นักปฏิบัติควรสังวรระวังอย่าไปเผลอทำ 'อนันตริยกรรม' : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

นักปฏิบัติควรสังวรระวังอย่าไปเผลอทำ 'อนันตริยกรรม' : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

วันจันทร์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565, 19.30 น.

ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ท่านจะกรรมอะไรที่ท่านอดทนไม่ได้ ทำไปเถอะขออย่างเดียว อย่าไปเผลอทำ "อนันตริยกรรม" ก็แล้วกัน "อนันตริยกรรม" นั้น ถ้าทำลงไปแล้วเสื่อมจากมรรคผล นิพพาน ตั้งอยู่ในฐาน "ปาราชิก"คือ ผู้พ่ายแพ้ในพระพุทธศาสนา อย่าทำมันบาปหนัก
๑. ฆ่าบิดา
๒. ฆ่ามารดา
๓. ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตขึ้น
๔. ฆ่าพระอรหันต์
๕. ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน

ระวังนะ เวลาพระวัดใดวัดหนึ่ง ขัดผลประโยชน์กันแตกสามัคคีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันญาติโยมอย่าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดี๋ยวจะกลายเป็น "อนันตริยกรรม" ไม่รู้ตัว เช่นอย่าง หลวงพ่อวัดใต้ หลวงพ่อวัดเหนือ ต่างก็มีหน้าที่กันเยอะแยะขัดผลประโยชน์กันแล้วก็ไปทะเลาะถีบเถียงกัน ต่างคนก็ต่างมีลูกศิษย์ ทั้งพระทั้งโยมแตกกันเป็นพรรคเป็นพวก ยกพวกขึ้นมารบกันถ้าพระสงฆ์แตกสามัคคีกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ฝ่ายละ ๔ รูปขึ้นไป นั่นเป็น "สังฆเภท"


ในเมื่อ "สังฆเภท" แล้วก็เป็น "อนันตริยกรรม" ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน บาปนัก บาปหนาเพราะฉะนั้นการกระทำกรรม ให้ระวัง "อนันตริยกรรม" ให้มากๆ 

และอีกอย่างหนึ่งถ้าท่านจะเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริงท่านอย่าไปถือพวก ถือพรรค ถือคณะว่าหมู่เขา หมู่เรา อาจารย์เขา อาจารย์เราขอให้ยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งถือพระศาสดาคือพระพุทธเจ้าองค์เดียวเป็นครูพระสาวกที่เผยแผ่ศาสนาอยู่ในปัจจุบันนี้ถอดแบบจากพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าทั้งนั้น

เพราะฉะนั้นการที่ถือพรรค ถือพวก ถือลัทธิแห่งการปฏิบัตินั้นย่อมยังส่อแสดงว่าเป็นผู้ยังมีกิเลส ยังมีอุปาทานในการยึดมั่นถือมั่นถ้าตราบใดที่เรายังยึดถือมั่นในพรรค ในพวก ในเรา ในเขาของเรา ของเขาอยู่ เราก็ยังไม่หมดอุปาทาน

บางทีคณะนี้..โจมตีคณะโน้น คณะโน้น..โจมตีคณะนี้ในทำนองนี้ ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์กันจริงๆ นั้นขอได้โปรดทำจิตให้เป็นกลาง ให้ปล่อยวางลงไปว่าผู้ประพฤติผิด เข้าใจผิด เป็นบุคคลผู้ที่น่าสงสารผู้ปฏิบัติถูก ทำถูกต้องและได้ผลดี เป็นบุคคลผู้ที่น่าอนุโมทนา

ผู้ที่ทำผิด ไม่ใช่ผู้ที่นักปฏิบัติธรรมจะต้องไปกล่าวจ้วงจาบด้วยคำพูดหยาบคายแม้ว่าเขาจะทำผิด ก็เป็นเรื่องของเขาแต่เราไปกล่าวจ้วงจาบ ด้วยวาจาที่หยาบคายเป็นการสร้างบาปกรรมขึ้นใส่ตัวเอง อย่าไปสำคัญว่าคนทำผิด ด่าไม่เป็นไร ไม่บาป คนทำผิด เราด่า ก็บาป คนทำผิด เราตำหนิ ก็บาป

แต่ถ้าเราติเพื่อก่อนั้นได้บุญแต่ตำหนิเพื่อจะให้เสียหาย เสียชื่อเสียเสียงนั้นบาปมันบาปอยู่ที่ตรงไหน เพราะเรากล่าวคำหยาบผรุสวาจาย เวรมณี..มันเป็นอกุศลกรรมบถ เป็นวจีทุจริตในเมื่อวจีของเรายังหยาบ ยังทุจริตอยู่ มันก็ผิดศีลข้อมุสาวาทเพราะคำหยาบเป็นฉายาแห่งมุสาวาทเพราะฉะนั้นนักปฏิบัติพึงสังวร ระวังเรื่องนี้ไว้ให้ดีพยายามทำความรู้แจ้งเห็นจริงให้มันปรากฏขึ้นภายในจิตของตัวเอง

ถ้าเรายังสำคัญว่าเรานี่ดีกว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่นนั่นแสดงว่าเรายังโง่กว่าเขาถ้าเรามีความสำคัญว่า เราเนี่ยโง่กว่าเขา ไม่เก่งเท่าเขาเราก็ยังโง่อยู่อีกนั่นแหล่ะแต่ถ้าเราสำคัญว่าเรามีความรู้สึกเป็นกลางๆ มีความเป็นธรรมอย่างแท้จริง นั่น..เราเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้าง เพราะฉะนั้นขอให้สังวร ระวังในเรื่องการกล่าวตำหนิ ติเตียน ซึ่งกันและกันหรือการถือพรรค ถือพวก ถือหมู่ ถือคณะ

พระพุทธเจ้าสอนว่า..สัพเพ ธัมมา อนัตตาธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนแต่เรายังจะมาถืออหังการ มมังการมีตัว มีตน มีเรา มีเขา มีพรรค มีพวก มันก็ผิดต่อหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า - 003

................................................

ถอดความจากเทปพระธรรมเทศนา พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขอบคุณลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=49525

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top