“นโยบายจิปาถะแก้วิกฤตประเทศไม่ได้” ประเทศไทยติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์มาเป็นเวลานาน ก้าวออกมาไม่ได้ เป็นการบรรจบของวิกฤตหลายๆ อย่าง เข้ามาเชื่อมโยงกันเป็นวิกฤตใหญ่ ทำให้ประเทศเสียโอกาสและประชาชนทุกข์ยากลำเค็ญ ซึ่งไม่ควรเป็นอย่างนั้น ประเทศไทยมีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามหาศาล มากเกินพอที่จะทำให้คนไทยทุกคนอยู่ดีมีสุข แต่กลับเป็นอยู่ร้อนนอนทุกข์ เพราะความอ่อนแอทางปัญญา
นโยบายเป็นปัญญาสูงสุดของชาติใดชาติหนึ่งถ้านโยบายดีประเทศก็วัฒนะ แต่ถ้าไม่ดีก็หายนะ ยกตัวอย่างสงครามยูเครน ซึ่งทำให้ผู้คนตายเป็นเบือ บ้านเมืองพังพินาศย่อยยับ สงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ แต่ผู้นำกลับนำไปสู่สงคราม ฉะนั้น บทบาทของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่การบริหารจิปาถะแบบที่นายกรัฐมนตรีในอดีตที่ผ่านมามักจะทำกัน ซึ่งผิดบทบาท บทบาทของผู้นำ คือ นำทิศทางที่ถูกต้องและพาทั้งประเทศเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
“ถ้ามีจุดคานจัดที่ถูกต้องข้าพเจ้าสามารถงัดโลกทั้งใบได้” จุดคานงัดเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่สามารถงัดของที่หนักๆ ได้ ขนาดโลกทั้งใบยังงัดได้ เมื่อประเทศทั้งประเทศทรุด จะซ่อมแซมโน่นนิดนี่หน่อยก็ไม่หายทรุด แต่ต้องหาจุดคานงัดที่เหมาะเพื่องัดประเทศให้หายทรุด กุญแจจึงอยู่ที่ว่า อะไรคือจุดคานงัดประเทศไทย ซึ่งเมื่องัดตรงนี้ที่เดียว ประเทศไทยจะหายทรุด โดยทุกส่วนจะดีขึ้นหมด
“การสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่คือจุดคานงัดประเทศไทย” สัมมาชีพ หมายถึง อาชีพที่ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม และมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ ทำให้หลุดหนี้มีเงินออมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น “สัมมาชีพ” จึงเป็นทั้งเศรษฐกิจ จิตใจสังคม ศีลธรรม และสิ่งแวดล้อม “เต็มพื้นที่”หมายถึง ทุกคน ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอเต็มพื้นที่ประเทศไทย
สัมมาชีพเต็มพื้นที่ จึงทำให้เกิดสุขภาวะที่สมบูรณ์ ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทางจิตวิญญาณ ทำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง และระบบเศรษฐกิจของประเทศมั่งคั่ง มั่นคง เพราะประชาชนจะมีอำนาจซื้อมาก ทำให้เศรษฐกิจมหภาคเติบโต และมั่นคง เพราะอยู่บนฐานที่แข็งแรงของตนเอง ไม่ขึ้นกับระบบเศรษฐกิจโลกที่วูบไหว พลิกผัน และวิกฤตได้ตลอดเวลา
เมื่อผู้คนมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ความชั่วช้าต่างๆ ก็จะหายไป เช่น การลักขโมย การพนัน ยาเสพติด เพราะทุกคนมีชีวิตที่สมบูรณ์ มีศักดิ์ศรีในตัวเอง ไม่ต้องไปหาอะไรมาเติมเต็ม เช่น ยาเสพติด ความฟุ่มเฟือย ความรุนแรง พระสอนธรรมะแบบลอยตัว เช่น ศีล 5 ไม่ได้ผลดอก ต้องอยู่ในบริบทของสัมมาอาชีโว ศีลธรรมจึงจะบังเกิด สัมมาชีพเต็มพื้นที่จึงเป็นปัจจัยให้เกิดความร่มเย็น เป็นสุข และศีลธรรม จึงกล่าวว่า สัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นจุดคานงัดประเทศไทย ฉะนั้น ต้องทำนโยบายจุดคานงัดประเทศไทยให้เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ
“ถ้าพรรคการเมืองมีนโยบายจุดคานงัดประเทศไทย ก็ทำได้ไม่ยาก (Great leader is great communicator)” ผู้นำไม่ใช่อรหันต์แห้ง แต่เป็นนักสื่อสารที่ยิ่งใหญ่ สามารถสื่อสารให้คนทั้งประเทศ เกิด
เป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ร่วม หรือมีความมุ่งมั่นร่วมกัน คนไทยไม่มีความมุ่งมั่นร่วมกัน ไปคนละทางสองทางเหมือนแย้ลงรู จึงไม่มีกำลังขับเคลื่อนประเทศไปสู่สิ่งดี เมื่อใดคนไทยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน จะเกิดพลังร่วมมหาศาลที่เขยื้อนประเทศไทยออกจากหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์เรื้อรัง
คนไทยจะมีความมุ่งมั่นร่วมกันได้ เมื่อมีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถสื่อสารให้คนไทยทั้งประเทศมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วม ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีประเภทบริหารจิปาถะ ในการเลือกตั้งคราวนี้ ขอให้ประชาชนกำหนดทิศทางที่จะให้พรรคการเมืองทำ และเลือกพรรคการเมืองที่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และเป็นผู้ที่สามารถสื่อสารนำคนไทยไปสู่ความมุ่งมั่นร่วมกัน
“ทรัพยากรอันมหาศาลเพื่อพัฒนาประเทศไทย 8 ระบบ หรือมรรค 8 เพื่อพัฒนาประเทศไทย” 1.ระบบรัฐทั้งพลเรือนและกองทัพ 2.ระบบการเมือง 3.ระบบเศรษฐกิจ 4.ระบบสุขภาพ 5.ระบบการศึกษา 6.ระบบศาสนา 7.ภาคประชาสังคม 8.ระบบการสื่อสาร ตรงกลางคือแผ่นดินไทย หรือฐานล่างของประเทศ ระบบทั้ง 8 เสมือนเป็นผนัง 8 ด้าน ซึ่งแต่ละด้านเชื่อมโยงกับพื้นล่างหรือฐานของประเทศ ลองพิจารณาระบบทั้ง 8 ทีละระบบ จะเห็นว่าเป็นทรัพยากรเพื่อการพัฒนามหาศาลเพียงใด แต่ที่แล้วมาระบบเหล่านี้ต่างคนต่างไป ที่เรียกว่าพัฒนาแบบแยกส่วน ทุกส่วนต้องบูรณาการกับพื้นที่ ซึ่งมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นจุดคานงัด
“มรรคสมังคี” หมายถึง มรรคทั้ง 8 บูรณาการกัน ถ้ารัฐบาลใหม่มีผู้นำที่มีนโยบายจุดคานงัดประเทศไทย แล้วนำให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ก็ไม่เป็นการยากอะไรที่จะสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ได้จริง และงัดประเทศไทยขึ้นมาผงาด เป็นแผ่นดินศานติสุข ขอให้สื่อมวลชนทำการเผยแพร่เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ให้คนไทยรู้ความจริงอย่างทั่วถึง จนเกิดกระแสสังคมต้องการเห็นจุดคานงัดประเทศไทย กระแสสังคมก็จะทำให้เกิดนโยบาย และผู้นำนโยบายนี้คือประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
“ประชาธิปไตย” = ประชาชนมีอธิปไตยในการกำหนดนโยบาย ในการขับเคลื่อนนโยบาย และในการได้รับผลความสำเร็จในนโยบาย “กระแสสังคม” = ปัญญาร่วม (Collective wisdom) ของประชาชน กระแสสังคมเกิดจากระบบการสื่อสารที่นี้ บัดนี้เรามีเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้า หลายช่องทางการสื่อสารมากมาย สามารถสื่อสารให้ประชาชนรู้ความจริงอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว นี่คือประชาธิปไตยทางตรงที่คนทั้งประเทศสามารถเข้าร่วม โดยเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ การสื่อสารจึงเป็นทรัพยากรอันยิ่งใหญ่ เพื่อการพัฒนาประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งประเทศ
ขอให้ปี พ.ศ.2566 เป็นปีที่คนไทยค้นพบเส้นทางประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่พลิกโฉมประเทศ จากประเทศที่ป่วยเรื้อรัง เป็นประเทศสุขภาพดี ที่คนไทยทุกคนมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ และมีความภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย อยู่บนแผ่นดินที่เป็นไทเป็นธรรม!!!
ศ.(เกียรติคุณ) นพ.ประเวศ วะสี
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี