีรีสอร์ทหลายแห่ง การขยายตัวของรีสอร์ทจะเกินความต้องการของลูกค้า ก่อนหน้านี้ทำรีสอร์ทพร้อมกับปลูกมะนาว สับประรด และยังปลูกทุเรียนรวมไปด้วย ตอนนี้ทุเรียนพันธุ์หมอนทองเริ่มออกผลผลิตในปีแรกแล้ว

ต่อมาเกิดสถานการณ์โควิดรอบแรกยังไม่ได้ปิดกิจการ ยังพอมีลูกค้าเข้ามาพักเล็กน้อย  ช่วงโควิดรอบที่ 2 เริ่มหนักขึ้น จนมาถึงรอบที่ 3 หนักมาก รอบแรกจึงหันมาทดลองทำการเกษตรปลูกพืชล้มลุกระยะสั้น ปลูกมะเขือเปาะ พริกหยวก พริกขี้นกพันธุ์ซุปเปอร์ฮอต และถั่วพู รายได้ช่วงนี้จะมีถั่วพูที่ราคาดีขายส่งกิโลกรัมละ 60 - 70 บาท มะเขือขายกิโลกรัมละ 12 บาท พริกหยวกกิโลกรัมละ 15-20 บาท พริกซุปเปอร์ฮอตราคากิโลกรัมละ 20-30 บาท รวมรายได้จากการขายเฉลี่ยได้เงินวันละ 1,000 บาท เป็นการช่วยรายจ่ายที่เราต้องเลี้ยงคนงานที่สมัครใจอยู่กับเรา จะต้องช่วยกันปลูกผักทำการเกษตรด้วย  

บางคนไม่สมัครใจก็ออกไปหางานทำเอง ต้องปรับสภาพให้สู้กับสถานการณ์โควิดในปัจจุบันนี้ ในใจคิดว่าสถานการณ์น่าจะถึงสิ้นปีนี้ ภาวนาขอให้ลูกค้ากลับมาก็จะดี แต่หากสถานการณ์ล่วงเลยนานไปกว่านี้อีกก็ไม่รู้จะทำอะไรกันแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่พยุงเศรษฐกิจ และชีวิตของพนักงานและเจ้าของกิจการที่จะต้องช่วยเหลือกันตอนนี้

ส่วนรีสอร์ทอื่น ๆ ได้ลดพนักงานลง แต่ของที่นี่จะให้พนักงานทำงานเหมือนปกติ พอมีลูกค้าเข้ามาพักก็จะไปช่วยกันดูแล พอว่างเว้นก็หันมาช่วยกันทำเรื่องเกษตร ทั้งตัดหญ้า เก็บผัก นำไปส่งขายที่ตลาดศรีเมือง แม้จะลำบากแต่ก็อยู่ฝ่าฟันกันไปด้วยใจที่ไม่ย่อท้อ อยากให้ทุกคนร่วมมือ ร่วมใจที่จะต่อสู้ไปด้วยกัน เพื่อรอความหวังว่าประเทศไทย จะผ่านพ้นวิกฤตของสถานการณ์โควิด -19 ไปได้ในปลายปีนี้