การคิดค้นงานด้านประดิษฐ์และงานวิจัยของไทย เมื่ออยู่ในประเทศไทยก็อาจจะดูธรรมดา เพราะหลายชิ้นงานเป็นเรื่องเข้าใจยาก โดยเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีเรื่องของศัพท์ทางเทคนิคที่ต้องใช้ในแวดวงวิชาชีพนั้นๆ แต่เมื่องานประดิษฐ์และงานวิจัยของไทยไปแสดงในเวทีโลก พบว่านานาชาติให้การยอมรับ และ เป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่า “นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย” เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยในเวทีงาน “เจดี 2023” ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 7-8 กรกฎาคม พ.ศ.2566 สามารถคว้ารางวัลใหญ่มาครองได้ถึง 27 รางวัล ใน 7 กลุ่มใหญ่ และ รวมพลังสามัคคีนำบุคลากรกว่า 100 ชีวิต ใน 17 หน่วยงานไปร่วมออกนิทรรศการอย่างยิ่งใหญ่ยังดินแดนอาทิตย์อุทัย
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำทีมนักประดิษฐ์นักวิจัยไทยสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย และสามารถคว้ารางวัล “เจดี บิ๊ก อะวอร์ด (JDIE Big Award) ซึ่งเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของงานในการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมระดับนานาชาติ บนเวที “เจแปน ดีไซน์ ไอเดีย แอนด์ อินเวนชั่น เอ็กซ์โป” (Japan Design, Idea and Invention Expo : JDIE 2023) เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ณ Tokyo Ariake Garden Convention Center, Japan กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยผลงานที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ได้แก่ ผลงานเรื่อง “การตรวจจับเพลิงไหม้ด้วยการประมวลผลภาพ” จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยนายธีระพงษ์ เที่ยงผดุง และคณะ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวเป็นระบบตรวจจับเพลิงไหม้ด้วยการประมวลผลภาพที่ใช้กล้องยูเอสบี คาเมร่า (USB Camera) ติดตั้งภายในตู้คอนโทรล ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะทำหน้าที่แปลงข้อมูลวิดิโอให้อยู่ในรูปแบบดิจิตอลผ่านเอ็มซียู (MCU ) ไปวิเคราะห์หาความผิดปกติที่เซิร์ฟเวอร์ (server) แบบตามเวลาจริง หรือ เรียลไทม์ (real time)
นอกจากนี้ ยังมีประดิษฐกรรมและและนวัตกรรมอีก 5 ผลงาน ที่ได้รับรางวัลสเปเชี่ยล ไพรซ์ ออน สเตจ (Special Prizes on stage) จากองค์กรนานาชาติ ได้แก่ ผลงานเรื่องแวกจ์ มัส (WaG MuS) หรือ ทรายจากขยะเปลือกหอยแมลงภู่สำหรับชุดกิจกรรมเล่นทราย โดย ผศ.ดร. โฉมฉาย บุญญานันต์ และ คณะ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับรางวัลจาก “เวิล์ด อินเวนชั่น อินเทลเลคชวล พร๊อพเพอร์ตี้ แอสโซซิเอชั่นส์” (World Invention Intellectual Property Associations : WIIPA Special Award), ผลงานเรื่อง “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อส่งเสริมคุณภาพการนอน” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์ และ คณะ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับรางวัลจาก “ยูนิเวอร์ซิตี้ โพลิเทคนิก้า ออฟ บูชาเรสต์ : แพลตตินั่ม มีเดิล” (University Politehnica of Bucharest : Platinum Medal), ผลงานเรื่อง “อุปกรณ์ถ่างขยายที่ผลิตด้วยกระบวนการสาน และอุปกรณ์เพิ่มการไหลเวียนด้วยวัสดุฉลาดสำหรับการรักษาอาการหลอดเลือดสมองขาดเลือดเฉียบพลันและโป่งพอง” โดย รศ.ดร. อนรรฆ ขันธะชวนะ และคณะ จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้รับรางวัลจาก “ยูนิเวอร์ซิตี้ โพลิเทคนิก้า ออฟ บูชาเรสต์ : แพลตินั่ม อินโนเวชั่น โทรฟรี่” (University Politehnica of Bucharest : Platinum Innovation Trophy)
ส่วนผลงานเรื่อง “เรือไฟฟ้าสำหรับเก็บขยะชายฝั่งทะเลและแนวปะการัง” โดย นายเกียรติศักดิ์ เส้งพัฒน์ และคณะ จากวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ได้รับรางวัลจากฮ่องกง สติวเด้นท์ อินเวนชั่น พาเทนท์ โปรแกรม : ฮ่องกง สเปเชี่ยล อวอร์ด (Hong Kong Student Invention Patent Program : Hong Kong Special Award), ผลงานเรื่อง “โดรนดับเพลิงอัตโนมัติ” โดย นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล และคณะ จากสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ได้รับรางวัลจาก “อินโดนีเซีย อินเวนชั่น แอนด์ โปรโมชั่น แอสโซซิเอชั่น : อินโนป้า สเปเชี่ยล อวอร์ด” (Indonesia Invention and Innovation Promotion association : INNOPA Special Award)
ผลงานของนักประดิษฐ์นักวิจัยไทยยังคว้าเหรียญทองจากเวที “เจดี 2023” (JDIE 2023) ถึง 21 ผลงาน พร้อมด้วยเหรียญเงิน เหรียญบรอนซ์และสเปเชี่ยล ไพรซ์ (Special Prize) จากประเทศโรมาเนีย ฮ่องกง ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ยังได้กล่าวถึงบทบาทของ “วช.” ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการส่งเสริมและสนับสนุนการนำผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของไทยร่วมประกวดและจัดแสดงในเวทีนานาชาติ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา
“การส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีดังกล่าว เป็นการเปิดโอกาสให้กับนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยได้สร้างเครือข่ายและการเรียนรู้เทคโนโลยีระดับนานาชาติ อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผลงานประดิษฐกรรม และการสร้างโอกาสเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนักประดิษฐ์ไทย โดยนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่เข้าร่วมประกวดในปีนี้ จะได้รับโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายระหว่างนักประดิษฐ์ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีในอนาคต” ดร.วิภารัตน์ กล่าว
ส่วนในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2566 ผู้อำนวยการ วช.ได้ร่วมในพิธีมอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดีกับนักประดิษฐ์นักวิจัยได้รับรางวัลจากเวที “เจดี 2023” (JDIE 2023) ซึ่งทีมนักประดิษฐ์นักวิจัยไทยได้สร้างชื่อเสียงและการยอมรับในมาตรฐานของผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของประเทศไทยในเวทีนานาชาติอีกครั้ง รวมทั้ง มีการสร้างเครือข่ายเพื่อร่วมต่อยอดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมในทีมนักประดิษฐ์ เพื่อการพัฒนาประเทศสิ่งประดิษฐ์ให้เกิดการใช้งานในระดับต่างๆ
สำหรับ 17 หน่วยงานจากประเทศไทยที่ร่วมคว้ารางวัลในเวที “เจดี 2023” (Japan Design, Idea and Invention Expo : JDIE 2023) ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ, วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี, วิทยาลัยการอาชีพไชยา, โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี, โรงเรียนศรีษะเกษวิทยาลัย, สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, บริษัท เวลเนส เอเซีย จำกัด และ บริษัท ออล แคร์ อินโน กรุ๊ป จำกัด
สำหรับเวที “เจดี 2023” (JDIE 2023) เป็นงานประกวดและนำเสนอผลงานของนักประดิษฐ์นานาชาติซึ่งจัดขึ้นโดย “เวิล์ด อินเวนชั่น อินเทลเลคชวล พร๊อพเพอร์ตี้ แอสโซซิเอชั่น” หรือ “ไวป้า” (World Invention Intellectual Property Associations : WIIPA) ซึ่งเป็นหน่วยงานนานาชาติด้านการส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม ร่วมกับ “ชิไซ คอร์ปอเรชั่น” (Chizai Corporation) แห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง “เจดี 2023” มีผลงานประดิษฐ์คิดค้นจาก 20 กว่าประเทศ และมีผลงานร่วมเข้าประกวดและจัดแสดงมากกว่า 300 ผลงาน
ส่วนในปีนี้ วช. เป็นหน่วยงานกลางของประเทศไทยที่ได้รับมอบหมายจาก “ไวป้า” (WIIPA) ซึ่งเป็นเอ็กซ์คลูซีฟเอเจนซี่ (Exclusive Agency) ในการคัดเลือกผลงานประดิษฐ์คิดค้นและนวัตกรรมจากไทยเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงนิทรรศการในงานดังกล่าว โดยนำนักประดิษฐ์และนักวิจัยจากประเทศไทยมากกว่า 100 คน ร่วมนำเสนอผลงานในกลุ่มต่างๆ ได้แก่ เกษตรกรรม (Agriculture) , ชีวภาพ สุขภาพ และ สมรรถภาพของร่างกาย (Biotechnology, Health & Fitness), สิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน (Environmental & Renewable Energy), ระบบบริหารข้อมูลด้านลอจิสติกส์ และ มัลติมีเดีย (Logistics Control Tower หรือ I.CT และ Multimedia), การออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial Design), เครื่องจักรและอุปกรณ์(Machines and Equipment) รวมถึง การพิมพ์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Z Printing and Packaging Design)
เรียกว่าเวทีนี้เป็นเวทีใหญ่ระดับนานาชาติ ที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศซึ่งอยู่ในสายตาของประเทศญี่ปุ่น โดยชาวญี่ปุ่นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัย และมีความละเอียดพิถีพิถันจนได้รับการยกย่อง รวมไปถึงมีความอดทนในการนำพาประเทศสู่ความเป็นนิกส์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะฉะนั้นเมื่อผลงานประดิษฐ์และงานวิจัยของไทยสามารถคว้างรางวัลมาได้ถึง 27 รางวัล จากจำนวนผลงานที่เข้าประกวด 300 ผลงาน ใน 20 ประเทศ นับว่าไทยกำลังก้าวเข้าสู่ความมั่นคงระยะยาว โดยอาศัยรากฐานงานวิจัยที่แข็งแกร่งในประเทศ และ ได้รับการยอมรับในเวทีโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี