6 กรกฎาคม 2565 ในงานเสวนา “ครบรอบ 1 ปี หมิงตี้เคมิคอล หลังเพลิงสงบ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน” สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา
รศ.ดร.พนิต ภู่จินดา นายกสมาคมนักผังเมืองไทย กล่าวถึงข้อถกเถียงกรณีโรงงานที่ประกอบกิจการเสี่ยงอันตรายซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่มาก่อนชุมชน ในเวลาต่อมาเมื่อเมืองหรือชุมชนขยายเข้ามาประชิดติดใกล้โรงงาน แล้วได้รับความเดือดร้อนจากโรงงาน ใครเป็นฝ่ายผิด-ฝ่ายถูกว่า ตาม พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ.2562 มาตรา 37 หรือในกฎหมายเดิมฉบับปี 2518 อยู่ในมาตรา 27 สาระสำคัญคือกำหนดให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามกรอบผังเมืองเท่านั้น จะใช้ขัดกับผังเมืองไม่ได้ แต่ก็ยกเว้นให้สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ดำเนินการก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ หรือก็คือก่อนมีผังเมือง ซึ่งกรณีของ บ.หมิงตี้ฯ หากไปดูภาพถ่ายในปี 2532 ที่เริ่มตั้งโรงงาน พื้นที่โดยรอบมีแต่บึง บ่อปลาและทุ่งนาข้าว เท่ากับโรงงานตั้งใจอยู่นอกเมืองอยู่แล้ว
กระทั่งในเวลาต่อมา หากมีความเปลี่ยนแปลงที่ขัดกับสาระสำคัญของการวางผังเมือง ซึ่งประกอบด้วย 3 เรื่อง คือ 1.ความปลอดภัยสาธารณะ 2.ความเป็นอยู่ที่ดีสาธารณะ และ 3.สุขอนามัยสาธารณะ คณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดมีอำนาจกำหนดให้แก้ไขเ ปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่ระงับการใช้ประโยชน์นั้นได้ ซึ่งกรณีของ บ.หมิงตี้ฯ ขัดชัดเจน เพราะในปี 2537 ผังเมืองบริเวณที่ตั้งโรงงานกลายเป็นเขตที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง (สีส้ม) และปี 2544 ผังเมืองกลายเป็นพื้นที่พาณิชยกรรม (สีแดง) แต่ก็ต้องมีมาตรการชดเชยผลกระทบกับโรงงานด้วย
“วรรคสาม (พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ.2562 มาตรา 37) บอกให้กำหนดค่าทดแทน หมิงตี้บอกผมอยู่มาก่อน วันที่ผมอยู่ถูกต้องไม่ผิด เมืองขยายมาแล้วผมผิดหรือ? สมมติโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งตั้งถูกต้องส่งเสียงดัง ชุมชนมาอยู่โดยรอบโวยวายว่าส่งเสียงดัง ต้องสร้างกำแพงกันเสียง ใครจ่าย? วันที่ผมอยู่ผมถูก ดังนั้นค่าตอบแทนคือยาขม คนมาอยู่ทีหลังต้องจ่ายตามหลักการ แล้วใครจ่าย? คนรอบๆ จ่ายไหม? นั่นคือต้นเหตุของปัญหา” รศ.ดร.พนิต กล่าว
รศ.ดร.พนิต กล่าวต่อไปว่า กลไกทางกฎหมายมีอยู่ วันที่ บ.หมิงตี้ฯ มาอยู่ไม่ผิด ถ้าจะต้องทำอะไรสักอย่าง กฎหมายกำหนดให้คนที่มาอยู่ทีหลังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการผังเมือง แต่เป็นกฎหมายที่ใช้จริงไม่ได้ในทางปฏิบัติเพราะไม่มีใครอยากจ่าย แต่พอมีปัญหาก็มาโทษผังเมือง
ทั้งนี้ ทุกเมืองใหญ่ของโลกล้วนมีพลวัติ แต่ละเมืองไม่ได้กระพริบตาแล้วเกิดขึ้นมาทันที แต่มีช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนหน้านี้เมืองอาจมีขนาดเล็กและโรงงานอุตสาหกรรมก็อยู่นอกเมืองเพราะโรงงานก็ไม่อยากมีปัญหา แต่วันหนึ่งเมืองขยายตัวออกไป จึงเกิด 2 ปัญหา ด้านหนึ่งคือโรงงานไม่ได้ถูกย้ายออกไป อย่างเมื่อสมัยที่ตนเป็นเด็ก จะคุ้นชินกับภาพโรงงานสิ่งทอตามแนวถนนเพชรเกษม
เช่น บริเวณใกล้วงเวียนอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปัจจุบันโรงงานย้ายออกไปเกือบหมดแล้ว มีเพียงไม่ที่โรงที่ยังอยู่ ซึ่งเรื่องนี้เมืองต้องวิเคราะห์เพื่อหาทางให้โรงงานย้ายออกไป โดยหากดูจากกรณีของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงประเทศจีน ที่เกิดปัญหาฝุ่น 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ทางการจีนหามาตรการสนับสนุนให้กิจการที่ไม่จำเป็นย้ายออกไปอยู่นอกเมือง อย่างไรก็ตาม ต้นเหตุอีกด้านของปัญหาคือทุกคนอยากให้ที่ดินของตนเองมีการพัฒนา
“ในหลักการวางผังเมืองของพวกผม วันนี้ต้องสร้าง Compact City เมืองที่กะทัดรัดเหมาะสม กรุงเทพฯ 1,500 ตารางกิโลเมตร ประชากรที่อยู่ในทะเบียน 5.9 ล้านคน ผมแถมประชากรแฝงให้เป็น 10 ล้านเลยนะ แม้ว่าสภาพัฒน์ คุณมาดี จะสำรวจมาแล้ว 8 ล้าน ผมแถมให้เป็น 10 ล้าน แปลว่าอะไร แปลว่า 10 คนต่อไร่ 1 ไร่ มีแค่ 10 คนเอง เป็นมหานครที่มีความหนาแน่นน้อยที่สุดในโลกมหานครหนึ่ง แต่เราแผ่ขยายเมืองออกไปมากๆ จนไปชนกับอุตสาหกรรมและพื้นที่เกษตรชั้นดีที่อยู่นอกเมือง” รศ.ดร.พนิต ระบุ
รศ.ดร.พนิต ยังกล่าวอีกว่า ในขณะที่บอกว่าโรงงานเป็นฝ่ายผิด ก็ต้องย้อนมองกลับมาเช่นกันว่า มหานครในโลกนี้ไม่มีที่ใดความหนาแน่นต่ำขนาดนี้ 10 คนต่อไร่ เท่ากับ 1 ไร่ หรือ 400 ตารางวา มีบ้าน 4 หลัง หากหักถนนและสวนสาธารณะออก จะได้บ้านหลังละ 75 ตารางวา กรุงเทพฯ รองรับได้ แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้เพราะทุกคนบอกว่าที่ดินของตนต้องได้รับการพัฒนา
อย่างกรณี บ.หมิงตี้ฯ ที่ตั้งมาก่อนการจัดทำผังเมือง เมื่อเริ่มจัดทำผังเมืองครั้งแรกก็กลายเป็นเขตที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าวเรียกร้อง และผู้วางผังเมืองก็ย้ำแล้วว่าหากจะไปอยู่อาศัยกันจริงๆ ก็ต้องทำตามกฎหมายผังเมืองด้วย นั่นคือต้องจ่ายเงินให้โรงงานอุตสาหกรรมจัดทำระบบป้องกัน หรือให้โรงงานย้ายออกไป ซึ่งตอนจะเอาก็บอกว่าได้ ถึงเวลาต้องเก็บเงินจ่ายจริงๆ เพื่อป้องกันผลกระทบกับตนเองกลับไม่มีใครยอมจ่าย สรุปได้ว่าประเทศไทยเป็นดังนี้ก็เพราะคนไทยเป็นดังนี้
ทั้งนี้ พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ.2562 มาตรา 37 ระบุว่า ในเขตที่ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมแล้ว ห้ามบุคคลใดใช้ประโยชน์ที่ดินผิดไปจากที่ได้ กำหนดไว้ในผังเมืองรวม หรือปฏิบัติการใดๆ ซึ่งขัดกับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินของผังเมืองรวมนั้น ,
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่กรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินได้ใช้ประโยชน์ที่ดินมาก่อนที่ผังเมืองรวมจะใช้บังคับในพื้นที่นั้น และจะใช้ประโยชน์ที่ดินเช่นนั้นต่อไป แต่ถ้าคณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดเห็นว่าการใช้ประโยชน์ที่ดินเช่นนั้นต่อไปเป็นการขัดต่อนโยบายของผังเมืองรวม ในสาระสำคัญที่เกี่ยวกับสุขลักษณะ ความปลอดภัยของประชาชน สวัสดิภาพของสังคม หรือประโยชน์สาธารณะ
คณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือระงับการใช้ประโยชน์ที่ดินเช่นนั้นต่อไป การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าว ให้คำนึงถึงกิจการที่มีการใช้ประโยชน์ที่ดิน สภาพของที่ดินและทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวกับที่ดิน การลงทุน ประโยชน์ หรือความเดือดร้อนรำคาญที่ประชาชนได้รับจากกิจการนั้น ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัด เชิญเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินมาแสดงข้อเท็จจริงและความคิดเห็นประกอบด้วย ,
การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามวรรคสอง หากเกิดความเสียหายหรือเสื่อมสิทธิที่ได้รับอยู่เดิมของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดิน ให้กำหนดค่าทดแทนอันเกิดแต่การนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการผังเมือง ,
เมื่อได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามวรรคสองและก าหนดค่าทดแทนตามวรรคสามแล้ว ให้คณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายทราบ เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่เห็นด้วยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ ตามมาตรา 90
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี