เมื่อต้นปี พ.ศ. 2568 นี่เอง มีหนังสือได้รับการตีพิมพ์เป็นเล่มออกแจกจ่าย ชื่อว่า “การธำรงค์ชาติ” ซึ่งมีอยู่เรื่องหนึ่ง ชื่อ “บทบาทของศาสนากับความอยู่รอดของชาติ” ซึ่งเป็นเรื่องของพิธีเปิด “โครงการถวายการดูแลสุขภาพ ให้กับพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และผู้นำทางศาสนาฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2568” ณ ศาลาหลวง วัดภูเก็ต อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยมี ฯพณฯ องคมนตรี นายพลากร สุวรรณรัฐ เป็นประธานในพิธี ดังภาพ 3 ภาพ ที่อยู่ข้างล่างนี้
เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2568 นี้เอง ก็มีกิจกรรมที่น่าชื่นชมเกิดขึ้นที่ประเทศไทย เมืองแห่งพุทธศาสนาที่ชาวไทย นับถือศาสนาต่างๆ กัน สามารถอยู่ร่วมกัน และมีพิธีทางศาสนาร่วมกันได้ อย่างสันติ ด้วยความรักใคร่ในความเป็นไทยด้วยกัน ในความสมานฉันท์ระหว่างกัน จนกว่าชีวิตจะหาไม่
กิจกรรมดังกล่าว ได้แก่ พิธีครบรอบการก่อตั้งสมาคมอัสสัมชัญ 121 ปี วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 ณ สมาคมอัสสัมชัญ เลขที่ 4810 ถนนพระราม 4 กรุงเทพมหานคร ภายใต้การนำของ พลเรือเอกประพฤติพร อักษรมัต นายกสมาคม คณะกรรมการบริหารของสมาคม และศิษย์เก่าผู้นับถือศาสนาต่างๆ และสืบเชื้อสายต่างๆ มาร่วมงานกันแน่นขนัด
พิธีเริ่มต้นด้วยพิธีทางศาสนาคริสต์ คุณพ่ออัครนนท์ กิจเจริญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ ประกอบพิธีวจนกรรม
ต่อด้วยพิธีทางศาสนาอิสลาม ซึ่งมี กัปตันวรวุฒิ วงศ์โกสิตกุล นักเรียนเก่าอัสสัมชัญ รุ่น 89 เลขประจำตัว 22485 และนายแพทย์วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล อัสสัมชนิก รุ่น 89 เลขประจำตัว 22466 อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดยะลา (6 ปี) และผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า (6 ปี)
ท่านได้ออกมาสวดมนต์ของศาสนาอิสลาม เป็นภาษาอาหรับ อวยชัยให้พรอัสสัมชนิกที่มาร่วมงาน และที่มิได้มาร่วมงาน ศิษย์เก่าอัสสัมชัญอื่นๆ สมาคมอัสสัมชัญ และประชาชนชาวไทย ให้มีแต่ความสุขความเจริญ ความรักใคร่กันฉันท์พี่น้อง การอยู่ร่วมกันโดยสันติ ช่วยกันพัฒนาชาติไทยให้ก้าวหน้าทันโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ศาสนาที่ 3 ได้แก่พิธีทางศาสนาซิกข์ ซึ่งประกอบพิธีโดย MR.GURDEEP SINGH ศาสนาจารย์ และ นายราชันย์ เศรษฐีใจเย็น แห่งสมาคมศรีคุรุสิงห์สภา สถาบันศาสนาซิกข์แห่งประเทศไทย อุทิศผลานิสงส์แด่บรรดาอัสสัมชนิกผู้ล่วงลับไปแล้ว และอวยชัยให้พรที่ยังอยู่ในปัจจุบัน
พิธีทางศาสนาพุทธ ก็ได้เริ่มต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นำโดยท่านเจ้าคุณพระศรีวชิราภรณ์ (ดร.,ผจล.,ป.ธ.๙) เลขานุการวัดยานนาวา เป็นประธานสงฆ์ พร้อมคณะสงฆ์อีก 8 รูป รวมเป็น 9 รูป ได้ทำพิธีอาราธนาศีล สวดมนต์ถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สวดมนต์ให้พรแก่สมาคมอัสสัมชัญ ศิษย์เก่า นักเรียนปัจจุบัน ผู้เข้าร่วมพิธี และชาวพุทธทั้งปวง
หลังจากนั้น ก็เป็นการถวายอาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ และมีการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ระหว่างศิษย์เก่าอัสสัมชัญ ที่มาร่วมงาน และผู้แทนของสมาคมจตุรมิตร อันได้แก่ สมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ สมาคมนักเรียนเก่าสวนกุหลาบ สมาคมนักเรียนเก่ากรุงเทพคริสเตียน ซึ่งทั้ง 4 สมาคมนี้ มีการเล่นกีฬากระชับมิตรกันเป็นประจำทุกปี
โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1885 นับจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 140 ปี แต่สมาคมอัสสัมชัญ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1904 (พ.ศ. 2447) โดยอุปสังฆราช มิซซังสยาม คุณพ่อเอมิล ออกัสต์ กอ-ลอมเบต์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2428
เมื่อท่านกลับจากการไปพักรักษาตัวที่ฝรั่งเศส ประมาณ 2 ปี และกลับมาทำหน้าที่ในประเทศไทยอีกเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) ท่านชื่นใจที่เห็นนักเรียนเก่าเชื้อชาติต่างๆ ของโรงเรียนที่ท่านตั้งไว้เมื่อ 17 ปีก่อน (พ.ศ. 2428) ได้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นกำลังสำคัญทั้งในด้านรัฐกิจ ธุรกิจ และประชากิจของชาวสยาม ท่านจึงแนะนำให้รวมกันตั้ง “สโมสร” ขึ้นไว้ เพื่อให้อัสสัมชนิก ไม่ว่าตระกูลไหน เชื้อชาติไหน ศาสนาใดก็ตาม ใช้เป็นที่ประชุม คุยกัน ปรึกษาหารือ พึ่งพาอาศัย และช่วยเหลือทุกข์ร้อน กันต่อไป
โดยท่านได้เปิด “สโมสรนักเรียนเก่าอัสสัมชัญ” ขึ้นที่ตึก 2 ชั้น ริมถนนบูรพา (ตรอกโอเรียนเต็ล) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) และกรรมการรุ่นแรกของสโมสรได้แก่
มหาอำมาตย์ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ผ่อง โชติกะพุกกะณะ)
นาวาเอก พระยาศราภัยพิพัฒ (เลื่อน ศราภัยวานิช)
นาวาเอก พระเรี่ยมวิรัชชพากษ์ (เรี่ยม ทรรทรานนท์)
และท่านอื่นๆ อีก เช่น เอก วีสกุล, อี.เอ. นานา, เอี่ยม สีบุญเรือง เป็นต้น
ต่อมานายเสนาะ จุลวัจนะ เจ้าของแว่นตาภิรมย์เภสัช กรรมการสมาคมฯ ร่วมกับนายเจิม ภูมิจิตร นายบุญวงศ์ อมาตยกุล นายอุเทน เตชะไพบูลย์ นายประธาน ดวงรัตน์ ได้ไปซื้อที่ริมถนนพระราม 4 อำเภอพระโขนง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมาคม และเป็นสมบัติของสมาคม ตลอดมาจนทุกวันนี้
นายกสมาคมอัสสัมชัญ ที่ได้มีส่วนในการสร้างความยั่งยืนให้แก่สมาคม และนักเรียนเก่าอัสสัมชัญ ตามที่คุณพ่อ กอ-ลอมเบต์ ตั้งความปรารถนาไว้ ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา ก็น่าจะได้แก่
นายวัลลภ เจียรวนนท์ นายจรัญ บุรพรัตน์
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ พลเรือเอกประพฤติพร อักษรมัต
และอีกหลายท่านก่อนหน้านั้น ที่ไม่สามารถเอามาเอ่ยนามได้ครบทุกท่าน
ส่วนศิษย์เก่า ที่ทำชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน และแก่สมาคมอัสสัมชัญ โดยได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารของประเทศ (นายกรัฐมนตรี) ได้แก่
1.พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) 28 มิถุนายน - 10 ธันวาคม 2475
(นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ของยุคประชาธิปไตย) 10 ธันวาคม 2475 - 1 เมษายน 2476
1 เมษายน 2476 - 21 มิถุนายน 2476
2.พันตรี ควง อภัยวงศ์ 1 สิงหาคม 2487 - 31 สิงหาคม 2488
(นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของประเทศไทย) 31 มกราคม 2489 - 24 มีนาคม 2489
9 พฤศจิกายน 2490 - 21 กุมภาพันธ์ 2491
21 กุมภาพันธ์ 2491 - 8 เมษายน 2491
3.หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 17 กันยายน 2488 - 31 มกราคม 2489
15 กุมภาพันธ์ 2518 - 14 มีนาคม 2518
20 เมษายน 2519 - 25 กันยายน 2519
25 กันยายน 2519 - 6 ตุลาคม 2519
4.ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ 14 ตุลาคม 2516 - 22 พฤษภาคม 2517
27 พฤษภาคม 2517 - 15 กุมภาพันธ์ 2518
ส่วนศิษย์เก่าคนต่อไปที่อาจจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เหมือนรุ่นพี่ ก็น่าจะได้แก่คนที่มีอักษรนำของชื่อตัว “อ.อ่าง” ซึ่งคงมิใช่ อมร จันทรสมบูรณ์ ผู้ริเริ่มสำคัญท่านหนึ่งของการตั้ง “ศาลปกครอง“ เพราะท่านอายุถึง 95 ปีแล้ว
ส่วนศิษย์เก่าดีเด่น ของสมาคมอัสสัมชัญ และโรงเรียนอัสสัมชัญ ในปัจจุบันก็มีอยู่ประมาณ 200 นาย จนถึงปัจจุบัน ย่อมไม่สามารถนำชื่อแต่ละท่านมาลงได้หมด จึงขอยกมาเป็นตัวอย่าง มาเพียงประมาณ 3-40 ท่าน ตามลำดับดังนี้
ลำดับที่ 1 ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ ลำดับที่ 2 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
3 ศ.ไพโรจน์ ชัยนาม 4 พันเอก แสง จุละจาริตต์
5 นายวิทย์ ภิรมย์ภักดี 6 ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
7 ดร.ถนัด คอมันตร์ 11 นายอุเทน เตชะไพบูลย์
12 นายบรรเจิด ชลวิจารณ์ 18 นายเล็ก นานา
24 นายสิงห์โต จ่างตระกูล 31 นายไพโรจน์ ล่ำซำ
32 นายวันชัย จิราธิวัฒน์ 33 พล.อ.อ. ม.ร.ว.ศิริพงษ์ ทองใหญ่
35 ดร.อำนวย วีรวรรณ 37 ศ.ดร.กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา
38 ภราดาหลุยส์ วิริยะ ฉันทวโรดม 55 นายอารีย์ วงศ์อารยะ
57 ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ 60 พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์
67 นายวาริน พูนศิริวงศ์ 73 นายประชา เหตระกูล
75 นายศรีภูมิ ศุขเนตร 78 นายจรัญ บุรพรัตน์
84 ดร.ชุมพล พรประภา 94 นายวัลลภ เจียรวนนท์
107 นายอัศวิน อิงคะกุล 112 พล.ร.อ.ชุมพล ปัจจุสานนท์
114 พระคาร์ดินัล เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช 118 พระไพศาล วิสาโล
130 นายฐาปน สิริวัฒนภักดี 136 พล.ร.อ.ประพฤติพร อักษรมัต
140 นายศุภชัย เจียรวนนท์ 158 นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์
167 นายอนุทิน ชาญวีรกูล 169 นายบุญเกียรติ โชควัฒนา
186 ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล 188 ศ.ดร.สุทธิพันธ์ จิราธิวัฒน์
จึงจะเห็นได้ว่า โรงเรียนนานาชาติโรงเรียนแรกในประเทศไทย น่าจะได้แก่โรงเรียนอัสสัมชัญ และสมาคมอัสสัมชัญ ก็น่าจะเป็นสมาคมนักเรียนเก่าสมาคมแรก เพราะมีอายุมาถึง 121 ปีแล้ว
การที่สมาคมอัสสัมชัญ ได้จัดพิธีฉลองวันครบรอบ 121 ปี ด้วยการทำพิธีทางศาสนา 4 ศาสนา ในวัน วาระเดียวกัน จึงเป็นการแสดงออกของความน่ารักของประเทศไทย เมืองแห่งพหุศาสนา ที่ประชาชนทุกศาสนา จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสงบสุข ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พยายามชักจูงคนไทยให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต มีจริยธรรม และเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน ชั่วกาลนาน
ป.ล. ผู้ใดต้องการหนังสือเรื่อง “การธำรงค์ชาติ” ขอให้แจ้งไปที่หมายเลข 02-6623023 โดยชำระค่าไปรษณีย์ไปด้วย เล่มละ 5 บาท พร้อมด้วยชื่อที่อยู่ทางไปรษณีย์
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี