อีก 3 วันก็จะถึง “วันที่ 14 พ.ค. 2566” อันเป็น“วันตัดสินอนาคตประเทศไทยด้วยมือปวงชนชาวไทย”ด้วยการออกไป “ใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)” ซึ่งตลอดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ทีมงาน “นสพ.แนวหน้า” ได้พยายามรวบรวมมุมมองของพรรคการเมืองต่างๆ ที่นำเสนอผ่านตัวแทนพรรคในหลากหลายวงเสวนาที่จัดขึ้นโดยภาคประชาสังคมหลากหลายกลุ่มตามแต่ประเด็นที่กลุ่มเหล่านั้นผลักดัน ทั้งเรื่องสิทธิในการใช้ทรัพยากรป่าไม้-ที่ดิน กระบวนการยุติธรรม สิทธิสตรี นโยบายต่อภาคเกษตร ฯลฯ เท่าที่พอจะสามารถรวบรวมได้
“การปลดล็อกการขายบริการทางเพศ (Sex Worker) ออกจากความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ในกรณีสมัครใจและไม่ใช่เด็ก-เยาวชน” ก็เป็นอีกเรื่องที่มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องจากภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องมาหลายสิบปี ซึ่งเมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย. 2566 ภาคีเครือข่ายองค์กรด้านสิทธิสุขภาพทางเพศ และอนามัยเจริญพันธุ์ ภาคีองค์กรด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศ ด้านการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและสิทธิมนุษยชน เวทีสิทธิและสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ต่อพรรคการเมือง “สุขภาพทางเพศ สิทธิพลเมือง เคลื่อนได้ด้วยการเมือง : “เรื่องเพศพรรคต้องพูด” ณ ช่างเชื่อมไลฟ์เฮ้าส์ ช่างชุ่ย เขตบางพลัด กรุงเทพฯ
ตัวแทนจากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ ชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์ ฉายภาพ “ถุงยางอนามัย” ในฐานะ “หลักฐานล่อซื้อ” เมื่อเจ้าหน้าที่วางแผนจับกุม และ “วัตถุต้องสงสัย” ในการเข้าไปสอบถามเมื่อพบผู้หญิงพกพาในพื้นที่สาธารณะ แต่ถุงยางอนามัยก็เป็นเครื่องมือในการทำงานเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และร้อยละ 80 ของคนทำงานบริการทางเพศเป็นแม่หรือเป็นเสาหลักของครอบครัว
ขณะที่ตัวแทนพรรคการเมืองที่มากันจำนวน 8 พรรค ด้านหนึ่งล้วนเห็นตรงกันเรื่องยกเลิกกฎหมายความผิดอาชีพขายบริการทางเพศ แต่อีกด้านหนึ่ง ตัวแทนแต่ละพรรคก็มีรายละเอียดเพิ่มเติมแตกต่างกันไป อาทิ นพ.พลเดช สุวรรณอาภาผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯ เขต 6 พรรคเสรีรวมไทยเสนอให้ขึ้นทะเบียนคนทำงานและสถานบริการเพื่อให้เข้าถึงสิทธิเงินชดเชยเมื่อไม่สามารถทำงานได้ และแก้ปัญหาส่วยหรือการเรียกรับผลประโยชน์ หนุนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องพร้อม 24 ชม. และสถานรับเลี้ยงเด็ก 24 ชม. เพื่อตอบโจทย์เวลาทำงาน ,
ชานันท์ ยอดหงษ์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยกเลิกความผิดในลักษณะทำให้ไม่ผิดกฎหมาย (Decriminalization) ไม่ใช่ทำให้ถูกกฎหมาย (Legalization) ให้ผู้ขายบริการมีสถานะเป็นแรงงาน ลบประวัติอาชญากรรมผู้เคยถูกดำเนินคดีเพื่อให้สามารถไปประกอบอาชีพอื่นในอนาคต และสถานรับเลี้ยงเด็ก 24 ชม., ทวีชัย วงศ์ไพโรจน์กุลผู้สมัคร สส. กรุงเทพฯ เขต 7 พรรคไทยสร้างไทย หนุนยกเลิกความผิดอาชีพขายบริการทางเพศ แต่ไม่ใช่การปล่อยเสรี ต้องควบคุมอายุทั้งผู้ขายบริการและผู้ใช้บริการ รวมถึงผลักดันให้สถานบริการมีสถานะเป็นนายจ้าง เพื่อให้ผู้ขายบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน,
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหนึ่งใน สส. ชุดที่แล้วที่ร่วมผลักดันการยกเลิกความผิดฐานค้าประเวณีตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนนั้นไปไกลแล้วโดยร่างกฎหมายปัจจุบันอยู่กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และพรรคก้าวไกลพร้อมผลักดันผ่านทาง สส. ชุดต่อไป แต่ก็ต้องบอกว่า Sex Worker ในสถานะแรงงาน แม้จะขึ้นศาลแรงงานได้แต่ก็ต้องมีกฎหมายพิเศษขึ้นมาคุ้มครอง ไม่อาจใช้กฎหมายแรงงานปกติได้เพราะมีปัญหาเรื่องอำนาจต่อรอง,
กฤศ ธรรมสโรช ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสมอภาค กล่าวเสริมในประเด็นนโยบายสุขภาพของพนักงานบริการหลังยกเลิกความผิดทางอาญาแล้ว ซึ่งนอกจากสุขภาพกายแล้วควรรวมถึงสุขภาพจิตด้วย เพราะแม้จะเป็นงานบริการทางเพศแต่ในการทำงานไม่ได้มีแต่เฉพาะเรื่องเพศ จึงต้องดูแลสุขภาพจิตด้วย, เกศปรียา แก้วแสนเมือง ผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯเขต 2 พรรคเพื่อชาติ นอกจาก Sex Worker แล้ว ยังระบุว่า ควรทำให้ Sex Creator ถูกกฎหมายด้วย รวมถึงปฏิรูปการสอนวิชาสุขศึกษาและเพศศึกษา เพื่อลดการตีตราเลือกปฏิบัติ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาความรุนแรงที่มาจากเหตุแห่งเพศด้วย,
แทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร สส. กรุงเทพฯ เขต 13 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายพรรคที่สนับสนุน Sex Toy เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยางพารา มองว่าสื่อทางเพศควรทำได้แต่ต้องมีการควบคุม เช่น ต้องเป็นความสมัครใจไม่ใช่เด็ก-เยาวชน ไม่ใช่การถ้ำมอง-แอบถ่าย ส่วนกลุ่มผู้ขายบริการทางเพศควรมีกลไกคุ้มครองจากการถูกฟ้องคดี เช่น กรณีภรรยาจับได้ว่าสามีไปซื้อบริการ ตลอดจนปรับทัศนคติบุคลากรสถานพยาบาลต่อคนทำงานดังกล่าว
และ จิราเจตน์ วิเศษดอนหวาย นายทะเบียนพรรคสามัญชน นอกจากเสนอให้ยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 นำผู้ขายบริการทางเพศเข้าสู่สถานะความเป็นแรงงานแล้ว ยังเสนอให้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายเดิม ตลอดจนแก้ไขกฎหมายแรงงานและกฎหมายความรุนแรงให้ครอบคลุม รวมถึงกฎหมายดิจิทัลเพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบความรุนแรงทางเพศที่เปลี่ยนไป ตลอดจนปรับปรุงบริการที่มีความเฉพาะกับผู้ประกอบอาชีพทั้งบริการทางการแพทย์ สถานรับเลี้ยงเด็ก การศึกษา
ภายในงานยังมีการอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องพรรคการเมือง ว่าด้วยประเด็นสุขภาพทางเพศโดยตัวแทนของแต่ละเครือข่ายที่ร่วมจัดงาน โดย ตัวแทนมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) อัจฉราภรณ์ ทองแฉล้ม เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ในส่วนข้อเรียกร้องประเด็นพนักงานบริการทางเพศ อาทิ แก้ไขหรือยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 เพื่อให้พนักงานบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน ไม่ถูกบันทึกประวัติอาชญากรซึ่งส่งผลต่อการถูกเลือกปฏิบัติและการประกอบอาชีพในอนาคต
แก้ไขกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมทุกสิทธิไม่ว่าจะเป็นหลักประกันสุขภาพ ประกันสังคม สิทธิข้าราชการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มสิทธิการเข้าถึงของพนักงานบริการแก้ไขปรับปรุงบริการสุขภาพ สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ ให้มีความละเอียดอ่อนต่อผู้รับบริการที่เป็นพนักงานบริการ คำนึงถึงช่วงเวลาการให้บริการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและอาชีพ จัดให้มีการให้ข้อมูล มีบริการสุขภาพและอนามัยเจริญพันธุ์ การป้องกันเอชไอวีในรูปแบบที่หลากหลาย ให้พนักงานบริการมีทางเลือกในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
เพื่อสอดคล้องกับเพศภาวะ-เพศวิถีตลอดวิถีชีวิตการทำงานของแต่ละคน ยกเลิกการบังคับตรวจหาเชื้อเอชไอวีโดยไม่สมัครใจ และผลักดันให้จัดทำหลักสูตรสุขศึกษาเพศศึกษาอนามัยเจริญพันธุ์ การป้องกันเอชไอวี และสิทธิมนุษยชนสำหรับพนักงานบริการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศที่มีอัตลักษณ์เชิงซ้อน คนพิการ โดยมีการจัดทำสื่อในรูปแบบที่เหมาะสม ง่ายต่อความเข้าใจของแต่ละคน!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี