วันอังคาร ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สกู๊ปพิเศษ : ‘PISA2022’บอกอะไรเรา (1)

สกู๊ปพิเศษ : ‘PISA2022’บอกอะไรเรา (1)

วันจันทร์ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 08.09 น.
Tag : สกู๊ปพิเศษ PISA2022
  •  

เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. 2566 ที่ผ่านมามีข่าวที่สร้างความตระหนกตกใจไม่น้อย กรณี องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เจ้าภาพจัดสอบ “PISA” หรือโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment) มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชนอายุ 15 ปี ซึ่งมีการจัดทดสอบขึ้นทุกๆ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ใน 3 ทักษะ คือคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน

โดย “ผลสอบของประเทศไทย ครั้งล่าสุดคือปี 2565 พบว่า คะแนนของเยาวชนไทยลดต่ำลงทุกด้านเมื่อเทียบกับการสอบครั้งก่อนหน้าในปี 2561” โดยคณิตศาสตร์ ผลสอบปี 2565 ได้ 394 คะแนน ลดลงจากปี 2561 ซึ่งได้ 419 คะแนน วิทยาศาสตร์ ผลสอบปี 2565 ได้ 409 คะแนน ลดลงจากปี 2561 ซึ่งได้ 426 คะแนน และการอ่าน ผลสอบปี 2565 ได้ 379 คะแนน ลดลงจากปี 2561 ซึ่งได้ 393 คะแนน อีกทั้งยังได้คะแนนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD ในทุกวิชา


เรื่องนี้ทำเอาเจ้าภาพหลักอย่าง กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นั่งไม่ติด ต้องออกมาชี้แจงถึง 2 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2566 สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่ากระศึกษาธิการกล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานเบื้องต้น ที่ทำให้คะแนนประเมิน PISA ต่ำลง ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความการเข้าถึงเทคโนโลยีที่อาจจะยังไม่ทั่วถึงเหมือนประเทศอื่นๆ ที่ส่งผลให้คะแนน PISA ต่ำลง ยอมรับว่า ทุกอย่างเป็นปัญหาและสะท้อนผลการศึกษาของประเทศ

 

ต่อมาในวันที่ 12 ธ.ค. 2566 รมช.ศธ. กล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง โดยเปิดเผยว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาผลประเมิน PISA เพื่อดูแลปัญหาแล้ว แน่นอนว่าหลักสูตรก็เป็นอีกเรื่องที่มีผล ซึ่งหลักสูตรที่ใช้ในปัจจุบันกำลังมีปัญหาก็ต้องมาพูดคุยกัน และในครั้งหน้าก็ได้ตั้งเป้าและรับประกันว่า สถานการณ์ต้องดีกว่าครั้งที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การสอบ PISA ได้ดำเนินการไปแล้ว ก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาบริหาร แต่ก็เป็นเรื่องดีที่สะท้อนว่าต้องแก้ไขสิ่งที่ยังเป็นปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องหลักสูตร รวมถึงปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษ ซึ่ง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพล.ต.อ.เพิ่มพูน และตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

แน่นอนว่าทั้งเรื่องบุคลากร หลักสูตร และอีกหลายๆ ด้านที่มีปัญหาในเรื่องภาษาอังกฤษที่เคยดำเนินการแก้ปัญหาแล้ว ซึ่งมีบางประเด็นก็ถูกยกเลิกไป แต่จะนำกลับมาทำอีกครั้ง ยืนยันว่าครั้งหน้าต้องดีกว่าเดิม ในส่วนกรอบการทำงานของคณะทำงานชุดนี้ จะให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ปลัดกระทรวงฯ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตั้งเป็นคณะทำงานโดย 1.หาปัญหาที่แท้จริงว่าคืออะไร 2.วิธีการแก้ไขมีอะไรบ้าง

“ในเรื่องของหลักสูตร และความรู้ในการใช้คอมพิวเตอร์ของเยาวชนไทยก็มีผล แต่ยอมรับว่า การสอบปิซ่าครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นในช่วงโควิด ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเปลี่ยนแปลงทั่วโลกทันที โดยเฉพาะการเรียนออนไลน์ ดังนั้นก็ต้องสะท้อนปัญหาตรงนี้ไปด้วยในสิ่งที่เราต้องคิดต่อยอด ส่วนกรอบเวลาของคณะทำงานฯ ชุดนี้ คงใช้เวลาไม่นาน” สุรศักดิ์ กล่าว

ในรายงานฉบับเต็มของ PISA สำหรับปี 2022 (หรือ พ.ศ. 2565) ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์ https://www.oecd.org/publication/pisa-2022-results/country-notes/ แล้วเลือก Thailand มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลการสอบและการศึกษาของไทยหลายประการ ไล่ตั้งแต่ 1.ผลลัพธ์โดยเฉลี่ยในปี 2565 ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2561 ทั้งในสาขาคณิตศาสตร์ การอ่าน และวิทยาศาสตร์ อีกทั้งประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยในปี 2565 ต่ำกว่าการประเมินครั้งก่อนๆ

โดยคะแนนเฉลี่ยที่ลดลงระหว่างปี 2561 - 2565 ได้รับการยืนยัน อีกทั้งตอกย้ำการลดลงที่เริ่มขึ้นก่อนหน้านี้ระหว่างปี 2555-2558 นอกจากนั้น ในรอบ 10 ปี หรือระหว่างปี 2555-2565 ผลการเรียนลดลงประมาณ 30 คะแนน ในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และประมาณ60 คะแนนในการอ่าน หรืออีกนัยหนึ่ง ซึ่งมากกว่าผลการเรียนปกติที่นักเรียนจะได้รับในช่วงอายุประมาณ 15 ปี ตลอดทั้งปีการศึกษา

ในช่วงล่าสุด (ปี 2561 - 2565) ช่องว่างระหว่างนักเรียนกลุ่มแข็งแกร่งที่สุด (กลุ่มร้อยละ 10 ที่ได้คะแนนสูงสุด) และนักเรียนกลุ่มอ่อนแอที่สุด (กลุ่มร้อยละ 10 ที่ได้คะแนนต่ำสุด) ลดลงในทางคณิตศาสตร์ ในขณะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในด้านการอ่านและวิทยาศาสตร์ในทางคณิตศาสตร์ นักเรียนเกือบทั้งหมดมีผลการเรียนที่อ่อนลง แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงกลับลดลงมากกว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จต่ำ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2555 สัดส่วนของนักเรียนที่ทำคะแนนได้ต่ำกว่าระดับความสามารถพื้นฐาน (ระดับ 2) เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ในวิชาคณิตศาสตร์ ร้อยละ 32 ในด้านการอ่าน ; และร้อยละ 19 ในสาขาวิทยาศาสตร์

2.เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ไทยนั้นอยู่ในกลุ่มได้คะแนนน้อย โดยนักเรียนในประเทศไทยได้คะแนนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย OECD ทั้งในวิชาคณิตศาสตร์ การอ่านและวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ นักเรียนในประเทศไทยมีสัดส่วนที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศ OECD ที่มีผลการเรียนดีเด่น (ระดับ 5 หรือ 6) ในอย่างน้อยหนึ่งวิชา ขณะที่มีสัดส่วนของนักเรียนที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศ OECD บรรลุระดับความสามารถขั้นต่ำ (ระดับ 2 หรือสูงกว่า) ในทั้ง 3 วิชา

เมื่อวิเคราะห์เป็นรายด้าน พบว่า “ด้านคณิตศาสตร์” นักเรียนร้อยละ 32 มีความรู้คณิตศาสตร์ระดับ 2 เป็นอย่างน้อย ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศ OECD อย่างมีนัยสำคัญ (ค่าเฉลี่ย OECD อยู่ที่ร้อยละ 69) อย่างน้อยที่สุดนักเรียนเหล่านี้สามารถตีความและรับรู้โดยไม่ต้องมีคำแนะนำโดยตรงถึงวิธีการแสดงสถานการณ์ง่ายๆ ทางคณิตศาสตร์ได้ (เช่น การเปรียบเทียบระยะทางรวมระหว่างสองเส้นทางอื่น หรือการแปลงราคาเป็นสกุลเงินอื่น)

ซึ่งเมื่อเทียบกับนักเรียนมากกว่าร้อยละ 85 ในสิงคโปร์ มาเก๊า (จีน) ญี่ปุ่น ฮ่องกง (จีน) ไต้หวัน และเอสโตเนีย (ตามลำดับจากมากไปน้อย) จะได้
คะแนนในระดับนี้หรือสูงกว่า ขณะที่มีนักเรียนในไทยเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่มีผลการเรียนดีที่สุดในวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาได้ระดับ 5 หรือ 6 ในการทดสอบคณิตศาสตร์ PISA (ค่าเฉลี่ย OECD อยู่ที่ร้อยละ 9)

โดย 6 ประเทศหรือดินแดนในทวีปเอเชียมีส่วนแบ่งนักเรียนมากที่สุด สิงคโปร์ (ร้อยละ 41) ไต้หวัน (ร้อยละ 32) มาเก๊า-จีน (ร้อยละ 29) ฮ่องกง-จีน (ร้อยละ 27), ญี่ปุ่น (ร้อยละ 23) และเกาหลีใต้ (ร้อยละ 23) ในระดับเหล่านี้ นักเรียนสามารถสร้างแบบจำลองสถานการณ์ที่ซับซ้อนทางคณิตศาสตร์ และสามารถเลือก เปรียบเทียบ และประเมินกลยุทธ์การแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับการจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้น อนึ่ง มีเพียงใน 16 จาก 81 ประเทศและดินแดนที่เข้าร่วมใน PISA 2022 เท่านั้นที่มีนักเรียนมากกว่าร้อยละ 10 ซึ่งผ่านการทดสอบในระดับ 5 หรือ 6

“ด้านการอ่าน” นักเรียนประมาณร้อยละ35 ในประเทศไทยทดสอบได้ระดับ 2 ขึ้นไป (ค่าเฉลี่ย OECD คือร้อยละ 74) อย่างน้อยที่สุด นักเรียนเหล่านี้สามารถระบุแนวคิดหลักในข้อความที่มีความยาวปานกลาง ค้นหาข้อมูลตามเกณฑ์ที่ชัดเจน แต่บางครั้งก็ซับซ้อน และสามารถสะท้อนถึงวัตถุประสงค์และรูปแบบของข้อความได้เมื่อได้รับคำสั่งให้ทำเช่นนั้นอย่างชัดเจน สัดส่วนของนักเรียนอายุ 15 ปีที่บรรลุระดับความสามารถในการอ่านขั้นต่ำ (ระดับ 2 หรือสูงกว่า) มีตั้งแต่ร้อยละ 89 ในสิงคโปร์ไปจนถึงร้อยละ 8 ในกัมพูชา

ในประเทศไทย แทบไม่มีนักเรียนคนใดได้คะแนนการอ่านตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไป (ค่าเฉลี่ย OECD อยู่ที่ร้อยละ 7) โดยผู้ที่ผ่านการทดสอบทักษะการอ่านตั้งแต่ระดับ 5 จะสามารถเข้าใจข้อความที่มีความยาว จัดการกับแนวคิดที่เป็นนามธรรมหรือขัดกับสัญชาตญาณ และสร้างความแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงและความคิดเห็นโดยอิงตามสัญญาณโดยนัยที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือแหล่งที่มาของข้อมูล

อนึ่ง “สำหรับการทดสอบด้านคณิตศาสตร์ เยาวชนไทยได้คะแนนน้อยกว่าตุรกีและเวียดนาม ซึ่งทั้ง 3 ชาติถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีสถานะเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน” ในประเทศไทย นักเรียนร้อยละ 33 (ส่วนแบ่งมากที่สุด) อยู่ในกลุ่มนานาชาติที่ต่ำกว่าในระดับเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ด้อยโอกาสที่สุดที่เข้าสอบ PISA ในปี 2565 คะแนนเฉลี่ยในวิชาคณิตศาสตร์คือ 375 คะแนน คะแนน ในตุรกีและเวียดนาม นักเรียนที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมที่คล้ายคลึงกันมักจะได้คะแนนสูงกว่ามาก

นอกจากนั้น นักเรียนที่มีความได้เปรียบทางเศรษฐกิจและสังคม (กลุ่มร้อยละ 25 แรกในแง่ของสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม) มีผลงานเหนือกว่านักเรียนที่ด้อยโอกาส (กลุ่มร้อยละ 25 ที่อยู่อันดับล่างสุด) ด้วยคะแนน 61 คะแนน ในวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งน้อยกว่าความแตกต่างโดยเฉลี่ยระหว่างทั้งสองกลุ่ม (93 คะแนน) ในประเทศ OECD ทั้งนี้ ระหว่างปี 2555-2565 ช่องว่างในผลการเรียนคณิตศาสตร์ระหว่างนักเรียนระดับบนและล่างร้อยละ 25 ในแง่ของสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงมีเสถียรภาพในประเทศไทย รวมถึงในกลุ่มประเทศ OECD
โดยเฉลี่ย

สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นตัวทำนายประสิทธิภาพทางคณิตศาสตร์ในประเทศและเศรษฐกิจที่เข้าร่วม PISA ทั้งหมด โดยคิดเป็นร้อยละ 10 ของการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพทางคณิตศาสตร์ใน PISA 2022 ในประเทศไทย (เทียบกับร้อยละ 15 โดยเฉลี่ยในประเทศ OECD) ขณะที่นักเรียนที่ด้อยโอกาสในประเทศไทยประมาณร้อยละ 15 สามารถทำคะแนนได้ในกลุ่มสูงสุดของผลการเรียนคณิตศาสตร์

ซึ่งนักเรียนเหล่านี้ถือได้ว่ามีความยืดหยุ่นทางวิชาการ เนื่องจากถึงแม้จะมีข้อเสียเปรียบทางเศรษฐกิจและสังคม แต่พวกเขาก็ยังได้รับความเป็นเลิศทางการศึกษาเมื่อเปรียบเทียบกับนักเรียนในประเทศของตนเอง โดยเฉลี่ยในประเทศ OECD นักเรียนที่ด้อยโอกาสร้อยละ 10 จะทำคะแนนได้ในกลุ่มสูงสุดของผลการเรียนคณิตศาสตร์เมื่อเทียบกับนักเรียนในประเทศของตนเอง

 

“ด้านวิทยาศาสตร์” นักเรียนในประเทศไทยประมาณร้อยละ 47 ผ่านการทดสอบในระดับ 2 หรือสูงกว่าในสาขาวิทยาศาสตร์ (ค่าเฉลี่ย OECD คือร้อยละ 76) อย่างน้อยที่สุด นักเรียนเหล่านี้สามารถรับรู้คำอธิบายที่ถูกต้องสำหรับปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่คุ้นเคย และสามารถใช้ความรู้ดังกล่าวเพื่อระบุ ในกรณีง่ายๆ ว่าข้อสรุปนั้นถูกต้องตามข้อมูลที่ให้ไว้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย มีนักเรียนเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่มีผลการเรียนดีเด่นด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีความเชี่ยวชาญในระดับ 5 หรือ 6 (ค่าเฉลี่ย OECD อยู่ที่ร้อยละ 7) โดยนักเรียนเหล่านี้สามารถนำความรู้และเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นอิสระ รวมถึงในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยด้วย

3.เพศหญิงมีคะแนนด้านการอ่านเหนือกว่าเพศชายอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับด้านคณิตศาสตร์ โดยเพศชายและเพศหญิงมีคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์ใกล้เคียงกัน แต่เพศหญิงมีคะแนนการอ่านสูงกว่าเพศชายอยู่ที่ 27 คะแนน ขณะที่ในด้านคณิตศาสตร์ทั่วโลก เพศชายมีผลงานดีกว่าเพศหญิงใน 40 ประเทศหรือดินแดน ส่วนเพศหญิงมีผลงานดีกว่าเพศชายในอีก 17 ประเทศหรือดินแดน และไม่พบความแตกต่างที่มีนัยสำคัญใน 24 ประเทศที่เหลือ

ในด้านการอ่าน โดยเฉลี่ยแล้ว เพศหญิงทำคะแนนได้เหนือกว่าเพศชายทั้งหมด ยกเว้น 2 ประเทศหรือดินแดนที่เข้าร่วม PISA 2022 (79 จาก 81) สำหรับประเทศไทย ส่วนแบ่งของผู้มีผลการเรียนต่ำมีความคล้ายคลึงกันในหมู่เพศชาย (ร้อยละ 69) และเพศหญิง (ร้อยละ 67) ในวิชาคณิตศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ในด้านการอ่าน สัดส่วนดังกล่าวมีมากกว่าในเพศชาย (ร้อยละ 60 ของเพศหญิง และร้อยละ 72 ของเพศชายได้คะแนนการอ่านต่ำกว่าระดับ 2) แต่เมื่อพูดถึงตัวแสดงชั้นนำ สัดส่วนในวิชาคณิตศาสตร์ก็ใกล้เคียงกัน คือร้อยละ 1 ทั้งเพศชายและเพศหญิง

4.แม้เยาวชนไทยส่วนใหญ่มีความสุขในโรงเรียน แต่พบสัดส่วนของผู้ที่ไม่พอใจในชีวิตสูงขึ้น ในปี 2565 นักเรียนในประเทศไทยร้อยละ 84 รายงานว่าพวกเขาผูกมิตรที่โรงเรียนได้อย่างง่ายดาย (ค่าเฉลี่ย OECD อยู่ที่ร้อยละ 76) และร้อยละ 76 รู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน(ค่าเฉลี่ย OECD คือร้อยละ 75) ในขณะเดียวกัน ร้อยละ 20 รายงานว่ารู้สึกเหงาที่โรงเรียน และร้อยละ 18 รู้สึกเหมือนคนนอกหรือถูกละเลยที่โรงเรียน (ค่าเฉลี่ย OECD คือร้อยละ 16 และร้อยละ 17) เมื่อเทียบกับปี 2561 ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนของนักเรียนในประเทศไทยดีขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว ความพึงพอใจของนักเรียนต่อชีวิตลดลงในหลายประเทศหรือดินแดนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 นักเรียนร้อยละ 13 ในประเทศไทยรายงานว่าพวกเขาไม่พอใจกับชีวิตของตนเอง โดยให้คะแนนความพึงพอใจต่อชีวิตระหว่าง 0 ถึง 4 ในระดับตั้งแต่ 0 ถึง 10 เพิ่มขึ้นจากในปี 2561 มีนักเรียนที่ไม่พอใจกับชีวิตร้อยละ 9 ถึงกระนั้น ค่าเฉลี่ยในประเทศกลุ่ม OECD สัดส่วนของนักเรียนที่ไม่พอใจกับชีวิตก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากร้อยละ 11 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 16 ในปี 2561 และร้อยละ 18 ในปี 2565

(อ่านต่อหน้า 5 ฉบับวันเสาร์ที่ 23 ธ.ค. 2566)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปพิเศษ : ชู‘เทศบาลเมืองมหาสารคาม’ ต้นแบบควบคุมยาสูบยั่งยืน สกู๊ปพิเศษ : ชู‘เทศบาลเมืองมหาสารคาม’ ต้นแบบควบคุมยาสูบยั่งยืน
  • สกู๊ปพิเศษ : ‘MUT – Imperial SABER Lab’ สร้างเครือข่ายนักวิจัยรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรม สกู๊ปพิเศษ : ‘MUT – Imperial SABER Lab’ สร้างเครือข่ายนักวิจัยรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรม
  • สกู๊ปพิเศษ : ตีโจทย์ขายเหล้าวันพระใหญ่ ที่ไหนทำได้-ทำไม่ได้ สกู๊ปพิเศษ : ตีโจทย์ขายเหล้าวันพระใหญ่ ที่ไหนทำได้-ทำไม่ได้
  • สกู๊ปพิเศษ : ‘เสียงจากดาวน์’ ปลดล็อคข้อจำกัดด้าน ‘การศึกษา’ สู่การพัฒนาอาชีพ-การจ้างงานในอนาคต สกู๊ปพิเศษ : ‘เสียงจากดาวน์’ ปลดล็อคข้อจำกัดด้าน ‘การศึกษา’ สู่การพัฒนาอาชีพ-การจ้างงานในอนาคต
  • สกู๊ปพิเศษ : ส่องมนต์เสน่ห์ธรรมชาติแห่ง ‘กุ้ยโจว’ อันซีนแดนมังกร หมุดหมายของเหล่านักเดินทาง สกู๊ปพิเศษ : ส่องมนต์เสน่ห์ธรรมชาติแห่ง ‘กุ้ยโจว’ อันซีนแดนมังกร หมุดหมายของเหล่านักเดินทาง
  • สกู๊ปพิเศษ : ถอดบทเรียนแก้ปัญหาการพนันในสถานประกอบการไทย สกู๊ปพิเศษ : ถอดบทเรียนแก้ปัญหาการพนันในสถานประกอบการไทย
  •  

Breaking News

อาเซียนเปิดประชุมร่วมจีน-ชาติอ่าวอาหรับ หวังจับมือฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก

บันเทิงเกาหลีสูญเสีย! 'ชเว จองอู'เสียชีวิตในวัย 68 ปี

แดนเซอร์คู่ใจ! 'โตชิ'คุกเข่าขอ'กระแต'แต่งงาน หลังคบหาดูใจ12ปี (คลิป)

‘น้าเดช’โพสต์ลอยๆ บอกเป็นอะไร เอาคนโดนถอดยศ-ริบเครื่องราชฯ มาบรรยาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved