ถ้าเป็น “หนัง” ก็เป็น “หนังชีวิต” ยาวและยังไม่รู้ว่า “จบอย่างไร”
แต่ถ้าสร้างโดย “ฮอลลีวู้ด” แน่นอนต้องจบด้วย “ผู้ร้าย” ตายตอนสุดท้าย หรือไม่ก็ “คนทำชั่ว ไม่มีทางได้ดี” ตามกฎเกณฑ์จริยธรรมที่เมืองอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของโลกตั้งไว้
ผมกำลังพูดถึงเรื่องราวของ CARLOS GHOSN อดีตนักธุรกิจใหญ่ “ดาวรุ่ง” ของวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ ของโลก ในระหว่างปี ค.ศ.2004-2018
CARLOS GHOSN เป็น “มือปืนรับจ้าง” ชาวฝรั่งเศส (และยังมีอีก 2 สัญชาติคือ Lebanese และ Brazilian) เริ่มแสดงฝีมือบริหารตั้งแต่ปีค.ศ.1996ตอนเข้าเป็นผู้ช่วย CEO ของบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส Renault
CARLOS GHOSN เสนอแผนตัดค่าใช้จ่าย 3 ปี(1998-2000) ตั้งแต่ลดคนงาน ปรับขบวนการผลิต เสนอMODEL รถใหม่ๆ ด้วย DESIGN ที่โฉบเฉี่ยว
เขาช่วยให้บริษัท “ยักษ์หลับ” อย่าง Renault จากใกล้ “ล้มละลาย” กลับ Turn Around มา “เติบโต” จนได้ชื่อว่าเขาเป็น “MR.FIXIT” สร้างชื่อไปทั่ววงการรถยนต์ยุโรป
ความที่ Renault มีการลงทุนในธุรกิจร่วมกับยักษ์รถยนต์ของญี่ปุ่น โดยตั้งบริษัทร่วม Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance ด้วยการถือหุ้นบริษัทไขว้กันไปมา
Nissan บริษัทรถยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่นภูมิใจรักและหวงแหนเป็น “สมบัติชาติ” บริษัทหนึ่งของดินแดนอาทิตย์อุทัย
CARLOS GHOSN ได้รับมอบหมายจากบริษัท RENAULT ให้เข้ามาฟื้นฟู บริษัทร่วมนี้
แต่ก่อนที่ MR.CARLOS GHOSN จะเข้ามารับผิดชอบบริษัทร่วม (Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance) Nissan ก็เป็น “ยักษ์หลับ” เช่นกัน ในปีค.ศ.1999 Nissan อยู่ในสภาพที่ใกล้ล้มละลาย
CARLOS GHOSN “MR.FIXIT” เข้ามา “บริหาร” และประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการ Turn Around “Nissan” ให้กลับมาเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น
CARLOS GHOSN เสวยสุขอยู่ในตำแหน่ง CEO และ Chairman ของบริษัท ALLIANCE แห่งนี้และในปี ค.ศ.2017 เชื่อกันว่า Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance เป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก และนับถือกันว่า เพราะฝีมือ “MR.FIXIT” แท้ๆ
CARLOS GHOSN เดินอยู่บน “พรมแดง” ตลอดเป็น CELEB โด่งดังในประเทศสาเก ทั้งที่มาจากดินแดนไวน์ ฝรั่งเศส
และแล้วปลายปี ค.ศ.2018 ดาวรุ่ง CARLOS GHOSN ก็โดน “ดับแสง”
เขาโดนจับที่สนามบิน TOKYO ในข้อหาที่ทางการญี่ปุ่นถือว่า “ร้ายแรง” นั่นคือ แจ้งรายได้เพื่อเสียภาษีต่ำกว่าจริง และใช้เงินบริษัทอย่างไม่เหมาะสม
สื่อมวลชนบางฉบับที่เข้าใจ “ความเป็นชาตินิยม” ของญี่ปุ่นกระซิบว่า ประเทศอาทิตย์อุทัย ยอมไม่ได้ที่ GHOSN พยายามจะให้บริษัทแม่ (RENAULT) มา Takeover Nissan อุตสาหกรรมรถยนต์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นเป็น “บริษัทสมบัติชาติ” ที่ภูมิใจ
เขาได้รับการประกันตัวออกมาต้นเดือนมีนาคม 2019น่าสนใจที่ช่วงนั้นบริษัท RENAULT ต้นสังกัดและรัฐบาลฝรั่งเศสยืนข้างเขา โดยถือหลักยุติธรรมที่ว่า “ผู้ต้องหา” เป็น “ผู้บริสุทธิ์” จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า “กระทำผิด”
แต่ต่อมา RENAULT ก็ต้านทานกระแสไม่ไหว GHOSN ถูกให้ลงจากตำแหน่ง CEO และ Chairman ของ RENAULT และบริษัทก็ค้นพบว่า GHOSN ได้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยกับบริษัท RENAULT เช่นกัน
ข้อกล่าวหาว่าญี่ปุ่นหาเรื่องด้วยความเป็นชาตินิยม ทำลาย GHOSN จึงอาจไม่เป็นธรรมนัก
พฤติกรรมหรูหราของเขาเป็น “ตำนาน” วันเกิดปีหนึ่ง CARLOS GHOSN ปิดพระราชวังแวร์ซายส์ และให้แขกและบริกรแต่งกายในยุคจักรพรรดิ
มีผู้คนวิจารณ์ว่า ความสำเร็จทำให้เขาลืมตัว คิดว่าเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของประเทศฝรั่งเศส
เมษายน 2019 GHOSN ถูกจับในข้อหาใหม่ “ใช้เงินกองทุน NISSAN อย่างไม่เหมาะสม” และได้รับการประกันตัวใน 3 อาทิตย์ต่อมา
ในช่วงปลายปี 2019 ในขณะที่ผู้คนเพลินกับบรรยากาศ “ส่งท้ายปีเก่า” CARLOS GHOSN ได้สร้างวีรกรรมสั่นสะท้านโลกด้วยกันหลบหนีออกจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยการซ่อนตัวในกล่องดนตรีใหญ่เป็น CARRY ON LUGGAGE และใช้เครื่องบินรับจ้างส่วนตัว บินจาก KANSAI AIRPORT เมือง OSAKA สู่บ้านเกิดของพ่อแม่ LEBANON ซึ่งเจ้าตัวก็ถือสัญชาติอยู่ และไม่มีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศญี่ปุ่น
อาทิตย์ที่ผ่านมา GHOSN ได้ให้สัมภาษณ์กับ BBCถึงรายละเอียด “การหลบหนี” เหตุผลที่ใช้ “กล่องดนตรีใหญ่”เป็นอุปกรณ์สำคัญช่วยให้หลบหนีสำเร็จ เพราะขณะนั้นเป็น“เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” มีรายการคอนเสิร์ตทั่วไปในญี่ปุ่น
จากที่เคยแต่งตัวดีใส่สูทเป็นประจำ GHOSN ต้องหาเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการน้อยกว่านั้น เพื่อกันคนจำได้บนถนนโตเกียว บนรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียวสู่โอซากาที่เครื่องบินส่วนตัว (รับจ้าง) จอดรออยู่
ก่อนถึงสนามบินแน่นอน GHOSN ต้องไปเข้า “กล่อง” ซึ่งเตรียมไว้ที่โรงแรมใกล้ๆ สนามบิน
เมื่อเข้าไปอยู่ใน “กล่อง” แล้ว ที่นี่เองที่ GHOSN ได้ซาบซึ้งกับ “หลักธรรม” ของพุทธศาสนา
ไม่คิดถึงอดีต ไม่ห่วงอนาคต สนใจอยู่กับ “ปัจจุบัน” (ในกล่อง)
คิดเพียงว่า นี่เป็นโอกาสของคุณ พลาดไม่ได้ ไม่งั้นจะตกเป็น “เชลย” ตลอดชีวิตอยู่ในประเทศซามูไร
ชาย 2 คน แต่งกายเป็นนักดนตรีแบก “กล่อง” ยักษ์นี้จากโรงแรมไปสนามบิน
GHOSN อยู่ในกล่องเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก่อนจะปลอดภัยบนเครื่องบินส่วนตัวมุ่งสู่ตุรกี เพื่อเปลี่ยนเครื่องไปเลบานอน
เขาสารภาพว่าเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ขณะนั้นเหมือนปีครึ่งช่างนานเหลือเกิน
บริษัทอเมริกันรับจ้างลักพาคนออกนอกประเทศ 2 พ่อลูกที่ช่วยงานนี้ ก็โดนศาลญี่ปุ่นขอให้อเมริกาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมา และตัดสินจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว
รอก็แต่เวลาที่ CARLOS GHOSN จะได้กลับไปรับโทษตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่น
ส่วนศาลไทย กระบวนการยุติธรรมไทยและจำเลยสำคัญหนีศาล ข้าพเจ้าของดวิจารณ์ (ฮา)
กฤษณ์ ศิรประภาศิริ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี