พระครูปลัดสุวัฒนพรหมมงคลคุณ (พระอาจารย์เสริมพร ธมฺมวโร) หนึ่งในคณะกรรมการมูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร (Willpower Institute), ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดศรีรัตนธรรมาราม และอดีตเลขานุการท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร ได้เมตตาให้เทศนาธรรมแก่สังคมไทยในยุคปัจจุบัน ในหัวข้อ "ความสำคัญของสมาธิ" เพื่อให้สามารถรอดพ้นจากทุกวิกฤต โดยเฉพาะวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ซึ่ง "แนวหน้า ออนไลน์" ได้นำมาถอดเทปเป็นธรรมทาน มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
เจริญพรญาติโยม “สมาธิ” ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิต ในยุคสังคมปัจจุบัน เพราะว่าอะไร เพราะว่า ในแต่ละวัน เราเจอกับอารมณ์มากมาย ทั้งอารมณ์ที่ไม่ดีบ้าง อารมณ์ดีบ้าง สิ่งที่เข้ามากระทบกระทั่งใจบ้าง สิ่งที่ทั้งชอบใจและไม่ชอบใจบ้าง เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดเราพัฒนาใจของตนเองให้มีพลัง พัฒนาใจของตนเองให้มีสมาธิ หรือ ที่ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม หลวงพอวิริยังค์ สิรินฺธโร ท่านบอกว่า ถ้าเกิดพัฒนาใจของเราให้มี “พลังจิต” จะเป็นไปตามวัฎจักรของกาย แต่ถ้าเกิดว่าจิตใจเราดี ก็จะส่งผล มาสู่กายของเราดีด้วย ดังนั้น จึงมีหนทางหนึ่งที่จะพัฒนากายของเรา ก็คือการทำสมาธิ
การทำสมาธิโดยการนึก “พุทโธ” เมื่อเราทำสมาธิ วันละเล็กวันละน้อย ทำให้มาก เจริญให้มาก เมื่อสมาธิเพิ่มพูนเข้าสู่จิตใจของเรา ก็สามารถที่จะทำให้มีจิตใจที่มีพลังจิต ควบคุมใจของตนเอง อย่างที่พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสว่า “มโนบุพฺพงฺ คมาธมฺมา มโนเสฎฺฐา มโนมยา” ตัวเรามีใจเป็นหัวหน้า ตัวเรามีใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จแล้วด้วยใจ การพูดการคิดต่างๆล้วนแล้วเกิดขึ้นจากใจ
ดังนั้นแล้วเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจ เราก็ควรที่จะพัฒนาใจก็คือ การทำสมาธิ เมื่อเราทำสมาธิ พัฒนาใจของเราให้เข็มแข็ง ให้มีพลังแล้ว เราก็สามารถที่จะอยู่ในสังคมปัจจุบัน และ อนาคตได้อย่างมีความสุข อยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข อยู่กับคนอื่นในครอบครัวอย่างมีความสุข อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข อยู่ในประเทศชาติ ในโลกอย่างมีความสุขได้ ถ้าเกิดเราทำสมาธิ ดังนั้น “สมาธิ” ชื่อว่า เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ในชีวิตยุคปัจจุบัน ถ้าเกิดเราขวนขวายในการทำสมาธิ ในการฝึกจิตใจของตนเองให้มากยิ่งขึ้น จะเกิดประโยชน์กับตัวเราและเกิดประโยชน์กับคนรอบข้างอย่างมหาศาล
ทีนี้คำว่า “ต้นแบบ” หรือ แรงบันดาลใจในการทำสมาธิ “สมาธิ”คือว่า เราก็มีประวัติที่ได้ศึกษากันมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บุคคลที่เป็นต้นแบบ และ ยอดเยี่ยมในการทำสมาธิ แล้วบังเกิดผลในการพัฒนาจิตตั้งแต่ครั้งพุทธกาลมา อย่างเช่น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เดิมทีพระองค์ก็เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เป็นฆราวาส ญาติโยมโดยทั่วไป แต่ว่าพระองค์สนใจในการศึกษาปฏิบัติพัฒนาจิตใจโดยการมาทำสมาธิภาวนา จนได้รู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องการทำสมาธิอย่างแจ่มแจ้ง แล้วก็พัฒนาตนเองจากคนธรรมดา ก็เป็นกัลยาณชน เป็นอริยชน จนเป็นองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราได้กราบได้ไหว้ ได้ศึกษาปฏิบัติตาม อย่างเช่น องค์สาวกของพระพุทธเจ้าก็ดี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านก็ได้ทำสมาธิภาวนา พัฒนาจิตของตนเองให้สูงขึ้น แล้วก็ได้เป็นพระอริยะ และ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จวบจนมาถึงยุคปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้ถ้าพูดถึง “ต้นแบบ” ของการปฏิบัติสมาธิภาวนา เช่น เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ท่านก็ได้มุ่งมั่นตั้งใจประพฤติปฏิบัติสมาธิภาวนา ศึกษาทั้งฝ่ายของทฤษฎี ศึกษาทั้งฝ่ายของการปฏิบัติ ไปปฏิบัติกับพระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ กับพระอาจารย์มั่น พัฒนาตนเองขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้รู้ซึ้งแห่งธรรม หรือว่า รู้ซึ้งถึงการปฏิบัติสมาธิที่แจ่มแจ้ง พอรู้ซึ้งถึงการทำสมาธิที่แจ่มแจ้งแล้ว ก็ได้นำมาบอก มากล่าว มาทำเป็นหลักสูตรมาสอนให้กับประชาชนในยุคปัจจุบัน
ดังนั้น เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการประพฤติปฏิบัติ ในการพัฒนาตัวเองของหลวงพ่อฯก็ถือว่าเป็นต้นแบบในการพัฒนาจิต จนได้เห็นอรรถ เห็นธรรม ได้ปฏิบัติเข้าใจถึงสมาธิชั้นสูง และ นำพาลูกศิษย์ลูกหานับหมื่น นับแสน นับล้านคน ในการปฏิบัติสมาธิภาวนา ดังนั้น อันนี้ คือ ต้นแบบในการปะพฤติปฏิบัติ จนมาถึงพวกเราท่านทั้งหลาย ที่เป็นลูกศิษย์ หรือ เป็นพุทธศาสนิกชน หรือว่า เป็นประชาชนทั่วไป ที่เรามาประพฤติปฏิบัติสมาธิภาวนา ก็อยากจะให้พวกเราเห็นความสำคัญของการปฏิบัติ เมื่อเราเห็นความสำคัญของการปฏิบัติสมาธิ เราก็มีความฉันทะ คือ ความพอใจ อยากที่จะปฏิบัติ เมื่อบังเกิดผลกับผู้ปฏิบัติแล้ว ผลนั้นก็จะส่งผลกับเราทั้งปัจจุบันและอนาคต
ธรรมะในยุคปัจจุบัน ที่อยากจะฝากให้กับประชาชน หรือว่า ญาติโยม ในการดำเนินชีวิต ในการใช้ชีวิต ก็คือ เรื่องของความกตัญญู เพราะว่าใครก็ดี ที่รู้บุญคุณของบุคคลผู้ที่มีบุญคุณ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องทั้งหลาย ผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เราตอบแทนบุญคุณท่านก็ชื่อว่า เป็นผู้ที่เจริญ หรือว่า เป็นคนดี หรือ ดังที่สุภาษิตที่ว่า “นิมิตฺตัง สาธุรูปานังกตัญญูกตเวทิตา” ถ้าเกิดใครที่รู้บุญคุณคน ผู้ที่มีบุญคุณ แล้วตอบแทนบุญคุณท่าน ชื่อว่าเป็นคนดี
หลวงพ่อวิริยังค์ มีคำหนึ่งที่ลูกศิษย์ลูกหาจะคุ้นเคยกันบ่อยๆท่านบอกไว้ว่า “เราอาศัยสิ่งใด เราต้องรักษาสิ่งนั้น” เพื่อจะได้อาศัยสิ่งนั้นไปนานๆ เราอาศัยปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องพ่อแม่ ในการดำเนินชีวิต เราก็ต้องรักษาดูแลก็จะได้อาศัยสิ่งนั้นไปนานๆ ดั่งพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสว่า “อย่าท้อท้อย หรือ น้อยใจ ถ้าเกิดทำงานไม่สัมฤทธิผล จงขยันและอดทน พิจารณาคน ด้วยปัญญา” อันนี้ก็เป็นข้อธรรมอีกข้อหนึ่งที่จะฝาก อย่าท้อท้อย หรือว่า อย่าน้อยใจ ถ้าเกิดทำงานไม่สัมฤทธิผล จงขยันและอดทน พิจารณาคนด้วยปัญญา การที่อยู่กับคนหมู่มาก อยู่กับคนส่วนมาก อาจจะไม่มีใครหรือว่าคนใดที่จะถูกใจเราทั้งหมด
เพราะฉะนั้นให้พิจารณาคนด้วยปัญญา ถ้าเกิดเราพิจารณาคนด้วยปัญญา อยู่ด้วยความเข้าใจ ใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจ เราก็จะอยู่อย่างมีความสุข อยู่อย่างธรรมะ ประพฤติปฏิบัติธรรม ฉะนั้นก็ขอให้ทุกท่านพากันทำ “สมาธิ” ภาวนา ฝึกใจของตนเองให้มี “พลังจิต” แล้วก็สามารถที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ขอเจริญพร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี