ผมเชื่อโดยสุจริตว่า landscape ทางเศรษฐกิจ สังคม การค้าระหว่างประเทศ และการเมืองระหว่างประเทศ ในยุค Post COVID จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะ COVID ได้ disrupt โลกในแง่มุมต่างๆ อย่างรวดเร็วและรุนแรงตามที่พวกเราเผชิญกันมา ประกอบกับผลกระทบจาก climate change ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวินาทีตามที่เราเห็นในข่าวสาร
ผมจึงเห็นว่าความรุ่งเรืองที่ผ่านมาเป็นเพียง “ภาพจำ” ที่มันผ่านเลยไปแล้วเป็นอดีต แต่สิ่งที่ควรตระหนักคือ “ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น” ซึ่งจะนำไปสู่อนาคต แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันก็ยุ่งยากมากพอแรงแล้ว แต่ก็ไม่ควรละเลยการวางพื้นฐานเพื่ออนาคตเช่นกัน
เสพข่าวสารทุกวันนี้คงเห็นแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามความคิดความเห็นของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม ไม่สมัครสมานสามัคคีกันเพื่อเป้าหมายส่วนรวม ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย แทนที่จะเร็วกลับช้า ถ้าหันหน้ามาพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผลให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไป ประชาชนส่วนรวมก็จะได้ประโยชน์ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ได้ประโยชน์
ส่วนการทุ่มเทเพื่อรื้อฟื้นความเรืองรองเช่นในอดีตให้เกิดขึ้นอีก เช่น ให้นักท่องเที่ยวกลับมาสี่สิบล้านคนต่อปีให้การผลิตเพื่อส่งออกกลับมาเฟื่องฟูให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเยอะๆ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคัก ฯลฯ ในทัศนะผมนั้น มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับ “ความเปลี่ยนแปลง”
อย่าง sharing economy นี่คงลืมกันไปแล้วหลังจากพูดกันพักนึง แต่จริงๆกิจกรรมทางเศรษฐกิจขณะนี้อยู่บนพื้นฐานของการแบ่งปัน หรือ sharing มากมาย สังเกตไหมครับว่า content ใน social networks นั้นเขาแบ่งปันองค์ความรู้ต่างๆ กันมาก โดยเฉพาะเทคนิคและวิธีการทำเบเกอรี่ การปลูกต้นไม้ เรื่อยไปจนถึงการเลี้ยงจิ้งหรีด เลี้ยงไส้เดือน การส่งอาหาร การส่งพัสดุ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฐานรากอยู่อย่างเงียบๆ แต่มีมูลค่าสูงมากและพัฒนาความสัมพันธ์ทางสังคมแบบใหม่ขึ้นไปพร้อมกัน ที่สำคัญ ผมสังเกตว่ามันมีความโอบอ้อมอารีและความไว้เนื้อเชื่อใจอันเป็นพื้นฐานทางสังคมที่ดีแฝงอยู่ในนั้นด้วยผ่านการลดแลกแจกแถม และการเม้าท์มอยแม้จะไม่เป็นทุก transactions ก็ตาม
การตกงานจากระบบโรงงานหรือการผลิตแบบเดิมกลับทำให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยขึ้นมากมาย ทั้งด้านการค้าขายและการเกษตร ถ้าสร้างความเข้มแข็งให้แก่พวกเขาได้ เราอาจเปลี่ยนโครงสร้างสังคมจากสังคมลูกจ้าง สังคมข้าราชการ ไปเป็นสังคมผู้ประกอบการที่พอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างยั่งยืน และถ้ามี input ในเรื่อง Green economy เข้าไปด้วยการลดใช้พลาสติก ใช้วัสดุธรรมชาติ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมมากขึ้น
ก็เข้าใจดีครับว่าอยู่ในช่วงชุลมุน ทุกฝ่ายยังคงมึนๆ กันอยู่ เลยยังไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่อย่าลืมก็แล้วกันนะครับ
ปกรณ์ นิลประพันธ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี