1.สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน มาจนถึงปัจจุบัน จะมีความรุนแรงมาก อัตราการติดเชื้อสูง และมีการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายวันอย่างต่อเนื่องด้วยเหตุดังกล่าวนี้เองที่ทำให้รัฐบาลเลื่อนการเปิดเทอมของนักเรียนทั่วประเทศจากเดือนพฤษภาคม ไปเป็นเดือนมิถุนายน และมาตรการจากทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ออกมาก็ยังคงให้น้ำหนักอยู่กับเรื่องของการเรียนออนไลน์เป็นสำคัญ แม้ว่าจะทำการเปิดเทอมแล้วก็ตาม รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมครูสำหรับการสอนออนไลน์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
อย่างที่ทราบกันดีว่า การเรียนออนไลน์ตามรูปแบบที่ ศธ. กำหนดก่อนหน้านี้มีปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์การเรียนการสอน สัญญาณอินเตอร์เนต รวมไปถึงความพร้อมและความชำนาญของครูและนักเรียนต่อการเรียนในรูปแบบนี้ ด้วยอุปสรรคเหล่านี้เองที่ทำให้การเรียนออนไลน์ในรอบที่แล้วมีประสิทธิภาพที่ไม่สูงนัก และกลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจและสื่อสารให้ทำการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้นเหมาะสมกับการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพของนักเรียน
2.ด้วยความสนใจและใส่ใจด้านการศึกษา ผมจึงได้นำเสนอกระบวนการเรียนการสอนออนไลน์ให้มีคุณภาพผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ไปแล้วหลายครั้ง (ในปีที่ผ่านมา และต้นปีนี้) ไม่ว่าจะในรูปแบบของ How to ที่แนะนำเป็นหัวข้อว่าต้องทำอะไรบ้างหรือเชิงเนื้อหาสาระทางนโยบาย ว่าควรต้องบริหารจัดการแบบไหน รวมไปถึงการอ้างอิงหลักทางจิตวิทยาที่มีผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน เพื่อนำมาประกอบข้อมูลที่นำเสนออันนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติ ดังนั้นเพื่อให้ความตั้งใจนี้ส่งไปถึง ศธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อม ผมจึงขอนำเสนอรูปแบบและวิธีการสอนออนไลน์ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงอีกครั้ง ดังนี้
1. โรงเรียนจัดให้ครูชั้นประถม 4-6 ขึ้นไป (นักเรียนชั้นประถม 1-3 ไม่น่าจะพร้อมเรียนออนไลน์) ทุกวิชาอัดคลิปการบรรยายสาระวิชาเป็นรายคาบชั่วโมง คาบละ 1 คลิป ไม่เกิน 25-30 นาที ด้วยสาระของการบรรยายให้บอกประเด็นเนื้อหาวิชาที่สำคัญ พร้อมตัวอย่างอธิบายสาระวิชานั้น และเชื่อมโยงประเด็นเนื้อหาวิชานั้นให้นักเรียนเข้าใจความสัมพันธ์ของประเด็น พร้อมยกตัวอย่างประกอบ ส่วนตอนท้ายของคลิปให้บอกโจทย์ปัญหา เพื่อให้นักเรียนคิด แล้วนำไปตอบครู โดยที่สามารถแลกเปลี่ยนกระบวนการได้มาซึ่งคำตอบกับเพื่อนในชั้นเรียนจริงได้
2. ให้แบ่งนักเรียนในชั้นเรียนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1เมื่อฟังคลิปแล้วให้ไปเข้าชั้นเรียนตามตาราง ที่กำหนด ส่วนนักเรียนกลุ่มที่ 2 ให้อยู่บ้านฟังคลิป แล้วไปเข้าชั้นเรียนในวันถัดไป สลับกับนักเรียนกลุ่มที่ 1 (จะมีนักเรียนไปเรียนครึ่งหนึ่ง และอยู่บ้านครึ่งหนึ่งสลับกัน)
3. นักเรียนกลุ่มที่เข้าชั้นเรียน ครูจะตั้งโจทย์ปัญหาที่สอดคล้องกับคลิปที่นักเรียนฟังไปจากบ้านแล้วจากนั้นให้นักเรียนทำโจทย์ปัญหาด้วยตนเอง แล้วให้นักเรียนทุกคนนำเสนอคำตอบของโจทย์ปัญหา ที่ตนทำมาให้เพื่อนฟัง จากนั้นครูต้องเปิดให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อคำตอบที่แตกต่างกัน ว่าเพราะอะไร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันว่าโจทย์ปัญหานี้สามารถจะแก้ไขได้กี่วิธี และแต่ละวิธีของการแก้ปัญหานั้นใช้ฐานคิดอะไร
4. ครูจะช่วยประคองการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันของนักเรียน และสรุปประเด็นการแก้โจทย์ปัญหาเป็นประเด็นการเรียนรู้ร่วมกันของนักเรียนในชั่วโมงนั้น จากนั้นครูจะให้นักเรียนทุกคน Download คลิปที่จะต้องฟังและเรียนรู้ด้วยตนเองกลับไปฟัง และเรียนรู้ที่บ้าน เพื่อกลับเข้ามาชั้นเรียนทำโจทย์ปัญหา และเรียนรู้ร่วมกันในครั้งต่อไป
3.การสอนผ่านออนไลน์นี้ (หรือกึ่งออนไลน์มากกว่า) คือ การทำให้นักเรียนสามารถมีคลิปการสอนของครูเพื่อนำไปฟังได้ทุกคน ด้วยการใช้โทรศัพท์ หรือไอแพด หรืออุปกรณ์ใดก็ตามที่สามารถบันทึกคลิปกลับไปฟังที่บ้านได้ สำหรับคนที่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เนต เพราะไม่ต้องใช้สัญญาณในการฟัง ส่วนคนที่มีสัญญาณอินเตอร์เนต ก็สามารถ Download ได้เองที่บ้าน แต่การไป Download คลิปเพื่อฟังจากครูที่ชั้นเรียนก็จะเป็นการกำหนดให้นักเรียนมาเข้าร่วมชั้นเรียนโดยปริยาย ซึ่งทำให้ได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น และร่วมคิดวิเคราะห์กับเพื่อนและครูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ที่สำคัญ ทำให้นักเรียนไม่หลุดไปจากชั้นเรียนในระยะเวลาที่ยาวนาน
สำหรับประเด็นทั้ง 4 นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ ศธ. ควรมอบนโยบายที่ชัดเจน และกำกับให้ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถบริหารจัดการให้ครูทุกคนในทุกสาระวิชาสามารถเตรียมการให้จบในทุกวิชาทุกคาบชั่วโมงเรียนอย่างราบรื่นได้ก่อนเปิดภาคเรียน ซึ่งคิดว่า สพฐ. น่าจะมีเวลาในการทำตรงนี้เพียงพอ
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็ควรที่จะลงมือทำงาน ในการกำกับ และติดตาม สพฐ. ให้รายงานทุกสัปดาห์ว่า จำนวนโรงเรียนที่ได้ดำเนินการตาม 4 ประเด็นนี้ไปถึงไหนแล้ว และถ้าทำไม่ได้ ก็ให้หาคำตอบว่า เพราะสาเหตุอะไร และจะแก้ไขอย่างไร แล้วถ้าสพฐ. แก้ปัญหาใดไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่จะต้องจัดการให้สำเร็จ (ผมหวังว่าจะไม่มีปัญหาใดในกระทรวงที่รัฐมนตรีแก้ไขไม่ได้)
4.ถ้าระบบและกลไกการเตรียมการสอนออนไลน์ในสถานการณ์โควิด สามารถทำได้ตามกระบวนการที่ได้นำเสนอมานี้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทันทีก็คือ ความสำเร็จในการรักษาระยะห่างในชั้นเรียน และโรงเรียน เพราะจะมีนักเรียนเพียงครึ่งเดียวที่ไปโรงเรียน แต่ครูต้องมาทำงานทุกวัน(นักเรียนกลุ่ม 1 และ 2 สลับกัน) และต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้เกิดคุณภาพการเรียนการสอนที่มีคุณภาพในสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ ส่วนรัฐมนตรีก็มีหน้าที่ในการลงไปให้กำลังใจ และลงไปตรวจเยี่ยมระบบการเรียนการสอนในสถานการณ์ไวรัส(ออนไลน์) ของแต่ละโรงเรียน รวมไปถึงการบริหารจัดการองคาพยพของระบบดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความราบรื่น โดยเฉพาะการทำงานของ สพฐ.
นี่เป็นบทพิสูจน์สำคัญของ ศธ. และ สพฐ. สำหรับการเรียนการสอนออนไลน์ อันเชื่อมโยงไปถึงคุณภาพในการจัดการเรียนการสอนสู่อนาคต ว่าเป็นความหวังให้แก่นักเรียน และผู้ปกครองของพวกเขาเหล่านั้นได้หรือไม่รวมไปถึงการชี้ให้เห็นถึงทิศทางของการศึกษาไทย ว่าจะไปต่อได้ หรือถึงทางตัน วันเปิดเทอมที่กำลังใกล้เข้ามานั้นคือวันที่เราจะได้รับทราบคำตอบต่างๆ เหล่านี้
กนก วงษ์ตระหง่าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี