เนื่องในโอกาส 1 ธันวาคม “วันดำรงราชานุภาพ” องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทีมข่าว “แนวหน้า ออนไลน์” ขอน้อมนำพระนิพนธ์ของท่านเพื่อเชิดชูเกียรติประวัติของ“สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ซึ่งเป็นองค์ต้นราชสกุลดิศกุล และ เป็นผู้ลิขิตอักษรหนังสือประวัติศาสตร์จำนวนมาก นับเป็นการชำระตำราประวัติศาสตร์ไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่5)ให้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยใน พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ซึ่งมี “พระนิพนธ์อธิบายเรื่องโดยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” เขียนว่า “สุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทย ถือได้ว่า พระองค์ (พระเจ้าศรีอินทราทิตย์)
เป็นผู้สถาปนาโครงสร้างประวัติศาสตร์ไทยที่มีลักษณะเป็นเอกภาพ ต่อเนื่องและยาวนาน” นอกจากนี้ยังมีพระวินิจฉัยว่า “สุโขทัย” เป็นราชธานีของไทย
ทีมข่าว “แนวหน้า ออนไลน์” ออกเดินทางไปยังจังหวัดสุโขทัย เพื่อตามรอยเทศกาล “ลอยกระทง” ที่จังหวัดสุโขทัยซึ่งเป็นต้นฉบับเทศกาลลอยกระทง โดยในประวัติศาสตร์เรียกว่า “ลอยพระประทีป” หรือ “ลอยโคม” โดยมีนางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงได้ดัดแปลงการลอยโคมมาเป็นการลอย “กระทงดอกบัว” เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที แคว้นทักขิณา ประเทศอินเดีย
การสานต่องานลอยกระทงที่ จ.สุโขทัย จึงมีให้เห็นอยู่ทุกพื้นที่ โดยที่วัดวังทอง (ธัมฺมธโร) ต.กกแรต อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เป็นหนึ่งในวัดสาขาของวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ก็ได้มีการจัดงานลอยกระทงขึ้น โดยมีพุทธศาสนิกชนร่วมกันสืบสานงานเทศกาลลอยกระทงในแบบฉบับของสุโขทัย ซึ่งในพื้นที่ ต.กกแรต นั้น “วัดวังทองฯ” นับเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาแห่งที่ 5 ในพื้นที่กกแรต รองจากวัดกกแรต, วัดปรักรัก และ วัดสิงห์ทอง รวมทั้งศาลพระแม่ย่า ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของคนในพื้นที่
งานลอยกระทงตามความเชื่อของชาวเหนือและพม่านั้น เชื่อว่าลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุตต์ หรือ พระบัวเข็ม ซึ่งเป็นพระอรหันต์เถระสมัยหลังพุทธกาล มีบทบาทเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในแถบไทยและพม่า โดยประวัติพระอุปคุตต์นั้นเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา โปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป โดยพุทธวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ “อโศการาม” อยู่ในแคว้นมคธ มีพระสถูปเจดีย์ 84,000 องค์ และ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงนำพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุในพระสถูปทั้งหมด และ สร้างพระมหาสถูปที่มีความสูงประมาณครึ่งโยชน์ประดับประดาด้วยแก้วต่างๆ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาปาฏลีบุตร โดยพระเจ้าอโศกมหาราชได้จัดให้มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เป็นเวลา 7 เดือน 7 ปี 7 วัน แต่คาดการณ์ว่าพญามารจะเข้ามาทำลายพิธีนี้ ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง จึงได้นิมนต์พระอุปคุตซึ่งจำศีลอยู่กลางสะดือทะเลมาปราบพญามาร เมื่อพญามารสำนึกตัวและได้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว พระอุปคุตก็ลงไปจำศีลอยู่ที่สะดือทะเลเหมือนเดิม
ประวัติศาสตร์ในครั้งพระเจ้าอโศกมหาราช ทำให้ศิษย์ยานุศิษย์ของท่านพ่อลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ เดินทางไปยังวัดวังทองฯ เพื่อลอยกระทรงบูชารอยพระบาทพระพุทธเจ้า และ บูชาพระอุปคุต รำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งเชื่อมโยงกับประวัติการสร้างวัดอโศการามในประเทศไทย โดย “พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์” หรือ ท่านพ่อลี ธมฺมธโร ได้รับแรงบันดาลใจ “ตั้งแต่ครั้งท่านจำพรรษาอยู่ที่ตำบลสารนาถ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย และ ท่านประสงค์จะให้เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงคุณของพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ของอินเดียที่ได้เผยแพร่งานพระพุทธศาสนามายังแถบเอเชีย ด้วยเหตุนี้เมื่อครั้งสร้างวัดอโศการามใหม่ๆ จึงมีพ่อแม่ครูอาจารย์ฯทั่วประเทศมาร่วมสร้าง หนึ่งในนั้นคือ สมเด็จพระญาณวชิโรดม (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
เมื่อลอยกระทงเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางต่อมายัง “วัดศรีชุม” ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มากราบสักการะบูชา “พระอจนะ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยซึ่งเป็นพระประธานของวัดศรีชุม โดยวัดนี้เป็นสถานที่พบศิลาจารึกหลักที่ 2 เรียกว่า ศิลาจารึกวัดศรีชุม บอกเล่าความเป็นมาของราชวงศ์พระร่วง , ราชวงศ์ผาเมือง และ การตั้งเมืองสุโขทัย รวมทั้งพบแผ่นหินแกะที่มาจากเจดีย์วัดมหาธาตุจารึกรูปบุคคลและอาคารในสมัยสุโขทัย นอกจากนี้ยังมีต้นมะม่วงป่าอายุกว่า 200 ปี ให้ชื่นชม สมดั่งคำนิยามที่พบในศิลาจารึกหลักที่ 1สะท้อนให้เห็นการบริหารงานด้านเศรษฐกิจที่มีความเป็นเสรีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตั้งแต่ครั้งสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยทรงมีพระราชวิเทโศบายว่า “...ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้า ทองค้า” รวมทั้งประโยค “...เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว...” ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วยระบบเกษตรกรรมแบบยังชีพ และ ส่งออกเครื่องถ้วยชามสังคโลก...”
ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรสุโขทัย สะท้อนให้เห็นรากความเป็นชาติไทย ซึ่งยาวนานกว่า 700 ปี ผ่านโบราณสถานหลายแห่งที่สะท้อนให้เห็นความเป็นมาของ “ชาติไทย” และ พระพุทธศาสนา ดั่งพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ในหนังสือ “เที่ยวเมืองพระร่วง” เมื่อพุทธศักราช 2451 ที่ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า “สุโขทัยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไทย และ สุโขทัยในเวลานั้นคงจะเป็นเมืองหลวงแห่งคณะไทยฝ่ายเหนือ”
คำว่า “สุโขทัย” ในประวัติศาสตร์เขียนว่า “ศุโขทัย” ต่อมาเขียนเป็น “สุโขทัย” ซึ่งเป็นการผสมคำ 2 คำคือ “สุข และ อุทัย” หมายถึง รุ่งอรุณแห่งความสุข จึงยังโดดเด่นและแจ่มชัดให้อนุชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงประวัติศาสตร์ “ชาติไทย” ผ่านจังหวัดสุโขทัย
(หมายเหตุ : วัดวังทองธัมมธโร จ.สุโขทัย สาขาวัดอโศการาม ซึ่งเป็นวัดร้างกว่า 700 ปี ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมบุญร่วมใจสร้าง “ศาลาท่านพ่อลี ธมฺมธโร” (ลูกศิษย์ร่วมใจสร้างถวาย) ซึ่งศาลาแห่งนี้จะเป็นศาลาการเปรียญ เพื่อประโยชน์สำหรับพุทธบริษัท 4 ใช้เป็นสถานที่ทำวัตร สวดมนต์ เจริญจิตภาวนาและศาสนกิจต่างๆ โดยร่วมบุญได้ด้วยการโอนปัจจัยผ่านบัญชี ธ.กสิกรไทย สาขาบางเมฆขาว, บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 070-8-54459-0, ชื่อบัญชี พระมหาสามเรือน โดดสู้ และ นส.แก้วตา เตชะประเสริฐ และ นส.นงลักษณ์ นิลขำ สอบถามเพิ่มเติมและรับของที่ระลึกพร้อมใบอนุโมทนาได้ที่ 081-148-9285 LINE ID @014ynqoi ชื่อ ลูกศิษย์ท่านพ่อลี
รวมทั้งติดตามรับฟังข่าวสารและธรรมเทศนาของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯได้ที่เพจ : ลูกศิษย์ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม https://web.facebook.com/watasokaram.org โดยทุกวันอาทิตย์ จะมีพ่อแม่ครูอาจารย์ฯทั่วประเทศเมตตามาบรรยายธรรมเทศนาที่วัดอโศการาม) - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี