วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
หลักการพิสูจน์ตนของตน : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

หลักการพิสูจน์ตนของตน : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

วันพุธ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565, 19.33 น.
Tag : นั่งสมาธิ พุทโธ ภาวนา วัดป่าสาลวัน หลวงพ่อพุธ
  •  

วันนี้มีความรู้สึกปีติยินดีที่ได้มาพบท่านทั้งหลาย และได้แสดงธรรมสู่ท่านทั้งหลายฟัง ธรรมะที่จะแสดงไม่ใช่ธรรมะของผู้บรรยาย เพราะว่าไม่ใช่ธรรมะของผู้บรรยายแต่ผู้เดียว ธรรมะของท่านทั้งหลายก็มีด้วย

ถ้ามาตั้งปัญหาถามตนเองว่าธรรมะคืออะไร เราจะได้คำตอบว่า "ธรรมะคือกายกับใจ" ทำไมจึงว่าธรรมะคือกายกับใจ ก็เพราะเหตุว่ากายกับใจเป็นสภาวธรรม สภาวธรรมนี้เป็นสิ่งที่เป็นมาโดยธรรมชาติ ธรรมชาติของมนุษย์ บิดามารดาเป็นมนุษย์ ลูกหลานเกิดมาก็เป็นมนุษย์ อันนี้คือธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ สิ่งที่มีกายกับใจอย่างอื่น เช่นสัตว์เดรัจฉานเป็นต้น พ่อแม่เขาเกิดมาเป็นอย่างไร เขาก็เกิดมาเช่นนั้นโดยธรรมชาติ เมื่อเรามีกายกับใจเป็นสมบัติของเรา เราก็มีธรรมะกันทุกคน มีธรรมะเป็นสมบัติของตัวเอง ในเมื่อเรารู้ว่าธรรมะเป็นของเราคือกายกับใจ โดยลำดับต่อไปเราจะปฏิบัติต่อธรรมะของเราอย่างไร


กายกับใจเมื่อเกิดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนแล้วก็มีความเจริญขึ้น โตขึ้น ในเมื่อโตเต็มที่แล้วมันก็เจริญลง ในที่สุดมันก็เจ็บ ตาย นี่คือความเป็นไปของธรรมะของคนเรา ความเจริญอันนี้หลักธรรมะท่านว่ามันอนิจจัง มันไม่เที่ยง คือพอมันเกิดมาแล้วตัวเล็กๆ มันจะอยู่เพียงตัวเล็กๆ แค่นั้นไม่ได้ เพราะกฎธรรมชาติของมันจะต้องเจริญเติบโต พอโตเต็มที่แล้วมันก็โทรมลง คือแก่ลงๆ ร่างกายเคยโตสูงใหญ่มันก็หดเล็กลงๆ ทุกที ในที่สุดเมื่อสิ้นสุดอายุไปแล้ว มันก็เจ็บตาย นี่คือความเป็นจริงของธรรมะของเราคือกายกับใจ ธรรมะนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "สภาวธรรม" สภาวธรรมนี้เป็นเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของสติ ดังนั้น การศึกษาธรรมะนี้ท่านจึงให้เอาใจนี้ค้นคว้าดูสภาวะความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เริ่มต้นตั้งแต่มันเจริญเติบโตขึ้น แล้วก็แก่ลงๆ ตามสภาพความเป็นจริง ในที่สุดก็ต้องสลายตัวคือตาย ความเปลี่ยนแปลงอันนี้ใครจะชอบใจก็ตามไม่ชอบใจก็ตาม

โดยธรรมชาติของมันจะเป็นอย่างนั้น เราทุกข์เพราะความแก่ ความเจ็บ ความตาย เราทุกข์เพราะความแก่เราก็ไม่ชอบ ความเจ็บเราก็ไม่ชอบ ความตายเราก็ไม่ชอบ ลองคิดดูว่า สิ่งที่เราไม่ชอบนั้น เราปรารถนาให้มันอยู่ มันอยู่ได้ไหม ในเมื่อมันอยู่ไม่ได้ ความรู้สึกของเรานี่มันฝืนสภาพความเป็นจริง ทั้งๆ เราก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่ามันไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่เป็นไปตามความต้องการของเรา แต่เราก็อดที่จะฝืนกฎธรรมชาติของมันไม่ได้ เพราะเหตุที่เราจะฝืนกฎธรรมชาติของมันไม่ได้นี่เองจึงเป็นทุกข์ เพราะไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย อันนี้คือความเป็นจริงโดยธรรมชาติ ในฐานะที่เราท่านทั้งหลายตั้งใจศึกษาธรรมะ อยากรู้ความจริงของธรรมะ คือต้องการรู้ความจริงของกายและใจของเรานั่นเอง

หลักพิสูจน์ความเป็นตัวของตัวเราเอง คนเรามีโอกาสที่จะเป็นได้หลายๆ อย่างในตัวคนๆ เดียวนั้นเอง ในความรู้สึกของเรา เรารู้ว่าเราเป็นคนโดยสมบูรณ์ อันนี้เป็นความจริง เพราะรูปร่างหน้าตาของเราก็เหมือนกับคนอื่นๆ เขา แต่ในตัวคนๆ หนึ่งหรือมนุษย์คนหนึ่ง ตั้งแต่เช้าจนถึงปัจจุบันนี้ เราได้คอยเอาใจใส่พิจารณาตัวเองบ้างหรือไม่ว่าเราเป็นอะไรมาแล้วสักกี่อย่าง ดังนั้น ในหลักธรรมะท่านได้วางหลักให้พิสูจน์ตัวเองมีอยู่ ๔ ประการ

๑. มนุสสมนุสโส กายเป็นมนุษย์ จิตใจก็เป็นมนุษย์

๒. มนุสสติรัจฉาโน กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเดรัจฉาน

๓. มนุสสเทโว กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเทวดา

๔. มนุสสเปโต กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเปรต

กายเป็นมนุษย์จิตใจเป็นมนุษย์ โดยปกติแล้วมนุษย์เป็นผู้มีจิตใจสูง มนะแปลว่าใจ อุษย์หรืออุสโส แปลว่า สูง ฉะนั้น มนุษย์จึงแปลว่า ผู้มีจิตใจสูง สูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์นี้เป็นสิ่งสูงสุด เป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ผู้สามารถใช้ความฉลาดนั้นไม่มีอะไรเหนือมนุษย์ มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง มนุษย์สามารถสร้างได้แม้กระทั่งพระพุทธเจ้า พระพรหม เทพ เปรต อสุรกาย ทั้งสัตว์เดรัจฉาน อยู่ในตัวมนุษย์นี้ทั้งนั้น เมื่อพูดถึงตัวของมนุษย์ เรามีกาย มีรูปร่างเป็นมนุษย์ เราทดสอบดูจิตใจของเราเองว่าเราเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์หรือไม่ โดยนิสัยของมนุษย์จะต้องมีความเมตตา มีความปรารถนาดีต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตด้วยกัน นี้เป็นประการหนึ่ง มนุษย์มีความปรารถนาที่จะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากลำบากให้คนอื่นและสัตว์อื่น นี้เป็นคุณสมบัติของมนุษย์เมื่อสรุปแล้วมนุษย์ผู้มีศีล ๕ สมบูรณ์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก ใครก็ตามมีศีลมีธรรม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีความรัก ความปรารถนาดีในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้นั้นร่างกายเป็นมนุษย์ ใจก็เป็นมนุษย์สมบูรณ์ ตามหลักพระศาสนาท่านว่า ศีล ๕ คือ มนุษยธรรม คือธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นมนุษย์ - 003

....................

พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขอบคุณลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=31332

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'หวย\'เป็นเรื่องของโชค คนที่มีโชคเป็นพื้นฐานต้องเป็นคนทำทานมาก่อน:โอวาทธรรม \'ท่านพ่อลี\' 'หวย'เป็นเรื่องของโชค คนที่มีโชคเป็นพื้นฐานต้องเป็นคนทำทานมาก่อน:โอวาทธรรม 'ท่านพ่อลี'
  • \'ความอ่อนน้อมถ่อมตน\' เป็น \'คาถาศักดิ์สิทธิ์สู่สัมมาทิฐิ\' 'ความอ่อนน้อมถ่อมตน' เป็น 'คาถาศักดิ์สิทธิ์สู่สัมมาทิฐิ'
  • นั่งสมาธิวันละ 5 นาที ได้ทั้งบุญบารมี ได้ทั้งใจสงบเกิดประโยชน์ให้กับชีวิตคุณ นั่งสมาธิวันละ 5 นาที ได้ทั้งบุญบารมี ได้ทั้งใจสงบเกิดประโยชน์ให้กับชีวิตคุณ
  • แก่นแท้ของการทำบุญอยู่ที่\'ใจ\'ไม่ใช่จำนวนเงิน ทำบาทเดียวก็ได้อานิสงส์มหาศาล แก่นแท้ของการทำบุญอยู่ที่'ใจ'ไม่ใช่จำนวนเงิน ทำบาทเดียวก็ได้อานิสงส์มหาศาล
  • \'ถ้าอยากเห็นธรรมประเสริฐ\' จงพยายามตักตวงแต่บัดนี้ด้วยความเข้มข้นทางความเพียร 'ถ้าอยากเห็นธรรมประเสริฐ' จงพยายามตักตวงแต่บัดนี้ด้วยความเข้มข้นทางความเพียร
  • พลังแห่งกุศลผลทานที่เราสร้างไว้นี่แหละตอบสนองเรา ไม่ใช่เทวฤทธิ์บันดลบันดาลมาจากที่ไหน พลังแห่งกุศลผลทานที่เราสร้างไว้นี่แหละตอบสนองเรา ไม่ใช่เทวฤทธิ์บันดลบันดาลมาจากที่ไหน
  •  

Breaking News

'ช่อง 7HD'รวมตัวสายบู๊ 3 สังเวียนดัง 'ONE ลุมพินี 115 - Fairtex Fight มวยมันพันธุ์ EXTREME - มวยไทย 7 สี'

‘ศาลรธน.’สั่งเสนอความเห็นใน 15 วัน ปม‘แส จิ้นเจียง’เจ้าของบ่อนกาสิโน ยื้อส่งตัวไปจีน

'สาวไฟแนนซ์'หายตัวนับเดือน! พบเป็นศพคาซากรถคู่ใจ จมคลองชลประทาน

‘ดร.ดิเรกฤทธิ์’กระตุกฝ่ายค้านรักษามาตรฐานตรวจสอบรัฐบาล หยุดเล่นเกม

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved