วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สกู๊ปแนวหน้า : ‘ยากไร้’ใจกลางกรุง เด็กครัวเรือนชุมชนแออัด

สกู๊ปแนวหน้า : ‘ยากไร้’ใจกลางกรุง เด็กครัวเรือนชุมชนแออัด

วันเสาร์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 02.00 น.
Tag : สกู๊ปแนวหน้า
  •  

หลังจากที่สัปดาห์ก่อน วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. 2567 ได้นำเสนอ “โอกาสที่จำกัดของเด็กและเยาวชนในครัวเรือนยากจนในชนบท” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเสวนาสาธารณะ “เด็กและครอบครัวไทยที่ไม่ถูกมองเห็น : รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2024” จัดโดย “คิด for คิดส์” ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับ 101 PUB ในสัปดาห์นี้ จะเป็นเรื่องของ “เด็กและเยาวชนในครัวเรือนยากจนในเมือง” ที่มีปัญหาไม่แตกต่างกัน

“กรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมโอกาสของหลายๆ อย่าง มหาวิทยาลัย 21% ตั้งอยู่ที่นี่ เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรดีที่สุดในประเทศ ขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ถึง 1 ใน 3 ของประเทศนี้ งานทักษะสูงอยู่ในเมืองหลวงถึง 19.6% แต่ว่าเด็กและเยาวชนคนจนเมืองกลับเข้าไม่ถึงโอกาสเหล่านี้ เพราะมีต้นทุนแฝงบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงโอกาสนี้”


สรัช สินธุประมา ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) ฉายภาพ “ความเหลื่อมล้ำ” ในเมืองหลวงของไทยอย่างกรุงเทพฯ ที่แม้จะมีความเจริญมากที่สุด แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยไม่มีโอกาสเข้าถึงประโยชน์จากความเจริญนั้น ซึ่งคนจนเมืองก็มีอยู่หลายกลุ่ม อาทิ เด็กและเยาวชนในที่พักแรงงานก่อสร้าง เด็กเร่ร่อนในครัวเรือนคนไร้บ้าน แต่ที่มากที่สุดคือเด็กและเยาวชนในชุมชนแออัด ราว 1.7 แสนคน โดยในกรุงเทพฯ มีชุมชนแออัด 633 แห่ง หรือจำนวน 1.4 แสนครัวเรือน

ในจำนวนนี้ ร้อยละ 63 อยู่ในบ้านที่มีสภาพทรุดโทรมไม่แข็งแรง ร้อยละ 70 มีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย (รายได้น้อยกว่า 5,000 บาท/เดือน/ครัวเรือน) และร้อยละ 52 ของสมาชิกในครัวเรือนในชุมชนแออัดไม่มีงานทำนั่นหมายถึงครัวเรือนเหล่านี้มีอัตราพึ่งพิงสูง ขณะที่เมื่อดู “เส้นทางชีวิตของเด็กและเยาวชนในครัวเรือนชุมชนแออัด” ต้องบอกว่า “ถูกจำกัดโอกาสตั้งแต่เริ่มต้น” อาทิ ข้อมูลจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบเด็กและเยาวชนอายุ 3-18 ปี ในกรุงเทพฯ เกือบ 1.4 แสนคน ไม่มีข้อมูลในระบบการศึกษา

และแม้กรุงเทพฯ จะมีความพร้อมด้านบริการทางการแพทย์มากที่สุดในประเทศ แต่กลับพบเด็กในครัวเรือนยากจน (อายุ 6-12 ปี) เข้าถึงบริการทันตกรรมเพียงร้อยละ 7.8 น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 18.1 เสียอีก นอกจากนั้นยังพบว่า แม้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เป็นแหล่งงานทักษะสูง แต่ครัวเรือนยากจนที่อยู่ในย่านใจกลางเมือง คนรุ่นลูกกลับมีโอกาสเลื่อนฐานะให้ดีขึ้นกว่ารุ่นพ่อแม่ ได้น้อยกว่าครัวเรือนยากจนที่อยู่ในย่านชานเมือง

“เรื่องการศึกษาของเด็กคนจนเมือง ก็มีอีกหลายเรื่องที่มีค่าเข้าถึงโอกาสที่มีราคาแพงเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นๆ โดยทั่วไป ความแพงของการศึกษาแบ่งเป็น 2 แบบ คือในแง่ค่าใช้จ่ายกับในแง่ค่าเสียโอกาส ค่าใช้จ่าย เช่น ชุดนักเรียน แม้ปัจจุบันจะมีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี มีการอุดหนุนค่าใช้จ่ายทางการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชน แต่ 90% ของเด็กและเยาวชนในชุมชนคนจนเมืองไม่มีเงินออมทำให้เขาไม่มีกระแสเงินสดสำรองพอที่จะสำรองจ่ายค่าชุดนักเรียนได้ ไม่สามารถซื้อชุดนักเรียนก่อนเพื่อเอาใบเสร็จไปเบิกกับโรงเรียน” สรัช ระบุ

ประการต่อมา แม้เด็กในเมืองอย่างกรุงเทพฯ จะไม่ต้องเดินทางไกลไปเรียนแบบเด็กในชนบทหรือต่างจังหวัด แต่ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ก็เป็นอุปสรรคสำคัญในเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 30-100 บาทต่อวัน ถือว่าสูงมากสำหรับครัวเรือนยากจน ซึ่ง สรัช ยกตัวอย่างเด็กยากจนคนหนึ่งที่พบระหว่างการลงพื้นที่สำรวจ แม้บ้านของเด็กคนนี้จะอยู่ที่เขตราชเทวี เป็นเด็กเรียนดีได้ทุนการศึกษาไปเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตดินแดงระยะทางที่ดูไม่ไกลนี้ อุปสรรคด้านค่าเดินทางก็ยังทำให้เด็กคนนี้ต้องถอดใจยอมแพ้

และไม่ต่างจากเด็กยากจนในชนบท “ความยากจนทำให้หลายคนเลือกทิ้งโอกาสในการเรียนสูงๆ เพราะต้องการหางานทำมีรายได้เฉพาะหน้า” เช่น เด็กคนหนึ่งฝันอยากเป็นวิศวกร แต่เลือกเรียนสายอาชีพเพราะเป็นหลักประกันรายได้ให้ครอบครัว “ปัญหานี้จะยิ่งรุนแรงหากครอบครัวนั้นมีความเปราะบางซ้ำซ้อน”หมายถึงมีสมาชิกในครอบครัวเป็นกลุ่มพึ่งพิง เช่นคนพิการ คนชรา ผู้ป่วยติดเตียง ทั้งนี้ มีข้อค้นพบว่า กลุ่มครัวเรือนยากจนที่สุดและกลุ่มครัวเรือนร่ำรวยที่สุด มีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาต่างกันถึง 12 เท่า

เมื่อดูในแง่ของ “ความเป็นชุมชน” ยังพบว่า “ภายในชุมชนแออัดมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ความยากจนกดดันให้ต้องแก่งแย่งเพื่อแสวงหาความช่วยเหลือจากภายนอก” แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในครัวเรือนในชุมชนด้วย เช่น ไม่ได้ลงชื่อรับความช่วยเหลือสิ่งของต่างๆ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ถูกกัน อนึ่ง นอกจากปัจจัยดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว “นโยบายการพัฒนาเมืองยังซ้ำเติม” เช่น ชุมชนที่เผชิญปัญหาถูกไล่รื้อ ครูไม่สามารถลงพื้นที่ไปเยี่ยมบ้านนักเรียนได้ เพราะไม่ได้รับความไว้วางใจจากชุมชน ทำให้ครูไม่ทราบปัญหาของนักเรียน

“เรื่องของอาชีพคนจนเมือง อาชีพหาบเร่เป็นอาชีพหลักของคนจนเมือง แต่ว่าผู้ประกอบการอาชีพหาบเร่แผงลอยลดจำนวนลงอย่างมาก จากที่มี 1.4 แสนราย ช่วงก่อนโควิด ปัจจุบันเหลืออยู่ราว 1.9 หมื่นรายเท่านั้น สาเหตุก็มีหลายอย่าง ต้นทุนสูงขึ้นจากนโยบายจัดระเบียบเมือง คนเมืองหันไปใช้บริการ Food Delivery (สั่งอาหาร) มากขึ้นสิ่งที่กระทบมากกับคนจนเมืองคือผู้สูงอายุที่ทำอาชีพนี้มานาน แล้วก็ไม่สามารถหาอาชีพใหม่ได้

ผู้สูงอายุเหล่านี้ตั้งถิ่นฐาน อพยพเข้ามาในกรุงเทพฯ เป็นเวลายาวนานมากกว่า 40-50 ปีแล้ว แต่การพัฒนาเมืองในระยะหลัง ที่เราเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่มองไม่เห็นคนจนสักเท่าไร เปลี่ยนสถานะของพวกเขาจากผู้บุกเบิก คนที่เข้ามาบุกเบิก ตั้งบ้านเรือนแทรกตัวเข้ามาอยู่ในเมืองเพื่อหาโอกาสต่างๆ ในกรุงเทพฯ ถูกเปลี่ยนให้เป็นผู้บุกรุก ถูกดำเนินคดี” สรัช ยกตัวอย่าง

ท้ายที่สุดแล้ว “ปัญหาเด็กยากจนในเมืองไม่ใช่แค่เรื่องในเมือง” อาทิ การเก็บข้อมูลในย่านหัวลำโพง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นย่านของคนเร่ร่อน เด็กและเยาวชนถูกกดดันให้ต้องเข้าสู่เส้นทางการขายบริการทางเพศหรือไม่ก็ค้ายาเสพติด โดยปัจจัยหนึ่งคือ ย้อนไปหลายปีก่อน ในช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายรถไฟฟรี ทำให้เด็กและเยาวชนที่มีปัญหากับทางบ้าน ตัดสินใจหนีออกจากบ้านนั่งรถไฟจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ และแม้ต่อมาารถไฟจะย้ายไปจอดที่อื่น (เช่น สถานีกลางบางซื่อ) แต่ชุมชนแออัดย่านหัวลำโพงก็ยังดำรงอยู่

สรัช ฝากทิ้งท้ายว่า การที่มีปัญหารอบกรุงเทพฯ เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง ทำให้ขนาดของปัญหาใหญ่มากขึ้น และแม้กรุงเทพฯ จะมีบริการหลายอย่างที่ดี แต่บางเรื่อง เช่น กลไกคุ้มครองเด็ก ไม่ได้สัดส่วนกับปัญหา โดยมีบ้านพักเด็กและครอบครัวเพียง 1 แห่ง ไม่สามารถดูแลเด็กได้ทั่วถึง ซึ่งปัจจุบันการดูแลเด็กมักเป็นบทบาทขององค์กรนอกชุมชนหรือมูลนิธิต่างๆ อนึ่ง หลายเมืองนอกจากกรุงเทพฯ ก็กำลังมีโครงการพัฒนาเมือง ซึ่งอีกมุมหนึ่งก็หมายถึงผลกระทบที่เกิดกับเด็กและเยาวชนในครัวเรือนยากจนเช่นกัน

ดังนั้นแล้ว “รัฐต้องเข้าใจเงื่อนไขชีวิตของคนจนให้มากขึ้น” และลดต้นทุนโอกาสเพื่อให้คนเหล่านี้ได้เข้าใกล้ความฝันได้มากขึ้น!!!

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’ สกู๊ปแนวหน้า : ฟื้น‘กะปิกุ้งเคย’ ภูมิปัญญา‘เกาะลิบง’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย สกู๊ปแนวหน้า : ‘โครงสร้างประชากร’ ระเบิดเวลาสังคมไทย
  • สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’ สกู๊ปแนวหน้า : ลดความสูญเสียบนถนน เป้าที่ท้าทายของ‘ปราจีนบุรี’
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน สกู๊ปแนวหน้า : ‘เหลื่อมล้ำ’ด้านการศึกษา ปัจจัยมากกว่าระบบโรงเรียน
  • สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง สกู๊ปแนวหน้า : ‘ลมแดด’ภัยหน้าร้อน ‘ไรเดอร์’อีกอาชีพเสี่ยง
  • สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สกู๊ปแนวหน้า : ปั้นครีเอเตอร์ไทยสู่ผู้ประกอบการ เสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
  •  

Breaking News

'ภูมิธรรม'นั่งมท.1 ปัดหวังล้างแค้น'ภท.'คดีเขากระโดง ลั่นหากไม่ผิด ก็ไม่มีใครทำอะไรได้

ยันเป็นเขตแดนไทย! ทบ.แจง Google Map ไม่มีผลด้านกฎหมาย หลังหมุดปราสาทโผล่เขมร

บุกทลายร้านชำกระทุ่มแบน! พบปืนเถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า น้ำท่อม ยาแก้ไอ วงพนันครบครัน

พลังบวกเชิงลบ!! 'ปกรณ์วุฒิ'ต้อนรับ'ภท.' บอกทำงานสบายๆ เพราะไม่ได้อยู่กันด้วยความสมัครใจ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved