"...ท่านสาธุชนที่มีเวลาน้อย เพราะต้องประกอบอาชีพ หาเวลาไปนั่งกรรมฐานก็ทำได้ยาก เพราะเวลาว่างมีน้อย ก็ให้ทำตามนี้จะมีผลสมบูรณ์แน่นอน และไม่เสียเวลาประกอบการงาน ตายแล้วรับรองไม่ลงนรกแน่
๑."เจริญพุทธานุสสติแบบง่ายๆ" ให้จัดของบูชาพระพุทธรูปทุกวัน ที่ท่านเรียกว่า "ถวายข้าวพระพุทธรูป" ของที่ถวายก็เอาอาหารเท่าที่มีอยู่ หรือผลไม้ที่หาได้ง่าย เวลาเช้าหรือตอนสายก็ได้ นำของที่หาได้ถวายพระพุทธรูปที่บ้าน ทำเป็นประจำวัน เวลาถวายคิดในใจหรือว่าออกเสียงก็ได้ ดังนี้ "ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายข้าวแกง และน้ำแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการบูชาพระคุณ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าสู่ พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด"
เวลาถวายให้ตั้งใจดูภาพพระพุทธรูปด้วยความเคารพ และจดจำรูปของท่านไว้ตั้งใจทำอย่างนี้ทุกวัน อารมณ์ใจจะมีความคิดถึงและห่วงใยในพระพุทธรูป จะคิดเสมอว่าวันนี้เรามีของอย่างนี้ถวายท่าน
วันพรุ่งนี้เราจะหาอะไรถวายท่าน การทำและคิดอย่างนี้เป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องคิดทุกวัน เมื่อจิตมีอารมณ์ว่างจากงานอื่นจิตจะคิดขึ้นมาเอง และเราก็ห่วงการถวายของแก่ท่านทุกวัน ทำอย่างนี้จนมีอารมณ์ชิน ถึงเวลาต้องหาของเท่าที่จะพึงหาได้ถวายท่าน อารมณ์ใจอย่างนี้ท่านเรียกว่า "มีฌานในพุทธานุสสติกรรมฐาน" เป็นมหากุศลใหญ่ ตายเมื่อไรไปสวรรค์เมื่อนั้น
๒."เจริญธัมมานุสสติแบบง่ายๆ" ตั้งใจบูชาพระและสวดมนต์เป็นประจำเวลา จะวันละหนึ่งหรือสองครั้งหรือกี่ครั้งก็ได้ "กำหนดเวลาไว้" ถ้าถึงเวลานั้นต้องบูชาพระและสวดมนต์ การสวดมนต์ก็ไม่ต้องสวดมาก ขอให้สวดตามที่จะพึงทำได้ เช่น "อิติปิโสฯ" เป็นต้น เท่านี้ก็มีบุญเหลือหลายแล้ว เพราะบท "อิติปิโสฯ" พรรณนาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ครบถ้วน หรือถ้าสวดมนต์ไม่ได้เลย ก็บูชาแบบสั้นๆ แต่มีผลครบถ้วน เช่น ตั้ง "นโมฯ" ๓ จบ แล้วว่า "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ" แปลเป็นภาษา ไทยว่า "ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง ขอถึงพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง" เพียงเท่านี้ก็ดี มีอานิสงส์มากมาย
เวลาบูชา ตั้งใจจำภาพพระพุทธรูป แล้วตั้งใจว่าตามที่กล่าวมาแล้ว ทำให้ชินจะทำเวลาไหนก็ได้ ถ้าเหนื่อยหรืออ่อนเพลียมาก นั่งบูชาไม่ไหว นอนยกมือไหว้แล้วตั้งใจคิดตามที่กล่าวมาแล้ว
ถ้าอยู่ในระหว่างการเดินทาง เมื่อถึงเวลาบูชาพระก็คิดในใจตามที่ปฏิบัติมา ถ้าทำอย่างนี้เป็นอารมณ์ชิน ถึงเวลาถ้าไม่ได้ทำไม่สบายใจ หรือถ้ามีเทปบันทึกเสียงธรรม เวลานอนฟังเสียงธรรมที่ชอบใจ หรือบันทึกเสียงพระสวดมนต์ไว้ ตั้งใจฟังก่อนหลับเป็นปกติ อารมณ์ใจขนาดนี้ท่านว่า "มีฌานในธัมมานุสสติกรรมฐาน" บุญใหญ่มาก ตายแล้วลงนรกไม่ได้ เกิดใหม่เป็นคนฉลาดเพราะมีปัญญามาก
๓."เจริญสังฆานุสสติแบบง่ายๆ" "หลวงพ่อปาน" วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุทธยา ท่านสอนไว้แล้ว พร้อมกับ "จาคานุสสติกรรมฐาน" และ "ทานบารมี" ท่านให้ทำดังนี้ เมื่อถึงเวลากลางคืนท่านให้สวด "คาถาวิระทะโยฯ" ๑ จบ พร้อมกับเอาข้าวสาร หรือข้าวเปลือก ๑ จอก หรือถ้วยเล็กๆ ก็ได้ ใส่อะไรก็ได้เพื่อเก็บไว้ถวายพระเมื่อรวบรวมได้มากพอควร
"คาถาวิระทะโยฯ นี้เป็นคาถามหาลาภ ทำให้หากินคล่อง กำจัดความยากจน เข็ญใจ" ถ้าทำจนชินกำลังใจทรงตัวที่เรียกว่าเป็น "สมาธิ" จะมีความเป็นอยู่ดีมาก หรือตอนเช้าถ้ามีเวลาพอ มีพระมาบิณฑบาตให้ใส่บาตรพระตามกำลังที่จะใส่ได้เป็นประจำ ก่อนใส่บาตรให้ว่าคาถาวิระทะโยฯ ๑ จบ ที่ท่านให้ทำอย่างนี้ ท่านบอกว่า เพื่อให้มีการหาเลี้ยงชีพคล่องตัว ไม่ยากจนเข็ญใจ แต่เนื้อแท้แล้วผลมีตามนั้นแน่
ผลการแนะนำของท่าน นอกจากจะมีผลในการคล่องตัวในการครองชีพแล้ว ก็เป็น "สังฆานุสสติกรรมฐาน" โดยตรงเพราะจิตคิดถึงพระสงฆ์เป็นปกติ และคิดถึงการถวายของพระ เป็น "จาคานุสสติกรรมฐาน" จะใช้ข้าวหรือไม่มีข้าวใช้เงินแทนก็ได้ จะใส่ด้วยเงินมากน้อยสุดแล้วแต่จะพึงมี ถ้าบังเอิญวันไหนไม่มีเงิน จะใช้เป็นผลไม้หรืออะไรแทนก็ได้ ที่บริโภคได้หรือใช้ประโยชน์ได้ เพื่อเอาไว้ถวายพระแทนเงินหรือข้าว
เมื่อจัดไว้เพื่อถวายแล้วตอนนี้เป็น "ทานบารมี" ทานบารมีเป็นปัจจัยให้มีลาภมาก หากบางท่านที่มีฐานะไม่สะดวกในการจัดหาข้าวหรือเงินใส่บาตรประจำวันให้ปลูกพริก มะเขือ หรือฟักแฟง แตง น้ำเต้า หรืออะไรที่กินได้ สักต้นหรือสองต้น คิดในใจและตั้งใจแน่วแน่ว่า ถ้ามีผลขึ้นมาเมื่อไร ผลจากการปลูกนี้เราจะเอาไปถวายพระเพื่อทำเป็นอาหาร เราจะไม่บริโภคเอง ทุกวันที่เรารดน้ำพรวนดิน หรือเห็นพืชต้นนั้น เราก็คิดว่าต้นนี้ผลเราจะถวายพระ ความรู้สึกประจำวันอย่างนี้ท่านเรียกว่า "สังฆานุสสติกรรมฐาน" ถ้าคิดทุกวันเมื่อถึงเวลาจะทำ หรือคิดเตรียมจะทำเป็นประจำทุกวัน ท่านถือว่าเป็นฌานในสังฆานุสสติกรรมฐาน
คำว่า "อนุสสติ" ไม่ได้แปลว่า นั่งสมาธิท่านแปลว่า "ตามนึกถึง" จะนึกถึงด้วยจริยาอย่างไรก็ตาม ก็ถือว่านึกถึงเหมือนกันถ้านึกถึงเป็นประจำเมื่อถึงเวลา ก็ถือว่า เป็น "ฌาน" ถ้าทรงกำลังนึกถึงพระไตรสรณคมน์อย่างนี้เป็นประจำ จะหนีนรกได้ในชาตินี้แน่นอน
แต่ไม่รับรองว่าจะหนีได้ทุกชาติตลอดไป เพราะกำลังใจที่ทรงความดีเพื่อหนีนรกตลอดกาลท่านยังทำไม่ครบ ถ้าจะหนีนรกให้ครบทุกชาติ จะเกิดอีกกี่ชาติก็ไม่ยอมลงนรก บาปเก่าที่ทำมาแล้วก็ไม่มีอำนาจที่จะดึงลงนรกได้อีก ต้องเพิ่มศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ให้ครบถ้วนในอารมณ์ใจ และปฏิบัติได้ครบสมบูรณ์..."
คัดลอกจากหนังสือพ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๒๓๖-๒๓๙ (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี