“พระพุทธบาทสูงค่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนำล้ำแหล่งท่องเที่ยว หนึ่งเดียวกะหรี่ปั๊บ นมดี ประเพณีตักบาตรดอกไม้งาม เหลืองอร่ามทุ่งทานตะวัน ลือลั่นเมืองชุมทาง” คำขวัญประจำจังหวัด “สระบุรี” จังหวัดในภาคกลางที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ด้วยระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตรเศษๆ และเป็นอีกหนึ่ง“เมืองท่องเที่ยว” ทั้ง “สายบุญ”สักการะรอยพระพุทธบาท ที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร “สายชิล” พักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย และ “สายกิน” กับอาหารขึ้นชื่อทั้งเนื้อวัว นมโค และขนมกะหรี่ปั๊บ
เมื่อเร็วๆ นี้ สระบุรียังได้รับเลือกให้อยู่ใน “แซนด์บ็อกซ์ (Sandbox)” หรือโครงการนำร่อง “เมืองคาร์บอนต่ำ”ซึ่งสืบเนื่องจากในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ประเทศไทยได้ให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี 2050 (2593) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero) ภายในปี 2065 (2608)
สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานหลักของหน่วยประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (National DesignatedEntity: NDE) ภายใต้กลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Mechanism) ของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) และได้เข้าร่วมประชุม COP มาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้มีความเข้าใจระบบนิเวศนวัตกรรมสีเขียวและตระหนักถึงความสำคัญ จึงได้ดำเนินการวิจัยเชิงระบบเพื่อวิเคราะห์ช่องว่างระบบนิเวศของประเทศและเห็นว่า กลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเชื่อมต่อการทำงานระหว่างภาคส่วนรายสาขาทั้งระดับชาติและนานาชาติ การใช้นวัตกรรมเข้ามาปฏิบัติยังมีช่องว่างอยู่จึงนำเสนอต่อ รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อให้มีการนำนโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เข้าสนับสนุนเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เปิดเผยว่า เหตุที่เลือก จ.สระบุรี เป็นเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย เนื่องจากมีภาคส่วนที่เข้มแข็งมากคือ สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA)ที่เป็นผู้ริเริ่มให้เกิดสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ และเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปล่อยคาร์บอนลดลง
“ปัจจุบันมีการกำหนดใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำในทุกงานก่อสร้างในจังหวัดสระบุรีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป การทำนาเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการใช้น้ำ การปลูกพืชพลังงาน หญ้าเนเปียร์ และนำของเหลือจากการเกษตรไปแปรรูปเป็นพลังงานทดแทน สร้างรายได้ให้ชุมชน รวมทั้งร่วมปลูกป่าชุมชน 38 แห่งทั่วจังหวัด ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก และนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างรายได้ให้ชุมชน” กิติพงค์ กล่าว
ทั้งนี้ สระบุรีเป็นจังหวัดที่มีความซับซ้อนและท้าทายมาก เพราะมีระบบเศรษฐกิจทั้งภาคอุตสาหกรรมหนัก การเกษตร การท่องเที่ยว มีความเป็นเมืองที่ผสมผสาน มีผลกระทบหลายภาคส่วน สามารถเป็นตัวแทนเสมือนของประเทศไทยได้จึงมีการบูรณาการกันเพื่อศึกษาเรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จและข้อจำกัดต่างๆ ในการเปลี่ยนสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ซึ่งด้วยข้อกำหนดในระดับนานาชาติเพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zero ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัวก่อนภาคส่วนอื่นๆ
โดยขณะนี้ประเทศไทยมี 3 อุตสาหกรรมที่ได้ลงมือทำแล้วคือ คืออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ และก่อสร้าง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดขึ้นได้จริง คือ กำหนดนโยบาย กฎหมาย มาตรฐาน การคัดแยกและจัดเก็บขยะเป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ กำหนดตัวชี้วัดในการติดตามผล ตลอดจนสร้าง Eco-system สนับสนุนสิทธิประโยชน์ในการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน
ผอ.สอวช. ย้ำว่า สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ถือเป็นการจุดประกายที่ทำให้เห็นว่าประเทศไทยแก้ปัญหาการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างถูกทาง จากความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยเฉพาะ TCMA ที่ได้ริเริ่มผลักดันร่วมกับ จังหวัดสระบุรี และการสนับสนุนจาก 7 กระทรวง และ สอวช. จนนำไปสู่ข้อเสนอ 4 แนวทาง เร่งเปลี่ยนไทยสู่สังคม ได้แก่ 1.สร้างสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย
2.เร่งผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้เป็นวาระแห่งชาติ 3.เปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืน ปลดล็อกข้อจำกัดโดยเปิดเสรีซื้อขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) และ 4.ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ยังไม่สามารถปรับตัวได้ เช่น SMEs แรงงาน เกษตรกร และชุมชน ซึ่งหากทุกภาคส่วนร่วมมือกันสร้างเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม
เชื่อว่า ประเทศไทยจะสามารถสู่เป้าหมาย Net Zero ได้ภายในเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี