จากสถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันนี้จะมีแรงกดอากาศจากจีนเข้ามา ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีอากาศเย็นลง เมื่อมีแรงกดอากาศ อุณหูมิลดลง สิ่งที่ตามมาคือ PM2.5 ในเขต กทม.และปริมณฑล เนื่องจากอากาศไม่เคลื่อนไหวไปไหน โดยในวันที่ 25 - 26 มกราคม สถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ แต่คาดว่าจะมีการสะสมของ PM2.5 มากขึ้นในวันที่ 27-28 มกราคม อีกครั้ง
24 มกราคม 2566 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ประชาชนที่นิยมออกกำลังกายกลางแจ้งจึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในช่วงที่มีฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน การเล่นฟุตบอล เนื่องจากการออกกำลังกายจะทำให้อัตราการหายใจมากขึ้น
อาจส่งผลให้โอกาสที่ฝุ่น (PM2.5) จะแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ถุงลมปอด ซึมผ่านกระแสเลือด และไปยังอวัยวะต่าง ๆ มีมากขึ้น รวมถึงไปขัดขวางการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายส่งผลให้ปริมาณของออกซิเจนลดน้อยลง ทำให้ปอดและหัวใจทำงานหนักขึ้น และที่สำคัญห้ามสวมหน้ากากทุกชนิด ในขณะที่ออกกำลังกายอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ร่างกายต้องหายใจแรงและเร็วขึ้น ส่งผลให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานหนักมากขึ้นและอาจเป็นอันตรายได้
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า โดยปกติ คนเราจะหายใจเอาอากาศเข้าสู่ร่างกายประมาณ 5 ลิตร/นาที และขณะออกกำลังกายหรือวิ่ง อัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้น อาจสูงถึง 10 – 50 ลิตร/นาที หรือมากกว่าปกติถึง 10 เท่า ทำให้หายใจเอาฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ดังนั้น ในช่วงนี้ ซึ่งฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนตรวจเช็กค่าฝุ่น PM2.5 อย่างสม่ำเสมอ หากอยู่ในระดับสีส้มและสีแดง ขอให้พิจารณาเลี่ยงหรือลดระยะเวลาการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรืออาจออกกำลังกายในพื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะ และสังเกตอาการตัวเอง เวลาออกกำลังกาย หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจไม่สะดวก หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ให้รีบไปพบแพทย์ และหากค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง ควรงดการออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก สำหรับประชาชนที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด ภูมิแพ้ โรคหัวใจ ควรเลือกออกกำลังกายในบ้าน หรือสถานที่ร่มแทน เช่น เปิดคลิปวีดีโอออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ แล้วทำตามที่บ้าน ได้แก่ แอโรบิก โยคะ หรือ ออกกำลังกายตามสถานที่ต่าง ๆ หรือที่มีสนามในร่ม เช่น คอร์ทแบดมินตัน วอลเล่ย์บอล บาสเกตบอล ปิงปอง สระว่ายน้ำในร่ม เป็นต้น
“ทั้งนี้ ประชาชนควรติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศก่อนตัดสินใจไปออกกำลังกาย ที่เว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชัน “Air4Thai” ของกรมควบคุมมลพิษ หรือ “AirBKK” ของกรุงเทพมหานคร และปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด รวมถึงเฝ้าระวังอาการตนเองได้ที่เว็บไซต์ https://4health.anamai.moph.go.th และเมื่อสถานการณ์คุณภาพอากาศดีขึ้นก็สามารถกลับมาออกกำลังกายได้ เพราะการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย ช่วยให้ปอด หัวใจ และระบบไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น ป้องกันการเกิดโรค รวมทั้งยังทำให้มีสุขภาพดีในระยะยาวอีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมอนามัย
ภาพ : สสส.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี