เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน“Happy Workplace Forum 2022 :The Future of workplace well-being”ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ การเปิดเผยผลการศึกษา “คุณภาพชีวิต ความสุข ความผูกพันองค์กรของคนทำงาน (ในองค์กร) ระดับประเทศ พ.ศ.2564” อันเป็นโครงการที่ สสส. ทำงานร่วมกับ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมี 2 นักวิชาการจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล บุรเทพ โชคธนานุกูล กับ สุภรต์ จรัสสิทธิ์ร่วมบรรยาย
บุรเทพ เล่าว่า โครงการนี้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอดเกือบ 10 ปี โดยการสำรวจในปี 2564 เป็นอีกปีที่คณะทำงานต้องเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งมีการสำรวจตั้งแต่เดือนต.ค. 2564-ก.พ. 2565 มีกลุ่มตัวอย่างร่วมโครงการจำนวน 365 องค์กร จาก 17 ภาคส่วน (Sector) มีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่สมบูรณ์สามารถนำกลับมาวิเคราะห์ผลได้ 20,980 คน เพียงพอต่อการแพนจำนวนคนทำงานในองค์กร 7.08 ล้านคน
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2563 พบว่า ในปีดังกล่าวมีกลุ่มตัวอย่างร่วมโครงการจำนวน 436 องค์กร มีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่สมบูรณ์สามารถนำกลับมาวิเคราะห์ผลได้ 25,955 คน เพียงพอต่อการแพนจำนวนคนทำงานในองค์กร 7.1 ล้านคน กล่าวโดยสรุป คือ กลุ่มตัวอย่างในปี 2564 ลดลงจากปี 2563 ซึ่งคาดว่าปัจจัยสำคัญคือสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ต่อเนื่องยาวนานข้ามปีทำให้หลายกิจการต้องปิดตัวลง หรือไม่สะดวกในการสำรวจข้อมูล
ข้อค้นพบที่น่าสนใจ 1.จิตวิญญาณยังเข้มแข็ง แต่การเงินนั้นตรงข้าม คะแนนความสุขภาพรวมในปี 2564 อยู่ที่ 61.3 คะแนนเมื่อแบ่งรายด้าน พบว่า อันดับ 1 จิตวิญญาณดี68.5 คะแนน อันดับ 2 น้ำใจดี 66.3 คะแนนอันดับ 3 การงานดี 65.5 คะแนน อันดับ 4 ใฝ่รู้ดี 64.3 คะแนน อันดับ 5 ครอบครัวดี 62 คะแนน อันดับ 6 สุขภาพกายดี 59.3 คะแนน อันดับ 7 สังคมดี 58.7 คะแนน อันดับ 8 ผ่อนคลายดี 54.7 คะแนน และอันดับ 9 สุขภาพการเงินดี 52.8 คะแนน
ประเด็นนี้มีการอธิบายเพิ่มเติมว่า จิตวิญญาณ หมายถึงการปฏิบัติตนตามหลักศาสนา การรู้สึกขอบคุณผู้ที่ทำดีและให้อภัยกับผู้ที่ทำไม่ดีกับตัวเรา รวมถึงการขอโทษในสิ่งที่ตนเองทำผิดพลาด อันเป็นสิ่งที่สังคมไทยสะท้อนออกมา ในขณะที่ สุขภาพการเงิน เหตุที่ได้คะแนนน้อยที่สุดก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคนทำงาน
2.สุขภาพกายเป็นเรื่องเดียวที่คะแนนปี 2564 ไม่เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนความสุขทั้งค่าเฉลี่ยภาพรวมและแยกเป็นรายด้าน ระหว่างปี 2563 กับ 2564 พบว่า คะแนนทุกด้านปรับเพิ่มสูงขึ้นทั้งหมด แม้กระทั่งด้านสุขภาพการเงิน ที่ทั้ง2 ปีได้คะแนนรั้งท้ายเหมือนกัน แต่ในปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 52.8 คะแนนก็ยังมากกว่าปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 51.1 คะแนน แต่สุขภาพกายนั้นกลับคงที่อยู่ ณ 59.3 คะแนน ติดต่อกัน 2 ปี
“ภาพรวมปรับเพิ่มขึ้นเกือบทุกมิติ ยกเว้น Happy Body (สุขภาพกายดี) มิติเดียว ถามว่าทำไมถึงไม่ปรับเพิ่ม? ส่วนหนึ่งเราอาจจะประเมินได้ว่าสถานการณ์โควิดยังคงอยู่กับเรา หลายท่านไม่สามารถไปใช้ชีวิตทำกิจกรรมออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมทางกายนอกบ้านอย่างเดิมที่เคยเกิดขึ้นก่อนสถานการณ์โควิดได้” บุรเทพ กล่าว
ขณะที่ สุภรต์ กล่าวว่า จากคะแนนความสุขในปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2563 นับว่าน่าแปลกใจไม่น้อยเพราะยังอยู่ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แต่เรื่องนี้อาจเป็นเพราะองค์กรที่เข้าร่วมการสำรวจในปี 2564 เป็นองค์กรที่ยังดำเนินการอยู่ไม่ได้ปิดตัวล้มหายตายจากไปซึ่งหมายถึงคนในองค์กรเหล่านี้ยังคงมีงานทำ และยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้แม้จะมีข้อจำกัดตามสถานการณ์อยู่บ้างก็ตาม
เมื่อจัดอันดับคะแนนความสุขแบ่งตามประเภทกิจการ (อ้างอิงจากการแบ่งประเภทงานกลุ่มแรงงานในระบบ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ) พบว่า อันดับ 1 การศึกษา 67.4 คะแนน อันดับ 2 การเงินและประกันภัย 65.6 คะแนน อันดับ 3 ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร64.3 คะแนน อันดับ 4 สุขภาพและสังคมสงเคราะห์ 64 คะแนน อันดับ 5 ไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำและระบบปรับอากาศ 63.8 คะแนน อันดับ 6 มีร่วมกัน 2 กลุ่ม การบริหารราชการ/การป้องกันประเทศ/ประกันสังคมภาคบังคับ กับ การบริหารและบริการสนับสนุน ได้กลุ่มละ 63.5 คะแนน
อันดับ 7 การขนส่งและคลังสินค้า 61.9 คะแนน อันดับ 8 การจัดหาน้ำ/จัดการน้ำเสียและของเสีย รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง 61.8คะแนน อันดับ 9 การขายส่ง/ขายปลีก/ซ่อมแซมรถยนต์-มอเตอร์ไซค์61.1 คะแนน อันดับ 10 ศิลปะ/บันเทิง/นันทนาการ 60.5 คะแนน อันดับ 11 การก่อสร้าง 60.4 คะแนน อันดับ 12 อสังหาริมทรัพย์ 60.2 คะแนน อันดับ 13 ที่พักแรมและบริการอาหาร 60.1 คะแนน อันดับ 14 บริการด้านอื่นๆ 59.6 คะแนน อันดับ 15 การผลิต 59.5 คะแนน และอันดับ 16 วิชาชีพวิทยาศาสตร์/วิชาการ 58.6
เมื่อยกตัวอย่างบางด้านมาวิเคราะห์ เช่น “การงาน” ที่ได้65.5 คะแนน พบว่า กลุ่มตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูง คือการจ่ายค่าจ้าง(จ่ายตรงเวลาและถูกต้อง) ตามมาด้วยบรรยากาศในการทำงาน (การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน การทำงานเป็นทีม ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและกฎระเบียบองค์กร และความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานที่เหมือนพี่น้อง) ในขณะที่ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำ ที่สำคัญ 3 ลำดับแรกคือ ความชัดเจนในการเติบโตของงานที่ทำ ความเหมาะสมในการพิจารณาเลื่อนขั้น/ปรับค่าจ้าง และการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นกับหัวหน้างาน/นายจ้าง
ส่วน “การเงิน” ที่ได้คะแนนรั้งท้ายจากทั้งหมด 9 ด้าน พบว่าตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด 3 อันดับแรก คือ การมีเงินออม เปรียบเทียบรายได้-รายจ่าย และภาระในการชำระหนี้ สะท้อนความรู้สึกคนทำงาน“ไม่มีเงินออม-ชักหน้าไม่ถึงหลัง” อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดเรื่องความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลายังได้คะแนนค่อนข้างสูง หมายถึงแม้คนทำงานจะเครียดกับภาระหนี้สินแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นผิดนัดในการชำระ แต่ก็แลกมาด้วยเงินออมที่น้อยลง
“ตอนที่ไปทำ R2H (Routine to Happiness : หลักสูตรการบริหารจัดการองค์ความรู้สู่ความสุขในการทำงาน) ให้กับองค์กร สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือภาระหนี้สินของคนทำงานในองค์กร พอภาระหนี้สินมา เกิดความเครียดตามมา ก็ส่งผลกระทบต่อภาคการทำงานด้วย เรื่องของประสิทธิภาพการทำงานลดลงไปด้วย ตรงนี้ก็เป็นปัญหาในหลายองค์กรเหมือนกัน และเราก็พบว่า 43% ได้รับผลกระทบในเรื่องของภาวะการเงิน ในช่วงของวิกฤตโควิด-19” สุภรต์ ระบุ
หมายเหตุ : เหตุที่ใช้คำว่า “แรงงานในระบบ” ในการพาดหัวเพราะโดยทั่วไปแล้ว แรงงานที่ทำงานในองค์กรส่วนใหญ่มักเป็นแรงงานในระบบ หมายถึงได้รับการคุ้มครองตามสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับสถานะการจ้างงาน (สวัสดิการภาครัฐของข้าราชการ, ประกันสังคม มาตรา 33ของลูกจ้างเอกชน) ต่างจากแรงงานนอกระบบที่ไม่ได้รับสวัสดิการใดๆในส่วนนี้ นอกจากสวัสดิการในฐานะพลเมือง (บัตรทอง สปสช.) หรือทำประกันชีวิตส่วนบุคคล!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี