คนไทยมองบวกเศรษฐกิจปี’67ดีขึ้นไม่เชื่อวิกฤติแต่รับเงินดิจิทัลหมื่นบาท

คนไทยมองบวกเศรษฐกิจปี’67ดีขึ้นไม่เชื่อวิกฤติแต่รับเงินดิจิทัลหมื่นบาท

วันศุกร์ ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2567, 10.20 น.

“อปท.นิวส์โพล”เผยผลสำรวจคนไทยส่วนใหญ่ยังมองบวก  ไม่เชื่อว่าประเทศกำลังเผชิญวิกฤติและปีมะโรงเศรษฐกิจจะดีขึ้น  การกู้เงิน5แสนล้านบาทไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนแถมเพิ่มความเสี่ยง  แต่ถ้าแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทก็รับเอาไว้ใช้จ่าย  โดยรัฐบาลและพรรคการเมืองที่ออกนโยบายต้องร่วมกันรับผิดชอบ  

นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ  ผู้อำนวยการ อปท.นิวส์โพล  และ รศ.ดร.ธนสุวิทย์ ทับหิรัญรักษ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ระหว่างวันที่ 14-27 ธันวาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปภายใต้หัวข้อ  “ เงินดิจิทัล 10,000 บาท กู้มาแจกใครแบกหนี้ ”  โดยได้ออกแบบสอบสำรวจโดยใช้ฐานข้อมูลจากบัญชีรายชื่อสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์พร้อมลงสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ตอบแบบสอบถามในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน  1,328 คน เป็นชาย 650 คน  หญิง 599 คน ไม่ระบุเพศ 79 คน 


ในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามดังกล่าวเป็นผู้มีอายุ 50ปีขึ้นไป 37.7%  อายุ 20-30ปี 29.7%   อายุ 41-50 ปี 18.4%   อายุ 31-40 ปี 8.7%  และต่ำกว่า 20ปี 5.6%  ด้านการศึกษาส่วนใหญ่ระดับปริญญาตรี 52.8%  สูงกว่าปริญญาตรี  28.9%  ต่ำกว่าปริญญาตรี 18.3%  โดยมีทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ  พนักงานบริษัทเอกชน  ผู้ประกอบการอิสระ  ข้าราชการบำนาญ  ผู้เกษียณอายุ และนิสิตนักศึกษา

สำหรับคำถามสำคัญที่ว่าสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือว่าเป็นวิกฤติและมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องกู้เงิน 500,000 ล้านบาทเพื่อแจกเงินประชาชนหรือไม่  ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง  31.5%  รองลงมาไม่เห็นด้วย 29.5%  เห็นด้วยว่าวิกฤติ 11.7% และเห็นด้วยอย่างยิ่ง 10.3% อีก 17 % เฉยๆ

เมื่อถามว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะดีขึ้นหรือไม่  ส่วนใหญ่ 34.9% ตอบว่าน่าจะดีขึ้น   29.5% ตอบว่าไม่แน่ใจ   22.7% มองว่าน่าจะแย่ลง   8.1% เชื่อว่าจะแย่แน่ๆ  สวนทางกับอีก 4.7% ที่มั่นใจว่าจะดีขึ้นมาก จากประเด็นดังกล่าวทีมงานลงสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อตอกย้ำคำถามนี้พบว่าประชาชนยังเชื่อมั่นว่าปี 2567 เศรษฐกิจน่าจะขยับไปในทิศทางที่นี้กว่าปี 2566 เพราะรัฐบาลน่าจะสามารถใช้งบประมาณได้แต่ไม่ควรให้ประชาชนเฝ้ารอนานเกินไป

ถามว่าอยากได้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทหรือไม่  ส่วนใหญ่ 31.6% ตอบว่าเฉยๆ 24.4%  ตอบว่าอยากได้ และ อยากได้อย่างมาก  13.3%   มี 15.4% บอกว่าไม่อยากได้อย่างมาก  และไม่อยากได้ 15.2%  

ถามต่อไปว่าถ้ามีการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะรับหรือไม่  ผู้ตอบแบบสอบถาม 40.7% ตอบว่ารับ   และรับทันที16%  ไม่อยากรับเพราะไม่ต้องการ 13.2%  ไม่อยากรับ  11.7%  มีผู้ตอบเฉยๆ 18.3%  โดยเมื่อรับเงินแล้วจะใช้หรือไม่ 41% ตอบว่าจะทยอยใช้ และใช้ทันที 16.1%  ไม่ใช้แต่จะเก็บออม  4.6% ที่เหลือ 18.6% ยังยืนยันว่าไม่ต้องการ  และไม่ออกความเห็น 19.7%      

ต่อคำถามที่ว่าการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะกู้เงินเพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท มาแจกประชาชนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อประเทศหรือกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่   64.2% ตอบว่าเพิ่มความเสี่ยง   16.9% กระตุ้นเศรษฐกิจ   ไม่แน่ใจ 16%   ไม่สนใจขอให้ได้เงิน  1.4 %  ไม่เพิ่มความเสี่ยง 1.5 %โดยเฉพาะประเด็นนี้ทางคณะทำงานลงสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มต่างๆทั้งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า  กลุ่มเยาวชน กลุ่มข้าราชการ/เจ้าหน้าที่ของรัฐ กลุ่มพนักงานเอกชนและกลุ่มอาชีพอิสระในประเด็นยอมรับได้ไหมที่คนไทยต้องแบกหนี้จากการที่รัฐบาลออก พรบ กู้เงินในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เห็นพ้องตรงกันว่ายอมรับไม่ได้ที่จะต้องมารับหนี้จากรัฐบาลออก พรบ กู้เงินครั้งนี้ แต่หากออก พรบ กู้เงินควรมีความรอบครอบและโปร่งใสในการแจกเงินและต้องสร้างความเข้าใจต่อภาคสังคมให้มากกว่านี้

ถามว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้นใครควรรับผิดชอบ   38.4% ตอบว่าพรรคการเมืองที่ออกนโยบาย  30.9%ระบุว่ารัฐบาล  12.4% รัฐสภาที่ผ่านกฎหมาย   11.2% ระบุประชาชนที่รับเงินต้องรับผิดชอบ  ที่เหลือไม่แน่ใจ  7.1%  สุดท้ายแล้วนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลจะเป็นจริงหรือล้มเหลว  ส่วนใหญ่51.2% ไม่แน่ใจ   34.2% เชื่อว่าล้มเหลวแน่นอน  แต่ 14.5% เชื่อว่าจะเป็นจริงเพราะรัฐบาลตั้งใจทำงาน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top