"สำหรับวันนี้ เรามาคุยกันเรื่องวันลอยกระทง ตามประเพณีนิยม ที่มีมาแต่สมัยสุโขทัย การลอยกระทงนี้ เป็นการบูชารอยพระพุทธบาทขององค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ที่ทรงแสดงรอยพระบาทให้ปรากฏ คือทรงอธิษฐานไว้ที่ แม่น้ำ "อโนมานที" ตามพระบาลีกล่าวไว้อย่างนั้น แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แม่น้ำ ถ้าในแม่น้ำพญานาคมายาก แต่ความจริงมันเป็น ปากน้ำอโนมานที เป็นจุดหนึ่งของทะเล หรืออยู่ในห้วงของทะเล ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงแสดงรอยพระบาทไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นไปตามอัธยาศัยของพญานาคและสัตว์น้ำทั้งหลาย
แต่การลอยกระทงนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าเราจะปรารภแต่รอยพระพุทธบาทอย่างเดียว ก็เห็นว่าไม่สมเหตุผล ความจริงแล้วขอให้บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย นั่นก็คือ บูชาพระพุทธเจ้า บูชาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวร แล้วก็บูชาพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย อย่างนี้เราจะมีบุญใหญ่ ได้รัตนะ ถึง ๓ ประการ หรือว่า อนุสสติทั้ง ๓ ประการ
การลอยกระทงนี้ตามโบราณเค้าถือว่าเป็นการขอขมาโทษต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยเด็กๆ ท่านผู้ใหญ่เคยบอกว่า เราเคยถ่ายอุจจาระก็ดี ปัสสาวะก็ดี ลงในแม่น้ำ ถือว่าเป็นการไม่เคารพต่อรอยพระพุทธบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ความจริงเรื่องนี้เห็นว่าจะไม่สมเหตุสมผล เพราะว่าองค์สมเด็จพระทศพลไม่ได้ทรงคิดอย่างนั้น
แต่ว่าโบราณท่านตั้งใจทำก็เป็นความดี เพราะการขอขมากับองค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ใจเราใสบริสุทธิ์ หมดจากการปรามาสในองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ แสดงความเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
สำหรับรอยพระพุทธบาทนี่ตามที่บอกว่าอยู่ที่แม่น้ำอโนมานทีนี่น่ะ ความจริงอยู่ใกล้ลังกา ไม่ใช่ใกล้อินเดีย มันอยู่ในเขตของลังกา แต่ว่าจริง ๆ แล้ว แม่น้ำอโนมานที เดี๋ยวนี้เราคงหากันไม่ได้ และก็จุดที่มีรอยพระพุทธบาทนั้น ก็ปรากฎอยู่ในทะเล
นอกจากจะมีที่ "แม่น้ำอโนมานที" แล้ว ตามที่ปรากฏ องค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงแสดงไว้บนบก ในเขตของลังกาทวีป หรือประเทศลังกาก็มี รอยพระพุทธบาท ของจริง ในเมืองไทยก็มี
ต่อมาพรรษาที่ ๗ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสด็จมาโปรด "ฉัพพรรณฤาษี ปรันตปะเศรษฐี" ที่เมืองปรันตปะนคร เมืองปรันตปะนครในสมัยนั้นอยู่ชายทะเล เมื่อเวลาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเทศน์โปรด ท่านปรันตปะเศรษฐีก็บรรลุอรหัตผลพร้อมไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ
เมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเสด็จกลับ ท่านปรันตปะเศรษฐี หรือพระอรหันต์องค์นั้น ก็ขอให้แสดงนิมิตเครื่องหมายไว้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาก็ทรงแสดงรอยพระบาทไว้
เป็นอันว่า ตอนสมัยกรุงศรีอยุธยา เวลานั้นพระในประเทศเรายังมีพระอรหันต์อยู่มาก ถ้าถามว่ายังมีพระอรหันต์ ทำไมประเทศไทยจึงแตกสลาย นั่นเป็นเรื่องของคนไม่ใช่เรื่องของพระ เป็นกฎของกรรม
ที่มีพระสงฆ์คณะหนึ่งไปประเทศลังกา พระลังกาก็ถามว่า "ท่านมาธุระอะไร" บรรดาพระสงฆ์เหล่านั้นก็กราบ เรียนว่า "ต้องการจะมาบูชารอยพระพุทธบาทขององค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ"
บังเอิญพระองค์ที่ไปถามนั่นเป็นพระอรหันต์ ท่านก็บอกว่า "จะต้องมาที่นี่ทำไม ประเทศไทยมันก็มีอยู่ องค์สมเด็จพระบรมครูเคยแสดงรอยพระพุทธบาท ให้ปรันตปะเศรษฐีที่เมืองปรันตปะนคร ให้ฉัพพรรณฤาษีนมัสการ"
พระพวกนั้นจึงถามว่า "เมืองปรันตปะนครมันอยู่ที่ไหน.?" บรรดาพระอรหันต์พวกนั้นก็บอกว่า "เมืองปรันตปะนคร เวลานี้ประเทศไทยเรียกกันว่า เมืองสระบุรี" เป็นอันว่าพระพวกนั้นกลับมาก็กราบทูลพระเจ้าทรงธรรมทราบ จึงได้แสวงหารอยพระบาท เป็นอันว่าเจอพอดี
นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การไหว้รอยพระบาทขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ต้องไปต่างประเทศก็ได้ เพราะเมืองเราก็มี แต่ว่าการไหว้รอยพระพุทธบาทก็ดี ไหว้พระพุทธรูปก็ดี น้อมใจไหว้องค์สมเด็จพระชินศรีก็ดี ถ้าเราทำไปด้วยเจตนา ตั้งใจก็เป็นกุศล บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ก็ย่อมมีผลเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน แม้แต่ทำได้วันละไม่มาก องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า " การนึกถึงความดีของพระองค์วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง ท่านถือว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน"
*ฉะนั้นในการลอยกระทงนี้ ก็ขอบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกท่าน จงอย่าตั้งใจบูชาแต่รอยพระพุทธบาทในแม่น้ำอโนมานที หรือว่า ปากน้ำอโนมานที ให้ตั้งใจนมัสการองค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย
ตั้งใจไหว้พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย ตั้งใจนมัสการพระอริยสงฆ์ทั้งหลายด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่านกล่าวว่าเป็นการขอขมา เราก็ขอขมาโทษเสีย เป็นการป้องกันตัว ทั้งนี้ ก็เพราะว่า เราทราบไม่ได้ว่า จิตที่เราคิดก็ดี การกระทำก็ดี วาจาก็ดี ที่กล่าวไปแล้ว มีการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่
ก่อนที่เราจะลอยกระทงก็จงตั้งใจบูชาพระรัตนตรัยก่อน และหลังจากนั้นก็ขอขมาโทษต่อองค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาที่เราได้เคยปรามาสในพระรัตนตรัย ถ้าเราไม่เคยปรามาส โทษอันใดของเราก็ไม่มี ทำจิตของเราให้ผ่องใส และที่เคยปรามาสแล้ว ถ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงสงเคราะห์ยกโทษให้เราก็หมดไป กำลังใจของเราก็พึงมีแต่กุศล
เอาล่ะ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนโดยถ้วนหน้า ถ้าจะถามว่าลอยกระทงมีอานิสงส์อย่างไร ก็ขอกล่าวว่า อานิสงส์การลอยกระทง ถ้ากำลังใจของท่านทำด้วยกำลังใจเป็นกุศล ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนยังอ่อนที่จะต้องเร่ร่อนไปในวัฏสงสาร อย่างน้อยที่สุดทุกท่านก็เกิดเป็นเทวดา เพราะอำนาจของพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ
ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทมีความมั่นคง จิตตั้งตรงเป็นฌาน ท่านก็เกิดเป็นพรหม ถ้าบุคคลใดไม่นิยมในร่างกายของตน เห็นว่าองค์สมเด็จพระทศพลทรงเป็นอัจฉริยมนุษย์ มีความดีประเสริฐสุดยิ่งกว่ามนุษย์ เทวดา และพรหม ขันธ์ ๕ ขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ายังพัง เราก็คิดว่า เวลานี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงไม่สนใจในขันธ์ ๕ ฉันใด เราก็ไม่สนใจในขันธ์ ๕ ฉันนั้น
เวลานี้ องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน เราก็ขอไปที่นั่น และก็จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์..."
คัดลอกจากหนังสือ *ธัมมวิโมกข์* ฉบับที่ ๓๘๐ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี คัดลอกบางตอนโดย ยุพยง พัฒนเจริญ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี