นักวิจัยไทยทุกหน่วยงานไม่ประมาท ใส่นวัตกรรมป้องกันตัวอาคาร และ ร่วมมือกับสหรัฐฯ รับมือภัยธรรมชาติที่เกิดจากภาวะโลกร้อน เล็งตั้งศูนย์การศึกษาเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในไทย
“นักวิจัยไทย” ทำงานกันอย่างหนัก เมื่อมีข่าวแผ่นดินไหวออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2566 เกิดแผ่นดินไหวทางตะวันตกเฉียงเหนือในพม่า 5.0 ริกเตอร์ โดยผู้อาศัยอยู่ในอำเภอแม่จัน และ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รับความรู้สึกถึงแผ่นดินไหวครั้งนี้ได ขณะที่ “นักวิจัยไทย” โดยศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว หรือ “Hub of Talents” ได้กล่าวถึง เหตุการณ์แผ่นดินไหวในพม่าว่า เป็นประเภทรอยเลื่อนสกาย (Sagaing Fault)
รอยเลื่อนสกาย เหตุแผ่นดินไหวในพม่า สะเทือนถึงไทย
รอยเลื่อนสกาย หรือ Sagaing Fault ที่ผ่าอกกลางประเทศพม่า เป็นรอยเลื่อนที่ไม่ธรรมดา เพราะจากสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในอดีต รอยเลื่อนนี้เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึง 8.0 เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 23 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2455 จึงถือว่าเกินคาดเกินราคา กับการเป็นรอยเลื่อนหรือรอยแตกภายในแผ่นเปลือกโลก (intra-plate earthquake source) ซึ่งรอยเลื่อนสกายนี้ ทำให้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ นายเอนก บำรุงกิจ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงานแถลงข่าว “เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 4.5 บริเวณภาคเหนือตอนล่าง” ในวาระเร่งด้วย
การแถลงข่าวดังกล่าวประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว ได้แก่ ศ. ดร.วันชัย ดีเอกนามกูลคณะทำงานที่ปรึกษาเพื่อการพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) และศูนย์กลางด้านความรู้ (Hub of Knowledge) ของ วช. ซึ่งภายในงานได้จัดการแถลงข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดย ผศ. ดร.ปานนท์ ลาชโรจน์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ดำเนินรายการ ประกอบด้วย ประเด็น “ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวและสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง” โดย รศ. ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล ประเด็น “ลักษณะรอยเลื่อนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง” โดย รศ. ดร.ภาสกร ปนานนท์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประเด็น “ผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่มีต่อโครงสร้าง” โดย ศ. ดร.อมร พิมานมาศ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และประเด็น “ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวและการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง” โดย รศ. ดร.สุทัศน์ ลีลาทวีวัฒน์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
นายเอนก บำรุงกิจ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 เวลา 00.17 น. เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 4.5 บริเวณ ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ว่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดเลย สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ โดยจากรายงานข่าวของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นมีรายงานความเสียหาย พบผนังบ้านและโบสถ์ในพื้นที่บ้านราชช้างขวัญ ตำบลปากทางอำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เกิดรอยร้าวเล็กน้อย ซึ่งการรับรู้ดังกล่าวอยู่ ในความรุนแรงของแผ่นดินไหวระดับ 4 - 5 (เบา-ปานกลาง) ที่คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ คนที่นอนหลับตกใจตื่น หน้าต่างประตูสั่น ผนังห้องมีเสียงลั่น รถยนต์ที่จอดอยู่สั่นไหว ไม่ส่งผลกระทบถึงขั้นสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างหลักของสิ่งก่อสร้างทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ทันต่อเหตุการณ์ตามหลักวิชาการให้กับประชาคมวิจัยและประชาชนทั่วไป
“วช. ภายใต้กระทรวง อว. โดย ศูนย์วิจัยแห่งชาติด้านแผ่นดินไหว (Earthquake Research Center of Thailand) ภายใต้ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว ภายใต้โครงการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) จึงได้จัดแถลงข่าว เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 4.5 บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ขึ้นในวันนี้ ซึ่งมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจในหลายประเด็นอันจะนำไปสู่การเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติในอนาคต” นายเอนกกล่าว
ด้าน “รศ. ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์” นักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวและสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง นั้นส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดเลย รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน ซึ่งเกิดจากรอยเลื่อนซ่อนตัวอยู่ใต้ดินไม่เคยมีพลังงาน นอกเหนือจาก 16 รอยเลื่อนที่มีพลังงาน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี บริเวณแนวตะวันตกเฉียงเหนือ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้คู่ขนานกับแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ ทางตะวันออกของศูนย์กลางเกิดแผ่นดินไหวมีการคาดว่าเป็นรอยเลื่อนรอบแขนงของรอยเลื่อนที่มีพลังงาน เกิดการสะสมพลังงานในตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนเกิดการสั่นไหว และเป็นรอยเลื่อนที่มองไม่เห็นบนพื้นดิน ในทางวิศวกรรมศาสตร์ถือเป็นเรื่องใหญ่
“คณะทีมนักวิจัยจึงได้ออกแบบโมเดลแผนที่จำลองที่จะเข้ามามีส่วนช่วยในการประเมินสถานการณ์เพื่อออกแบบอาคารให้มีความแข็งแรง ซึ่งแผนที่ป้องกันความเสี่ยงว่าพื้นที่ตรงไหนมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวจะมีส่วนช่วยในการรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้อย่างทันท่วงที และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อคลายความกังวล” รศ.ดร.ธีรพันธ์กล่าว
รอยเลื่อนซ่อนตัวใต้ดิน แม้100ปีเกิดครั้ง แต่พบแนวรอยเลื่อนมีพลังในไทยถึง 16 กลุ่ม
กรณีรอยเลื่อนสกายจะส่งผลทำให้เกิดแผ่นดินไหว โดยมีสถิติการมาเยือนทุกๆ 100 ปี และยังพบว่า รอยเลื่อนที่อยู่บนเปลือกโลกมีความสำคัญ โดยเฉพาะรอยเลื่อนในไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลัง พร้อมที่จะรับแรงสั่นสะเทือนจนเกิดแผ่นดินไหวตามมาได้ทุกเมื่อ
รศ. ดร.ภาสกร ปนานนท์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ลักษณะรอยเลื่อนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง นั้น สาเหตุเกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน (Hidden Fault) ซึ่งอยู่นอกเหนือจาก 16 กลุ่มรอยเลื่อนมีพลัง ที่ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อนในรอบ 100 ปี เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวระดับตื้นมาก โดยแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ทั่วไป ทางกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า ประวัติการเกิดเหตุแผ่นดินไหวใน จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533-2566 ขนาด 4 – 4.9 พบจำนวน 1 ครั้ง และขนาดเล็กกว่า 3 จำนวน 5 ครั้ง ซึ่งผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่มีต่อรอยเลื่อนมีพลังมากในบริเวณใกล้เคียงในพื้นที่ ทีมนักวิจัยได้นำงานวิจัยเข้ามามีส่วนช่วยและสนับสนุนการวางแผนลดผลกระทบจากแผ่นดินไหวในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไปในอนาคต
ศ. ดร.อมร พิมานมาศ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่มีต่อโครงสร้าง ประชาชนสามารถรับรู้และรู้สึกได้ แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ยังไม่สามารถทำนายได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด เราจึงต้องเตรียมรับมือ อยากให้คนไทยตระหนักแต่อย่าตระหนก และเราสามารถรับมือด้วยมาตรการทางโครงสร้างและกฎหมาย
ขณะที่ รศ. ดร.สุทัศน์ ลีลาทวีวัฒน์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานของศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวและการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องในอนาคต เพื่อเรียนรู้และถอดบทเรียนการสร้างอาคารที่ปลอดภัย ดังนั้นเจ้าของอาคารต้องตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารในการรองรับภัยพิบัติแผ่นดินไหว และเสริมความแข็งแรงของอาคารเพื่อมิให้เกิดความสูญเสียในอนาคต
“องค์การวินร็อค” สหรัฐฯ เล็งไทยตั้ง “ศูนย์การศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
แม้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะเป็นภัยธรรมชาติที่มาในส่วนของธรณีวิทยา แต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงภายใต้ภาวะโลกร้อน (Climate Change) ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงการป้องกันภัยธรรมชาติ และ สภาวะโลกร้อนก็เชื่อมโยงกับเหตุภัยธรรมชาติที่มาในทุกๆด้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ “องค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล” ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มองข้ามช๊อต ถึงปัญหาภัยธรรมชาติที่จะส่งผลกระทบต่อวงจรต้นน้ำของระบบการผลิตอาหาร จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างองค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล และพันธมิตรที่มีความโดดเด่นทั้งไทยและต่างชาติจำนวน 5 องค์กร ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประเด็นความร่วมมือสนับสนุนการขยายผลนวัตกรรมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มีส่วนช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและเพิ่มโอกาสเชิงพาณิชย์, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)
ประเด็นความร่วมมือการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเท่าทันภูมิอากาศเพื่อเพิ่มผลผลิต ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และขยายโอกาสทางการขาย, บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด ประเด็นความร่วมมือการขยายการใช้งานและการบูรณาการของข้อมูลด้านภูมิอากาศในเทคโนโลยีด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ผลิตข้าว มันสำปะหลัง และพืชสวน, บริษัท ฮาร์มเลส ฮาร์เวสต์ จำกัด ประเด็นความร่วมมือการขยายการนำแนวทางการเกษตรฟื้นฟูและเท่าทันภูมิอากาศสำหรับภาคการผลิตและการแปรรูปมะพร้าวที่ส่งผลดีต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม และ สุดท้ายคือ ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยการวิจัยและบัณฑิตศึกษาด้านการเกษตร (SEARCA) ประเด็นความร่วมมือการเร่งให้การเกิดเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานโดยผ่านนวัตกรรมด้านการเกษตรและการขยายผลเทคโนโลยีเท่าทันภูมิอากาศที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และขยายโอกาสทางการขาย
องค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นองค์การพัฒนาที่มีความโดดเด่นทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและระดับสากล ที่มุ่งเสนอทางออกสำหรับความท้าทายสำคัญของโลกในด้านสังคม เกษตรกรรม และสิ่งแวดล้อม มีการดำเนินงานกว่า 140 โครงการใน 46 ประเทศ และ สานความสัมพันธ์กับประเทศไทยมานาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2497 โดยงานภายในประเทศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยแก๊ซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และภาคการใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมไปถึงงานด้านการลดปัญหาการค้ามนุษย์
รวมทั้ง องค์การวินร็อคฯ ยังได้จัดทำแบบสอบถาม ในการจัดตั้ง “หลักสูตรร่วมระดับปริญญาโทด้านความมั่นคงทางอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยเป็นหนึ่งในโครงการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร
สะท้อนให้เห็นว่า “สหรัฐอเมริกา” ให้ความสำคัญกับปัญหาภัยธรรมชาติ และ มีแนวโน้มว่าต้องการจะตั้งศูนย์การศึกษาดังกล่าวในประเทศไทย เพื่อผลิตบุคลากรที่เชี่ยวชาญมารับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก และ แก้ปัญหาความมั่นคงทางอาหารที่ทั่วโลกจะต้องเผชิญในอนาคต
เพราะฉะนั้น ภัยธรรมชาติรอบด้าน ทั้งทางสภาพอากาศ และ ธรณีวิทยา ล้วนแต่มีจุดเชื่อมโยง และ ส่งผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์ เมื่อภัยธรรมชาติใดๆก็ตามเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาหนทางแก้ไข และ รับมือ ซึ่งปัจจุบันต้องยอมรับว่า “แผ่นดินไหว” เป็นเพียงภัยธรรมชาติอย่างเดียวที่มนุษย์ไม่สามารถใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้ เพื่อเกิดการป้องกันและการสูญเสียในชีวิตและทรัยพ์สิน ทำได้แต่เพียงใส่นวัตกรรมเข้าไปที่โครงสร้างของอาคาร เพื่อเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้น ในช่วงวันเวลาใดก็มิอาจทราบได้ แต่สามารถลดความสูญเสียได้ด้วยนวัตกรรมด้านการวิจัยของโครงสร้างตัวอาคาร
ขอบคุณข้อมูล :- http://www.mitrearth.org/4-186-tectonic-stress-sagaing-fault/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี