วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ถูกมองข้าม อย่าโหนกระแสปัญหาเสี้ยวเดียว‘จัดการได้ง่าย’

วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ถูกมองข้าม อย่าโหนกระแสปัญหาเสี้ยวเดียว‘จัดการได้ง่าย’

วันพฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 14.42 น.
Tag : สิ่งแวดล้อม วิกฤตสิ่งแวดล้อม
  •  

วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ถูกมองข้าม อย่าโหนกระแสปัญหาเสี้ยวเดียว‘จัดการได้ง่าย’

ภาพน้ำกำลังท่วมบ้านเรือนจมชุมชนหลายแห่งในไทยและหลายประเทศ สวนทางกับผู้คนบางส่วนยังขาดน้ำกินน้ำใช้ และพื้นที่การเกษตรแตกระแหงเพราะภัยแล้งทำลายโอกาสของเกษตรกร และแผ่นดินไหวพร้อมเขย่าความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนแบบไม่สามารถคาดการณ์ได้ สังคมกลับเลือกที่จะหมุนเข็มทิศไปพูดเรื่องที่เป็นกระแส เช่น ปลาหมอคางดำ ราวกับว่าเป็นภัยพิบัติอันดับหนึ่งของประเทศ ทั้งที่อาจเป็นเพียงกระแสที่ถูกกระพือให้ดูใหญ่เกินจริง การเบี่ยงเบนความสนใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เรามองข้ามภัยพิบัติที่แท้จริง แต่ยังเป็นการถ่วงรั้งการแก้ไขที่เร่งด่วนและจำเป็น


เมื่อเร็วๆ นี้ งานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยพรีมัธ ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า มหาสมุทรของโลกกำลัง ‘มืดลง’ อย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลและแหล่งอาหารขนาดใหญ่ของมนุษยชาติ ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบอีกว่ามหาสมุทรทั่วโลกประมาณ 21% ซึ่งรวมถึงบริเวณชายฝั่งขนาดใหญ่และมหาสมุทรเปิดกลายเป็นสีเข้มมากขึ้น ทำให้สิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศในทะเลไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำลายห่วงโซ่อาหารในทะเล เปลี่ยนแปลงการกระจายพันธุ์ และทำให้ความสามารถของมหาสมุทรในการรองรับความหลากหลายทางชีวภาพกับการควบคุมสภาพอากาศ อ่อนแอลง

คนไทยอาจกำลังหลงประเด็นพุ่งเป้าไปที่ปัญหาที่ "จัดการได้ง่าย" หรือ "เป็นกระแส" มากกว่าจะมองว่าเป็นภัยคุกคามที่กัดกร่อนชีวิต ความมั่นคง และอนาคตของประชาชนอย่างต่อเนื่องๆ ภาวะโลกร้อนไม่ใช่แค่เรื่องของโลก แต่คือ "เรื่องของคนไทย" ทุกคน ในช่วงปี 2567 และต้นปี 2568 ประเทศไทยประสบกับสภาพอากาศสุดขั้วหลายระลอก ฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้น อุณหภูมิแตะ 45 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ ฝนตกหนักกระจุกตัวจนเกิดน้ำท่วมฉับพลันในภาคเหนือและอีสาน รวมถึงพายุไซโคลนรุนแรงในภาคใต้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามวงจร แต่มันคือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มนุษย์มีส่วนเร่งเร้า

#หลายวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่รอวันปะทุ

ภัยแล้ง : เป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจน้อยจนน่าใจหาย หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางกำลังเผชิญกับระดับน้ำในเขื่อนลดต่ำลงจนใจหายใจคว่ำ แหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด พื้นดินแตกระแหง เกษตรกรหลายหมื่นรายกำลังดิ้นรนเพื่อหาแหล่งน้ำมาหล่อเลี้ยงพืชผลและปศุสัตว์ ได้แต่หวังว่าฝนจะมาเร็วเติมน้ำให้ทุกหย่อมหญ้า แต่หากฝนมาช้านั่นคือความสูญเสียของพวกเขา โดยเฉพาะชาวบ้านที่ต้องพึ่งพาน้ำจากแหล่งธรรมชาติ การขาดน้ำไม่ใช่แค่ความไม่สะดวก แต่มันคือการดิ้นรนเพื่ออยู่รอดเพราะ “น้ำคือชีวิต”

น้ำท่วม: น้ำท่วมยังเป็นภัยคุกคามที่กลับมาซ้ำเติมผู้คนทุกปี ความรุนแรงและความถี่ของน้ำท่วมในจังหวัดอุบลราชธานี นครสวรรค์ สุโขทัย และเชียงราย เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในรอบไม่ถึง 12 เดือน กรุงเทพฯ และปริมณฑลก็เช่นกัน ภาพของถนนที่กลายเป็นแม่น้ำกลายเป็นเรื่องปกติ ขณะที่ความเสียหายต่อเกษตรกรรายย่อยนับแสนรายกลับถูกมองข้ามราวกับเป็นเพียงตัวเลขในข่าวเศร้า

แผ่นดินไหว: เมื่อต้นปี 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.5-5 ริกเตอร์ หลายครั้งในเชียงรายและลำปาง โดยเฉพาะแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาระดับ 8.2 ริกเตอร์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายจังหวัดในประเทศไทยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถ้วนหน้า นักวิชาการเตือนว่าความถี่ของการเกิดแผ่นดินไหวที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นสัญญาณของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ไม่เคยสงบ หากเกิดขึ้นในพื้นที่ที่โครงสร้างพื้นฐานอ่อนแอ ผลลัพธ์จะรุนแรงเกินกว่าที่คาดคิด

เป็นความจริงที่ปลาหมอคางดำอาจเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงนิเวศของแหล่งอาหาร ทำลายที่อยู่อาศัย และคุกคามความมั่นคงทางการเกษตรแล้ว ปลาหมอคางดำไม่สามารถทำให้คนไทยขาดน้ำ ไม่ทำให้ดินถล่ม หรือทำให้บ้านเรือนจมหายไปในน้ำ แต่มันกลับได้รับการจัดอันดับเป็นภัยคุกคามสำคัญ ทั้งที่วิกฤตที่แท้จริงกำลังลุกลามอย่างไร้การยับยั้ง

สังคมจำเป็นต้องตื่นรู้และยกระดับการรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างบูรณาการ ต้องมีระบบเตือนภัยและระบบฟื้นฟูที่เข้าถึงทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่ในเมืองใหญ่ แต่ลงลึกถึงทุกชุมชนที่ได้รับผลกระทบ การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้พลังงานสะอาดไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นทางรอด หากเรายังมัวแต่หลงประเด็นกับปัญหาที่จัดการง่ายและเป็นกระแส สุดท้าย...

วิกฤตตัวจริงจะมาถึงโดยไม่มีใครพร้อมรับมือ

#ไศลพงศ์ สุสลิลา นักวิชาการอิสระด้านสิ่งแวดล้อม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ดูแล‘สิ่งแวดล้อม-การท่องเที่ยว’ อีกบทบาทสำคัญของ‘กองทัพเรือ’ ดูแล‘สิ่งแวดล้อม-การท่องเที่ยว’ อีกบทบาทสำคัญของ‘กองทัพเรือ’
  •  

Breaking News

กูรูอสังหาฯไขข้อข้องใจ! ต่างชาติซื้อห้องชุดในไทยน้อยลงจริงหรือ?

'คนน่าน'รวมพลัง! ผลักดัน'รถไฟรางคู่'ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน

แฝงค้ากาม!!! 'CIB'บุกจับร้านโอเกะกลางเมืองชลบุรี

วงถกเลิกความผิดอาชีพค้าประเวณี สำรวจชี้ยินดีจ่ายตามระบบกฎหมายดีกว่าเงินไปไหนไม่รู้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved