ไม่ต้องรอให้ใครตัดริบบิ้น แค่หยุดเล่นการเมืองก็แก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติได้!
โดยเฉพาะปัญหาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีแรงกระตุ้นจากสถานการณ์ชายแดน และรอยร้าวพรรคร่วม ก็ถึงเวลาที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ต้องออกโรงแสดงฝีมือว่าไทยไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนที่โดนรังแกในคลิปเสียง แต่เรามีมาตรการตอบโต้ที่เด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ เพื่อจัดการปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมากกว่าการใช้กำลังทางทหารเพียงอย่างเดียว
รัฐบาลจึงได้ประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยตั้งเป้าให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน พร้อมเสนอให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความร่วมมือกับนานาประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประเทศโดยจะระดมหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกฝ่าย รวมถึงกระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง โดยเน้นจุดเสี่ยงบริเวณแนวชายแดน พร้อมใช้มาตรการที่เข้มงวด อาทิ ควบคุมการเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดน โดยจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านใน 7 จังหวัดชายแดน ตรวจสอบบัญชีม้าและเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติอย่างละเอียด รวมถึงประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. เพื่อกำหนดมาตรการคว่ำบาตรผู้กระทำความผิดที่มีพฤติกรรมฟอกเงิน รวมถึงการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ถูกโอนย้ายไปยังต่างประเทศ
คนไทยรู้ โลกรู้ ว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมระดับโลก สหประชาชาติ (UN) เผยว่าขบวนการนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านบาท และ 40-60% ของ GDP กัมพูชามาจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์
ว่ากันตามจริงอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นาน แต่ปัญหาที่สำคัญและอยู่มานานกว่าคือการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะสินค้าอุปโภค-บริโภคที่สามารถพบได้มากมายตามตลาดชายแดน และปัญหานี้ได้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นในเวทีการทบทวนนโยบายทางการค้าขององค์การการค้าโลก (WTO Trade Policy Review) กับกัมพูชาในเดือนมีนาคมปีนี้ด้วย
ผู้แทนไทยได้แสดงความเห็นในเวทีนี้ว่ามีความคาดหวังที่จะเห็นกัมพูชาก้าวไปอีกขั้นในการเสริมสร้างระบบเพื่อจัดการปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสินค้าปลอมข้ามพรมแดน เห็นได้ว่าเราก็ตระหนักถึงปัญหานี้ที่กระทบต่อการค้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย ที่แสดงความกังวลต่อปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศกัมพูชา แต่ประเทศกัมพูชาก็ไม่ได้มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ปล่อยให้ปัญหาสินค้าปลอม สินค้าเถื่อนทะลักเข้าสู่ประเทศไทย เช่น เสื้อผ้า ชุดกีฬา เครื่องสำอาง อาหารเสริม สุรา และบุหรี่ เป็นต้น
การปราบปรามเพียงอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหาสินค้าปลอม และสินค้าเถื่อน เพราะผู้กระทำผิดจะหาวิธีหลบหลีกได้เสมอ นอกจากนี้ ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติยังได้รับประโยชน์จากปัญหา “ชายแดนรั่ว” ของไทย เพราะเราไม่เคยเด็ดขาดแม้ศัตรูจะเข้ามาประชิดรั้วบ้าน ไม่ตัดไฟ ไม่ตัดอินเตอร์เนต และยังมีกฎหมายศุลกากรหลายข้อที่เปิดช่องให้สินค้าที่มาขอผ่านแดนไม่ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ทำให้สินค้าปลอม และสินค้าเถื่อนเข้ามาทำตลาด กัดกินส่วนแบ่งการค้าถูกกฎหมายในไทย
ปัญหา “ชายแดนรั่ว” ควรต้องใช้ยาแรง Seal Stop Safe และร่วมมือกับชาติอาเซียนอื่นอย่างจริงจังเพราะไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมในประเทศกัมพูชา การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการทะลักเข้ามาของสินค้าปลอม และสินค้าเถื่อน ไม่มีทางหมดไปเพียงแค่เราใช้ยาแรงปราบปรามแต่ไม่ซีลเข้มชายแดน ถึงเวลาที่จะต้องยกระดับทำวาระแห่งชาตินี้ให้สำเร็จได้จริง ไม่ใช่เพียงแก้เกมส์การเมืองในวันที่เสียรู้ให้กับกัมพูชา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี