เมื่ออ่านชื่อบทความนี้แล้ว ท่านผู้อ่านไม่ว่าจะเป็นแดง ส้ม น้ำเงิน หรือ แดง ขาว น้ำเงิน ขาว แดง ก็คงจะบอกว่า เขียนมาทำไม ทุกคนก็รักชาติกันอยู่แล้ว และจะต้องธำรงค์ชาติไปทำไม เราก็อยู่เป็นประเทศไทยมาโดยเรียบร้อยเกือบสิบศตวรรษ
แต่กรุณาอย่าลืมว่า คนไทยชอบเป็น “พลังเงียบ” จึงทำให้มี คำพังเพย หรือสุภาษิต มากมาย อยู่ในวัฒนธรรมไทย อาทิ
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
อย่าเอาไม้ซีก ไปงัดไม้ซุง
รู้อะไรไม่สู้ รู้วิชา รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี
พูดไปก็สองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
บทบาทของ ชมรมคนรักชาติ และธำรงค์ชาติก็น่าจะเป็นชมรม ของชุมชน (Community) ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น
-ชุมชน วปอ., ศิษย์เก่า วปอ.
-ชุมชน ปปร. หลักสูตรต่างๆ, ชุมชนศิษย์เก่า ปปร.
-ชุมชนนักศึกษาสร้างชาติ (นสช.) รุ่น 1-20, สมาคมศิษย์เก่า นสช.
-ชุมชน วตท. รุ่นต่างๆ และชุมชนศิษย์เก่า วตท.
-ชุมชน DCP รุ่นต่างๆ และชุมชนศิษย์เก่า IOD
-ชุมชนภูมิพลังแผ่นดินรุ่นต่างๆ และชุมชน
ศิษย์เก่า ภพผ.
-และชุมชนหลักสูตรต่างๆ รุ่นต่างๆ และชุมชนศิษย์เก่าของหลักสูตรเหล่านี้ อีกมากมาย
รวมทั้งชุมชนศิษย์เก่ารุ่นต่างๆ และสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร
ชุมชนอดีตนักศึกษารุ่นต่างๆ ของคณะต่างๆ และสมาคมศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยต่างๆ
ชุมชน จปร. รุ่นต่างๆ และสมาคมศิษย์เก่า จปร.
ชุมชน นร.นายเรือรุ่นต่างๆ และสมาคมศิษย์เก่า นร.นายเรือ
ชุมชน นร.นายเรืออากาศรุ่นต่างๆ และสมาคมศิษย์เก่า นร.นายเรืออากาศ ฯลฯ
และสมาคมต่างๆ อีกมากมายหลายชุมชน(Communities) รวมทั้งสมาคมแซ่ต่างๆ ที่เป็นคนไทย เชื้อสายจีน
แต่ละชุมชน แต่ละรุ่น แต่ละหลักสูตร แต่ละสมาคมศิษย์เก่า แต่ละโรงเรียน แต่ละสถาบัน ก็มีกิจกรรม นัดพบปะ ทานอาหารกลางวันหรือเย็นร่วมกัน ออกทัศนาจรร่วมกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน อยู่เป็นประจำ
ซึ่งคอลัมน์นี้ก็ขอให้ท่านทำต่อไป เพื่อความรัก ความสามัคคี ระหว่างกัน อันเป็นรากฐานของความมั่นคงของชาติไทย สืบต่อไป
แต่ที่ผู้เขียน มาเสนอแนะให้ท่าน ตั้งชมรมคนรักชาติ และธำรงค์ชาติ ขึ้นมาอีก ในชุมชนของท่าน (หลักสูตรต่างๆ ของสถาบันต่างๆ โรงเรียนต่างๆ รุ่นต่างๆ)โดยท่านไม่ต้องหยุดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ เลี้ยงรุ่น เช่นที่ทำอยู่ ก็โดยเหตุผลดังต่อไปนี้
พระบรมราโชวาท ของพ่อของประชาชนชาวไทย ที่เราเคารพรักเป็นที่สุด เมื่อปีพ.ศ. 2512 มีใจความว่า
“ขอให้ทราบถึงสิ่งสำคัญในการปกครองไว้ว่า ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
พวกเราในชุมชนต่างๆ ที่เอ่ยถึงข้างต้น ได้มาวิเคราะห์กันไว้บ้างหรือเปล่าว่า พระบรมราโชวาทของพระองค์แต่ละวรรคนั้น เป็นสัจธรรม (ความจริงที่ไม่ตาย) แค่ไหน
ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
นี่ก็เป็นสัจธรรมอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในประเทศใด :-
ก็ต้องมีทั้งคนดี และคนไม่ดี
คนไม่โกง และคนโกง
คนดีมีศีลธรรม และคนชั่วที่ก่อแต่อาชญากรรม
คนสุจริตคิดดีทำดี และคนทุจริตคิดชั่วประจำ
ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
ก็เป็นอมตะวาจาของพระองค์ท่าน ของพระโพธิสัตว์ของเรา
การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย
จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
นี่ก็เป็นความจริงอย่างยิ่ง เพราะไม่มีประเทศใด
สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
เพราะถ้าคนดีได้ปกครองบ้านเมืองแล้ว
ก็จะสร้างคนดี ความดี เพิ่มขึ้น
เพราะถ้าคนดีได้ปกครองบ้านเมืองแล้ว ก็จะควบคุมคนไม่ดี
ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
ชุมชนที่ท่านสังกัดอยู่ ตามที่เอ่ยถึงข้างต้น
ได้ทำอะไรไปบ้างหรือยัง
เพื่อที่จะส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
ถ้าท่านไม่ได้ทำอะไรไว้บ้างเลย
บ้านเมืองก็คงจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
ท่านพอใจแล้วหรือ ในสภาพที่เราอยู่กันมาเช่นนี้
93 ปี นับจากปีพ.ศ. 2475
และเรายังอยู่เช่นนี้อีกกี่ร้อยปี
หากแต่ละชุมชนได้ช่วยกันทำตามหัวเรื่องของคอลัมน์นี้
ปรับทุกข์กันได้ ก็ดีแน่
ถ้าช่วยกันหาทางแก้ ก็ดียิ่ง
โดยการรวมตัวกันเป็น ชมรมคนรักชาติ และธำรงค์ชาติ ขึ้นมาในชุมชนของท่าน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนใด สถาบันใด รุ่นใด เพื่อมาปรับทุกข์เรื่องสภาพบ้านเมืองของเราในปัจจุบัน และช่วยกันคิดหาทางแก้
เอาเฉพาะคนที่เห็นด้วยกับบทความในคอลัมน์นี้ คนใดยังไม่สะดวกจะเข้า “ชมรมคนรักชาติ และธำรงค์ชาติ” ก็ให้เป็นสมาชิกของชุมชนของท่านต่อไปนัดทานอาหาร สังสรรค์ ทัศนาจร กันต่อไป สร้าง connection กันต่อไป ไม่มีอะไรเสียหาย
ตั้งชมรมคนรักชาติ และธำรงค์ชาติ เพื่ออะไร
เพื่อหาทางส่งเสริมคนดี
ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
ยิ่งมีมากชมรม ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ใช้นวัตกรรมของคนไทยเอง
ไม่ต้องไปคัดลอกประชาธิปไตยแบบตะวันตก
ที่เราใช้มาในทุกวันนี้
หากยังไม่ทราบว่าจะไปทางไหนดี ก็โปรดลองหาหนังสือเล่มเล็กๆ ไปอ่านสัก 1 เล่ม แล้วเอาไปคิดกันว่า วิธีการในการหาคนดีมาปกครองบ้านเมือง ในหนังสือเรื่อง “ประชาธิปไตยแบบไทยคิด” หรือ ประชาธิปไตยแบบสมดุล (Balanced Democracy) ที่จะเอานักบริหารมืออาชีพ ที่เป็นคนดี จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชากิจ มาปกครองบ้านเมือง จะเป็นทางออกได้ไหม หรือว่าจะต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หรือคิดกันขึ้นมาใหม่ แล้วเผยแพร่แลกเปลี่ยนกันพิจารณาระหว่างชมรมต่างๆ ก็ย่อมทำได้
เป็นองค์กรเลือกตั้ง (Electoral Body) ที่แยกจากองค์กรเลือกตั้ง ของอำนาจนิติบัญญัติ และองค์กรเลือกตั้ง ของอำนาจตุลาการ
ดังนี้แล้ว จึงจะเป็นการวางดุลแห่งอำนาจอธิปไตยทั้งสาม ที่เหมาะสม แต่ละอำนาจจึงจะควบคุม ดูแลกันเองอย่างได้ผล ไม่มี Conflict of interests เช่นในระบบปัจจุบัน
และประเทศไทยจะได้มีคนดีมาปกครองบ้านเมือง ตามที่ “พ่อของประชาชนชาวไทย” ได้ทรงแนะนำไว้เมื่อ 56 ปีที่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี