เสียงสะท้อนผู้ปกครองที่บุรีรัมย์ หยุดเรียน 1 ปี มีทั้งผลดีผลเสีย ชี้เรียนออนไลน์แม้ไม่ได้ความรู้เต็มที่ แต่ดีกว่าปล่อยเด็กว่าง วอนรัฐช่วยแบ่งเบาค่าอินเตอร์เน็ตและค่าเทอม
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้วิถีชีวิตของหลายครอบครัวต้องเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียนก็ต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างเช่น น.ส.จิตมณี นิ่มหัตถา ข้าราชการประจำหน่วยงานแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เธอต้องพาน้องอุณๆ ลูกชาย วัย 8 ขวบ ซึ่งปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.2โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัด มานั่งเรียนออนไลน์ที่สำนักงานด้วย เพื่อที่เธอจะได้ทำงานตามภารกิจหน้าที่ ควบคู่กับการดูแลลูกชายช่วงที่เรียนออนไลน์ไปด้วย เธอยอมรับว่า การเรียนออนไลน์แม้เด็กจะเข้าใจยากและไม่ได้รับความรู้เต็มที่เหมือนกันการไปเรียนที่โรงเรียน แต่ด้วยสถานการณ์วิกฤติแบบนี้ ก็คงเป็นทางเลือกเดียวที่สามารถทำได้ ณ เวลานี้
สำหรับกระแสที่จะประกาศปิดเรียนเป็นเวลา 1 ปี ทั่วประเทศนั้น ส่วนตัวมองว่า มีทั้งผลดีและผลเสีย ซึ่งผลดีคือ ความปลอดภัยของครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนเอง โดยเฉพาะบุรีรัมย์ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สีแดงที่มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตัวเด็กก็จะขาดความรู้และมีผลต่อพัฒนาการตามวัยด้วย
แต่หากให้เรียนออนไลน์ถึงแม้จะเพิ่มภาระกับผู้ปกครองที่ต้องซื้ออุปกรณ์ เช่น มือถือ โน๊ตบุ๊ก และค่าอินเตอร์เน็ต สำหรับให้ลูกเรียนแต่ก็ทำให้เด็กได้พูดคุยสื่อสารกับครู และเพื่อนๆ บ้าง ดีกว่าให้เด็กมีเวลาว่างมากจนเกินไป แต่หากเรียนออนไลน์ก็อยากฝากให้รัฐบาลช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเทอม ค่าอินเตอร์เน็ต หรืออุปกรณ์ต่างๆ ให้กับผู้ปกครองบ้าง โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนที่มีค่าเทอมค่อนข้างสูง
ไม่ต่างจากนายชาญชัย เพชรศรี พ่อค้าร้านขายของชำ ซึ่งมีลูก 2 คน เรียนอยู่ชั้น ป.3 และอนุบาล ก็ต้องลงทุนซื้อมือถือส่วนตัวให้ลูก เพื่อใช้เรียนออนไลน์ เครื่องละ 4 พันกว่าบาท และค่าแพ็กเก็ตอินเตอร์เน็ตอีก เดือนละ 200 บาท ทำให้ผู้ปกครองมีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังกระทบต่อการประกอบอาชีพ เพราะช่วงที่ขายของก็ต้องคอยดูและสอนลูกเรียนออนไลน์ไปด้วย เพราะการเรียนผ่านระบบออนไลน์เด็กเข้าใจยากกว่าที่ครูเขียนหรืออธิบายบนกระดาน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเพิ่มภาระหรือได้ความรู้ไม่เต็มที่เหมือนกับการไปเรียนที่โรงเรียน แต่ส่วนตัวก็มองว่าด้วยวิกฤติแบบนี้ก็คงไม่มีทางเลือกอื่น แต่หากให้หยุดเรียน 1 ปีไปเลย จะเป็นผลเสียมากกว่าการเรียนออนไลน์ เพราะอย่างน้อยเด็กก็ได้พูดคุยสื่อสาร หรืออ่านเขียน ทบทวนความรู้บ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี