‘ลำไย’บ้านร้องขุ้ม-เชียงใหม่
หวานละมุนด้วยนิเวศเกษตร
หากพูดถึงผลไม้ในช่วงฤดูฝนแล้ว คงหนีไม่พ้น “ลำไย” รสชาติหวานฉ่ำอย่างแน่นอน และแม้ว่าปัจจุบันพื้นที่การปลูกลำไยจะกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย แต่แหล่งใหญ่ยังคงเป็นที่ เชียงใหม่และลำพูน
เกษตรกรผู้ปลูกลำไยสามารถมีรายได้ประคองตัวผ่านพ้นมาทุกช่วงปีการผลิต ทว่าในปีนี้ฤดูฝนมาเร็วกว่าทุกปี ส่งผลให้เกิดวิกฤตราคาผลไม้รุนแรงอย่างมากในตลาดผลไม้แทบทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่ลำไยที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะลำไยปีนี้ออกช่อดก ผลผลิตที่มีจำนวนมากล้นตลาด ซึ่งข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีผลผลิตมากถึง 1.06 ล้านตัน มากกว่าปีที่แล้ว 12% ดังนั้นราคาลำไยจึงตกต่ำตั้งแต่ต้นฤดู เรียกได้ว่า “ขาดทุน” อย่างแน่นอน
ความไม่แน่นอนของผลผลิตและราคา ต้นทุนมากขึ้นทุกๆ ปี บางที่ต้องโค่นต้นลำไยหันไปปลูกพืชอื่น และที่แย่กว่านั้นคือ ผลกระทบต่อสุขภาพ จากสารตกค้างในเลือดของเกษตรกรเอง หลายๆ คนจึงอยากหยุดใช้สารเคมี
กลุ่มเครือข่ายเกษตรกรสวนผักฮักร้องขุ้ม ต.บ้านแม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ จึงหันมาเปลี่ยนแปลงการผลิตลำไย โดยการเลิกใช้สารเคมี ด้วยการเข้ามาสนับสนุนของ ศ.ดร.พวงรัตน์ แก้วล้อม อาจารย์ประจำภาควิชาสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นผู้เข้ามาปลุกปั้นเกษตรกรจากวิถีเคมีสู่วิถีอินทรีย์
“ลำไย” ของเกษตรกรบ้านร้องขุ้ม เป็นมากกว่า “ลำไยอินทรีย์” เพราะที่นี่ปลูกด้วยระบบนิเวศเกษตร เพราะไม่เพียงแค่การปลูกลำไยที่เป็นอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมีแล้ว ยังเป็นการอ้างอิงกับระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมภายในสวน ด้วยการใช้ธรรมชาติจัดการกันเอง ควบคู่ไปกับการใช้สารอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ เช่นเดียวกับการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาช่วยด้วย โดยมีห้องแล็บที่ได้รับความร่วมมือจากเอกชนเข้ามาดูแลร่วมด้วยเพื่อวิเคราะห์ เก็บตัวอย่าง รายงานผล และร่วมวางแผนผลิต
การทำสวนลำไยของเกษตรกรบ้านร้องขุ้ม มีการเข้มงวดตั้งแต่การทำบัฟเฟอร์โซน-พื้นที่กันชน หากแปลงหรือที่ติดกันยังมีการใช้สารเคมี เพื่อป้องกันละอองสารเคมีเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง เช่น การปลูกหญ้าเนเปียร์ ขณะที่น้ำที่ใช้ในการเกษตรหากเป็นน้ำที่มาจากแหล่งภายใน จะต้องมีบ่อพักและผ่านการกรองด้วยไบโอชาร์อีกด้วย
ลำไยบ้านร้องขุ้ม เหนือกว่าลำไยอินทรีย์ คือ นอกจากจะงดใช้สารเคมีทุกชนิด มีการใช้ป็นหมึก น้ำหมัก แล้วหันใช้สิ่งแวดล้อมภายในสวนดูแลจัดการกันเองตามระบบธรรมชาติ มีการปลูกพืชหลากหลายชนิด บางชนิดสามารถล่อและกันแมลงที่เป็นศัตรูลำไยได้ เลี้ยงผึ้งชันโรงเพื่อช่วยการผสมเกสรดอกลำไย ความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์กลับมาเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้สวนลำไย
ศ.ดร.พวงรัตน์ เล่าถึงการปรับเปลี่ยนวิถีของชาวสวนลำไยบ้านร้องขุ้ม ว่า เราเริ่มหันมาทำสวนลำไยระบบนิเวศเกษตร มา 4 ปีแล้ว ช่วยกันฟื้นฟูสวนและต้นลำไย ลำไยที่มีการใช้สารเคมีมาต่อเนื่องต้นจะไม่มีความแข็งแรง สังเกตได้จากเปลือกนอกที่จะร่อนแห้ง ใบเหลือง เพราะใส่สารเคมีเร่งดอก-ผล ฆ่าหญ้ากันหนอนกันแมลง สารพัดเรียกได้ว่าพ่นกันทั้งปี ซึ่งสารเคมีพวกนี้ก็จะลงไปในดิน ดินก็แห้งขาดความชุ่มชื้น ไม่มีแร่ธาตุธรรมชาติ เมื่อต้นลำไยดูดซึมอาหารทางดินขึ้นมาก็จะเจอสารตกค้างพวกนี้ไม่จบสิ้น ซึ่งจากการตรวจสารเคมีตกค้างเราพบมากถึง 30-40 ชนิด พืชเวลารับสารเคมีเข้าไปก็เครียด ผลผลิตก็ได้น้อยลง ลูกเล็กลงเรื่อยๆ เมื่อเป็นเยอะๆ ต้นก็จะตาย
แต่พอเราไม่ต้องใช้สารเคมีเลย มีตัวอาหารบำรุง น้ำหมักเป็นธาตุอาหาร น้ำหมักไล่แมลง มีการปลูกพืชผสมผสานช่วยดึงแมลง สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ดินตามธรรมชาติ ใช้ระบบนิเวศเกษตรจัดการภายใน ผลผลิตก็ดีขึ้น ลูกใหญ่ขึ้น ชาวสวนก็อยู่ได้ เพราะต้นทุนต่ำลง และที่สำคัญคือสุขภาพของชาวสวนที่ไม่ต้องรับสารเคมีตกค้างในร่างกายด้วย
ซึ่งเรื่องสุขภาพ นี้ได้รับการยืนยันจาก พี่หน่อย นายพิชาติ ชุ่มใจ เกษตรกรชาวสวนลำไยบ้านร้องขุ้ม เจ้าของสวนลำไยเนื้อที่ 5 ไร่ ที่เคยปลูกลำไยเคมีมาตลอดหลายสิบปี จนตาขวาสูญเสียการมองเห็นอันเป็นผลมาจากสารเคมี
พี่หน่อยเล่าว่า ในอดีตที่สวนลำไยจะมีการฉีดพ่นสารเคมีต่างๆ ซึ่งแม้ว่าจะใส่หมกหน้ากากกันละอองแล้ว แต่ก็ไม่รอด จนเรารู้สึกตาขวาเริ่มเจ็บและเรื้อรัง รักษามานาน แต่ก็ไม่สามารถรักษาได้ ทำให้ตาด้านขวามองไม่เห็นตนจึงเลิกใช้สารเคมีเด็ดขาด และมาเข้าร่วมเป็นเครือข่ายเกษตรกรสวนผักฮักบ้านร้องขุ้ม
ภายหลังเลิกใช้สารเคมีสุขภาพก็ดีขึ้น ต้นลำไยได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ดินดี สมบูรณ์ ผลผลิตก็ดีขึ้น ต้นทุนลดลงจากการใช้สารเคมีประมาณไร่ละ 2 หมื่นบาท เหลือไม่ถึงไร่ละ 1 หมื่นบาท ผลผลิตที่ได้ประมาณ 3-4 ตันต่อปี
รสชาติของลำไยอินทรีย์ของบ้านร้องขุ้ม แตกต่างจากลำไยทั่วไป คือ หวานละมุน เย็น ไม่หวานปรี๊ด คนที่เคยกินได้น้อยเพราะแสบปากแสบลิ้นก็กินได้ เด็ดจากต้นมากินได้เลย และที่สำคัญในลำไยยังมีสารแกลลิคซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าลำไยทั่วไปด้วย
ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดการปลูกลำไยอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรสวนผักฮักร้องขุ้ม ได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=61556545522908 หรือโทร. 66 (0)616598715
และเพื่อการโปรโมท ความอร่อยของลำไยบ้านร้องขุ้มนี้เอง จึงเป็นส่วนหนึ่งของการนำไปเป็นวัตถุดิบในโครงการ “เชียงใหม่กรีนคิทเช่น” ซึ่งเชฟในโรงแรมที่เป็นเครือข่ายนำเอาลำไยไปเป็นวัตถุดิบในการทำเมนูอาหารปลอดภัยและเพื่อช่วยโปรโมทลำไยเชียงใหม่ เช่น เชฟบิลลี่ แห่งโรงแรมมีเลีย ได้รังสรรค์เมนูพุดดิ้งลำไยรสชาติสุดอร่อย, เชฟไก่ ของโรงแรมยูนิมมานเชียงใหม่ ที่คิดค้นเมนูเป็ดรมควันไม้ลำไยซอสแกงเผ็ดทานคู่ข้าวยำลำไยสุดเข้ากัน, เชฟเดนเวอร์ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ ที่นำเอาลำไยไปเป็นส่วนผสมในอาหารตะวันตกได้อย่างกลมกลืน หรือถ้าจะเป็นเมนูไทยๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวก็มี อย่าง เชฟสุพจน์ โรงแรมแมริออท กับเมนูก๋วยเตี๋ยวลำไย สะท้อนความเป็นเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี