เพจดังเปิดเอกสารเด็ด!! มัด'เขมร'มีทุ่นระเบิดฯ PMN-2 ไว้ในครอบครองจริง!!
เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 เพจเฟซบุ๊ก "Army Military Force" ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพเอกสาร โดยระบุว่า "เปิดเอกสารเด็ด! มัดกัมพูชา มีทุ่นระเบิดฯ PMN-2 ไว้ในครอบครองจริง!!
กัมพูชามีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไว้ในครอบครองจริง (ข้อมูลวันที่ 31 ธันวาคม 2024) และยังพบว่ากัมพูชายังคงครอบครองทุ่นระเบิดประเภทอื่นๆ ไว้อีกจำนวนมาก กัมพูชาอ้างว่ามีไว้เพื่อการฝึกเท่านั้น จากข้อมูล ณ ปี 2020 กัมพูชาได้รายงานว่า ตนมีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและทุ่นระเบิดประเภทอื่น ๆ จำนวน 3,730 ลูกที่ถูกเก็บรักษาไว้ เพื่อวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตใช้เพื่อการฝึก ภายใต้มาตรา 3 ของอนุสัญญาออตตาวา :
มาตรา 3 ของอนุสัญญาออตตาวา (Convention on the Prohibition of the Use, Stockpiling, Production and Transfer of Anti-Personnel Mines and on Their Destruction) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "สนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด" กล่าวถึงข้อยกเว้น จากพันธกรณีทั่วไปของอนุสัญญาฯ
มาตรา 3 ระบุว่า:
- อนุญาตให้เก็บรักษาหรือโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคลได้จำนวนหนึ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาและการฝึกอบรมเทคนิคการตรวจหาทุ่นระเบิด การเก็บกู้ทุ่นระเบิดหรือการทำลายทุ่นระเบิดเท่านั้น โดยจำนวนทุ่นระเบิดที่เก็บรักษาไว้จะต้องไม่เกินจำนวนขั้นต่ำที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าว
- อนุญาตให้โอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำลาย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอนุสัญญาจะห้ามการใช้ สะสม ผลิต และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยสิ้นเชิง แต่มาตรา 3 นี้ได้ให้ข้อยกเว้นบางประการเพื่อให้รัฐภาคียังคงสามารถดำเนินกิจกรรมที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายของอนุสัญญาได้ เช่น การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด หรือการโอนทุ่นระเบิดเพื่อนำไปทำลายอย่างปลอดภัย
เอกสารชุดนี้ เป็นหลักฐานเด็ดและชัดเจนที่สุด ซึ่งบ่งชี้ได้ว่า กัมพูชามีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไว้ในครอบครองจริง โดยสามารถเอาผิดกับกัมพูชาได้ เนื่องจากกัมพูชาได้ลักลอบนำทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไปวางไว้ในดินแดนอธิปไตยของชาติอื่น (ประเทศไทย) ถือเป็นการละเมิดมาตรา 3 และมาตราอื่น ๆ ของอนุสัญญาออตตาวา
ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาออกมาตอบโต้ฝ่ายไทยแต่ละครั้ง พบว่าย้อนแย้งและไม่ตรงกัน นอกจากนี้ยังมีสื่อหลัก, สื่อออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์ของกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ร่วมกันปฏิบัติการ IO ปั่นกระแสข่าวและบิดเบือนข้อมูลใส่ร้ายประเทศไทย
ย้อนอ่านแถลงการณ์ข้อ 2-4 ของกัมพูชาเมื่อวันที่ 18 ก.ค.
2. กัมพูชาเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากทุ่นระเบิดและเศษระเบิดจากสงคราม ดังนั้น กัมพูชาจึงขอประณามและคัดค้านการใช้การผลิตและการเก็บรักษาทุ่นระเบิดอย่างรุนแรง และขอแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมทั้งหมดที่เกิดจากทุ่นระเบิดและเศษระเบิดจากสงคราม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดหรือเกิดขึ้นกับประเทศใด
3. กัมพูชา ภายใต้การนำอันมีวิสัยทัศน์ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการยกย่องเป็น “บิดาแห่งสันติภาพของชาติกัมพูชาทั้งมวล” และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ได้ยึดมั่น “สันติภาพ” เป็นคุณค่าสูงสุด และมุ่งมั่นที่จะมีส่วนสนับสนุนในการบรรลุวิสัยทัศน์ของโลกที่ปราศจากทุ่นระเบิด เพื่อให้คนรุ่นหลังสามารถดำรงชีวิตอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี ปราศจากภัยคุกคามจากทุ่นระเบิดและเศษซากระเบิดจากสงคราม
4. กัมพูชาเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และได้ปฏิบัติตามพันธกรณี ตลอดจนบรรทัดฐานและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาอย่างสม่ำเสมอ กัมพูชาได้รับการยอมรับและยกย่องอย่างสูงจากรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาในฐานะรัฐภาคีที่มีความมุ่งมั่นและประสบความสำเร็จอย่างสูงในการกำจัดและทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกประเภทที่มีอยู่และถูกค้นพบ
นอกจากนี้ กัมพูชายังเป็นประธานและเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 11 และการประชุมทบทวนอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 5 ในปี พ.ศ. 2567 หรือ “การประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ว่าด้วยโลกที่ปราศจากทุ่นระเบิด” ซึ่งการประชุมทั้งสองครั้งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม"
ขอบคุณภาพ และข้อความจาก : "Army Military Force"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี