วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
ความแตกต่างระหว่าง 'ใจที่มีสมาธิ' กับ 'ใจที่ไม่มีสมาธิ'

ความแตกต่างระหว่าง 'ใจที่มีสมาธิ' กับ 'ใจที่ไม่มีสมาธิ'

วันศุกร์ ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2566, 19.07 น.
Tag : พุทโธ ภาวนา ศีล ทาน พระอาจารย์สุชาติ วัดญาณสังวราราม
  •  

ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินว่าดูจิตกัน แต่เราไม่ค่อยจะได้ยินเรื่องของการดูกาย เพราะเราคิดว่าการดูกายนี้มันสู้ดูจิตไม่ได้ แต่การที่จะดูจิตได้นี้จำเป็นจะต้องมีสมาธิก่อน เพราะว่าจิตนี้ไวมาก ถ้าไม่มีสมาธิทำใจให้นิ่งก่อนจะดูจิตไม่ได้จะตามไม่ทัน พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ดูกายก่อนกายคตาสติก่อน ในสติปัฏฐาน ๔ มีจุดที่ให้ดูอยู่ ๔ จุด จุดแรกก็คือกาย จุดที่สองก็คือเวทนา จุดที่สามก็คือจิต และจุดที่สี่ก็คือธรรม ท่านให้ดูกายก่อนเพราะว่ากายเป็นส่วนหยาบเป็นส่วนช้า ที่เราสามารถติดตามดูการเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกได้อย่างสบาย ส่วนจิตนี้อารมณ์ต่างๆ ความคิดปรุงเเต่งต่างๆ นี้ มันละเอียดและมันไวมาก เราจะไม่มีความสามารถที่จะติดตามและทำให้เกิดประโยชน์ได้ เราจึงต้องดูกายก่อน

เจริญสติที่กายก่อน เฝ้าดูการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ถ้าใจเกาะติดอยู่กับร่างกายเวลานั่งสมาธิใจก็จะไม่ลอยไปลอยมา ให้บริกรรมพุทโธๆ ก็จะบริกรรมแต่พุทโธเพียงอย่างเดียว ไม่เหมือนกับพวกเราที่เวลานั่งสมาธิกัน เวลาบริกรรมพุทโธได้สัก ๒-๓ ครั้ง ก็ไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้ว ถ้าทำอย่างนี้แล้วนั่งไปนานเท่าไรก็ไม่มีวันที่จะสงบได้ จะสงบได้นี้ต้องอยู่กับคำบริกรรมพุทโธๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำได้อย่างต่อเนื่องภายใน ๔-๕ นาทีใจก็เข้าสู่ความสงบได้ รวมเป็นหนึ่งเป็นอุเบกขาได้ สักแต่ว่ารู้ได้ หรือถ้าใช้การดูลมหายใจเข้า-ออกก็จะอยู่กับการดูลมเพียงอย่างเดียว ลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ รู้ตรงจุดเดียวก็รู้ตรงจุดที่ลมหายใจเข้า-ออกบริเวณปลายจมูก หรือบริเวณเหนือริมฝีปากเป็นจุดที่ลมจะสัมผัสกับร่างกายเวลาเข้าไปเวลาออกมา ถ้ามีสติเฝ้าอยู่ ดูอยู่ตรงจุดนั้นอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่เผลอไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่นานใจก็จะรวมเข้าสู่ความสงบได้เช่นเดียวกัน


นี่คือวิธีเจริญสติเพื่อให้เกิดสมาธิ เพื่อให้เกิดอุเบกขา พอเกิดอุเบกขาแล้ว ก็เหมือนกับการได้รับประทานอาหารอิ่มแล้ว พออิ่มแล้วพอออกมาเห็นขมนมเนย ถ้ามีตัณหาความอยากกินเนื่องจากยังมีนิสัยยังไม่ได้ตัดตัณหาความอยาก แต่ความจริงร่างกายไม่อยากจะกิน แต่ใจยังอยากจะกินอยู่ เราก็สามารถใช้ปัญญาสอนใจได้ว่า อย่าไปกิน กินแล้วมันจะเป็นโทษกับร่างกายกับจิตใจ กับร่างกายก็คือทำให้ร่างกายมีน้ำหนักเกิน มีน้ำหนักมากเกินไปทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ เป็นภัยแก่จิตใจก็เพราะว่าจะส่งเสริมความอยาก ส่งเสริมความทุกข์ใจให้มีอายุต่อไปยาวขึ้นไป ถ้าเราต้องการที่จะให้ใจของเราหลุดพ้นจากความทุกข์ เราก็ต้องไม่ทำตามความอยาก ถ้าใจอิ่มแล้วมีอุเบกขาแล้วพอได้รับข้อมูลอย่างนี้ก็จะไม่ทำตามความอยากได้ จะไม่รู้สึกทรมานแต่อย่างใด

แต่สำหรับใจที่ยังไม่มีอุเบกขานี้ ก็เหมือนกับคนที่ยังไม่ได้กินข้าว พอเจอขนมนมเนยขึ้นมาก็อยากจะกินทันที แล้วก็ต่อให้ช้างมาฉุด ต่อให้ใครมาสอนว่าไม่กินก็จะไม่ฟัง เพราะตอนนั้นมันหิวมันก็จะกิน นี่คือความแตกต่างกันระหว่างใจที่มีอุเบกขากับใจที่ไม่มีอุเบกขา ใจที่มีสมาธิกับใจที่ไม่มีสมาธิ เวลามีอุเบกขาแล้วพอใช้สัมมาทิฏฐิ ใช้เหตุผลมาสอนใจไม่ให้ทำตามความอยากใจก็จะเชื่อ แต่ถ้าไม่มีสมาธิไม่มีอุเบกขา ต่อให้เอาพระพุทธเจ้ามาสอนต่อหน้าก็ทำตามไม่ได้ หยุดความอยากไม่ได้


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ที่มา https://www.facebook.com/Suchart.Abhijato

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • การทำสมาธิ ทำให้จิตแก่กล้า มีอานิสงส์มากมาย : พระธรรมเทศนา \'หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี\' การทำสมาธิ ทำให้จิตแก่กล้า มีอานิสงส์มากมาย : พระธรรมเทศนา 'หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี'
  • \'อยากดูหน้าตาของความดี อยากดูหน้าตาของความชั่ว\' ก็จงส่องกระจกดูหน้าของตัวเราเอง 'อยากดูหน้าตาของความดี อยากดูหน้าตาของความชั่ว' ก็จงส่องกระจกดูหน้าของตัวเราเอง
  • \'ให้ทำประโยชน์ของตนเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำประโยชน์อื่น\'โอวาทธรรม\'หลวงปู่ขาว อนาลโย\' 'ให้ทำประโยชน์ของตนเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำประโยชน์อื่น'โอวาทธรรม'หลวงปู่ขาว อนาลโย'
  • \'การนั่งสมาธิ\' พระธรรมเทศนา \'หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก\' 'การนั่งสมาธิ' พระธรรมเทศนา 'หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก'
  • \'ทุกข์ในจิต\' : ถ้าไม่อยากตายก็จะทุกข์ทรมานใจ ถ้ายอมรับความตายก็จะไม่ทุกข์ 'ทุกข์ในจิต' : ถ้าไม่อยากตายก็จะทุกข์ทรมานใจ ถ้ายอมรับความตายก็จะไม่ทุกข์
  • \'ชาติหน้าไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะเป็นเช่นไร\' พระคติธรรม \'สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ\' 'ชาติหน้าไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะเป็นเช่นไร' พระคติธรรม 'สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ'
  •  

Breaking News

'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว

ไอจีไฟลุก! 'เป้ย ปานวาด'อวดหุ่นเซ็กซี่ในชุดชั้นในลูกไม้

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง! ‘นายก-สท.เทศบาลเมืองมุกดาหาร’ ออกหาเสียงกันเข้มข้น

'สพฐ.' แจ้งสถานศึกษาไม่ตื่นตระหนกข่าวลือ 'โควิด' ย้ำไม่ประมาท

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved