ย้อนกลับไปในอดีต ราวปี พ.ศ.2518 พื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี เคยเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวและเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ รัฐบาลในสมัยนั้นจึงใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเด็ดขาด ส่งผลให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นพื้นที่สู้รบ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่อพยพมาจากต่างถิ่น เข้ามาจับจองที่ดินทำกินบริเวณพื้นที่ป่าโดยรอบเขาบรรทัด จนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูก ความที่เป็นพื้นที่ป่าเขา ยากแก่การเข้าถึงและห่างไกลจากอำนาจรัฐ ทำให้พื้นที่ขาดการพัฒนา ประชาชนจึงอยู่อย่างแร้นแค้น ยากจน และมีชีวิตอยู่อย่างเสี่ยงภัยจึงต้องกลายเป็นผู้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายโดยจำใจ
เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจากปัญหาดังกล่าวจึงได้มีการประกาศให้พื้นที่ในเขตอำเภอนาดี (สมัยนั้นเป็นกิ่งอำเภอนาดี) อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2518
มกราคม พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในบริเวณนี้ จึงได้มีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่บริเวณที่ราบเชิงเขาบรรทัดขึ้น คือ“โครงการพัฒนาที่ราบเชิงเขาอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดปราจีนบุรี” และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดปราจีนบุรี ตามพระราชดำริขึ้น มีพื้นที่ดำเนินการทั้งหมด 404,730 ไร่ เป็นพื้นที่ในเขตอำเภอนาดี อำเภอสระแก้ว อำเภอวัฒนานคร และอำเภอตาพระยา (สมัยนั้น “สระแก้ว”เป็นอำเภอหนึ่งในการปกครองของจังหวัดปราจีนบุรี แยกออกมาเป็นจังหวัดสระแก้วในปี พ.ศ.2536)
โดยบูรณาการความร่วมมือจากส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพภาคที่ 1 จังหวัดปราจีนบุรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ ในการนี้ พระองค์ทรงพระราชทานแนวทางการพัฒนาไว้ 3 ด้าน คือ 1.การพัฒนาทางด้านจิตใจของราษฎร ให้ยึดมั่นและภาคภูมิใจในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อยู่อาศัยในหมู่บ้านอย่างมีความสุข เพื่อที่จะได้ร่วมกันพัฒนาหมู่บ้านของตนให้เจริญมั่นคงถาวรต่อไป 2.การพัฒนาความรู้การประกอบอาชีพ ให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถดำรงชีพได้อย่างมีคุณภาพและมีความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ 3.การจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ที่บุกรุกทำกินอยู่อย่างกระจัดกระจายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้มาอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งอย่างถาวรโดยถูกต้องตามกฎหมาย
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีทั้งหมด 7 โครงการ ได้แก่ (1)โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา ป่าทับลาน 1 (บ้านทับลาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบล
บุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี (2)โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา ป่าทับลาน 2 (บ้านคลองตาหมื่น) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี (3)โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา ป่าท่ากะบาก 1 (บ้านท่ากะบาก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลคลองน้ำเขียว อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว (4)โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาป่าท่ากะบาก 2 (บ้านคลองหมากนัด) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว
(5)โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา ป่าโคกสูง 1 (บ้านห้วยชัน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลช่องกุ่ม อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว (6)โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา ป่าโคกสูง 2 (บ้านภักดีแผ่นดิน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองหมากฝ้าย อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว (7)โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา ป่าเขาฉกรรจ์(บ้านเขาสามสิบ) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว รวมเนื้อที่พัฒนา ทั้งหมดประมาณ 437,300 ไร่
ชัยกุล ฤทธิ์มังกร เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้แห้งแล้งมาก เกษตรกรส่วนใหญ่ทำการเกษตรประเภทพืชไร่ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือไม่ก็ปลูกข้าว แต่ทำแล้วก็ไม่ค่อยได้กำไร แม้กระทั่งที่ดินซึ่งเป็นมรดกของครอบครัวประมาณ 5 ไร่ ที่เคยใช้ปลูกข้าวก็ต้องเลิกปลูกไปเพราะทำแล้วไม่คุ้ม จึงต้องปล่อยให้ญาติมาทำแทนหลังจากเกษียณอายุราชการในปี 2562 จึงได้กลับมาพัฒนาที่ดินของครอบครัว โดยทำเกษตรผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 เน้นการปลูกไม้ผลเป็นหลัก เช่น มะพร้าวน้ำหอม กล้วย ฝรั่งกิมจู เพราะให้ผลผลิตและสร้างรายได้ในช่วงสั้นๆ เช่น กล้วยน้ำว้า ฝรั่งกิมจูปลูกเพียงปีเดียวก็สามารถขายได้ ส่วนพืชผักสวนครัวที่ใช้บริโภคประจำวันก็มีปลูกไว้ที่ข้างบ้าน
ต่อมา วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชสมุนไพรเพื่อส่งให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร กลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขต เครือข่ายกรีนเนท ส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกพืชผักอินทรีย์ พร้อมกับรับซื้อผลผลิตทุกสัปดาห์ในราคารับประกัน ดังนั้น จึงได้รวมกลุ่มกับเกษตรกรเพื่อนบ้านเป็น กลุ่มเกษตรอินทรีย์ตำบลบุพราหมณ์ เพื่อรวมผลิตและขายตามออเดอร์ที่สั่งมา สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างมั่นคง ช่วงที่ผ่านมา ส.ป.ก. ก็ให้การอบรมทั้งในเรื่องการพัฒนาการเกษตร การปลูกพืชผัก และพาไปดูงานตามสถานที่ต่างๆ ต่อมาก็ให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิต คือระบบท่อน้ำภายในสวน ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และได้รับการคัดเลือกจาก ส.ป.ก.ให้เป็นเกษตรกรต้นแบบโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว - ปราจีนบุรี ตามพระราชดำริ
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กล่าวว่า ก่อนที่จะมีโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว - ปราจีนบุรี ตาม
พระราชดำริ การเข้าไปพัฒนาพื้นที่ทำได้ยาก เพราะส่วนราชการไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ ประชาชนไม่ไว้วางใจ แต่เมื่อพระองค์ท่านมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณที่ราบเชิงเขาบรรทัด ทำให้ส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าไปพัฒนาพื้นที่ตามภารกิจของแต่ละหน่วยงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากประชาชนมีความเชื่อใจสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่คู่ขัดแย้งทางความคิดกับคนกลุ่มใด จึงเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่เคารพรักของประชาชนคนไทย การพัฒนาพื้นที่ในเขตนี้ จึงสามารถเริ่มต้นขึ้นได้อย่างจริงจัง
ชัยกุล ฤทธิ์มังกร
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้สนองพระราชดำริมาตั้งแต่เริ่มโครงการฯ นับตั้งแต่การจัดที่ดินให้ประชาชนได้อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ส่งเสริมให้เกษตรกรได้รับการพัฒนา เรียนรู้และการสร้างอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในแต่ละปี ส.ป.ก. ได้จัดทำแผนงานโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว - ปราจีนบุรี ตามพระราชดำริ โดยกำหนดพื้นที่ และกลุ่มประชาชนที่เป็นเป้าหมายในการพัฒนาด้วยการอบรมให้ความรู้ พาไปเรียนรู้ดูงานในพื้นที่ที่ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาการเกษตร ตลอดจนสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่จำเป็น เพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิดเกษตรกรจากการทำพืชไร่มาเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
การสนับสนุนให้เกษตรกรรวมเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อรวมผลิตรวมกันขาย ลดต้นทุนการผลิตและสร้างอำนาจต่อรองการตลาดให้เกษตรกร ตลอดจนการสนับสนุนเกษตรกรที่มีความคิดก้าวหน้า ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่ตนเอง จนสามารถสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม ด้วยการสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่จำเป็น เพื่อยกระดับขึ้นเป็นศูนย์เรียนรู้ในเขตปฏิรูปที่ดิน และขยายผลการพัฒนาพื้นที่ การพัฒนาเกษตรกรให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี