ปัญหาเรื่องกัญชาทางการแพทย์กับกัญชาเสรี กัญชาเพื่อนันทนาการเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมทุกระดับทั้งฝ่ายการเมืองที่ต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง คนนักธุรกิจที่ลงทุนทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ไปไม่น้อย รวมไปถึงคนที่ห่วงใยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่โรงแรมแมนดารินกรุงเทพมหานคร, มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมโฟกัสกรุ๊ปเรื่อง “ทิศทางแนวโน้มกัญชาเพื่อการแพทย์...ทำได้จริงหรือ?” โดยมี จิระ ห้องสำเริงสื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ
ก่อนงานจะเริ่มต้น วิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ด้านการสื่อสารมวลชน เปิดประเด็นว่าการใช้ประโยชน์และอันตรายจากการใช้กัญชายังเป็นที่ถกเถียงของคนทั่วโลก หลายประเทศให้ใช้กัญชาเพื่อนันทนาการแล้ว เช่น อุรุกวัย แคนาดา เม็กซิโก มอลตา ลักเซมเบิร์ก แอฟริกาใต้ เยอรมนี แต่ประเทศไทยยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเรื่องการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการและทางการแพทย์
สสส.นั้นมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการและการนำไปผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องจากยังไม่มีมาตรการกำกับและควบคุมชัดเจน สสส.สนับสนุนทั้งการวิจัยสร้างองค์ความรู้เรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งระดับบุคคลและสังคม รวมทั้งการสื่อสารรณรงค์ให้ความรู้กับเด็ก เยาวชนและสังคมให้รับทราบถึงอันตรายของการใช้กัญชาในทางที่ไม่เหมาะสม
ด้าน วัชรพงศ์ พุ่มชื่น ผู้จัดการมูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด หนึ่งในองค์กรที่ร่วมเสนอร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ...ให้ข้อมูลกับผู้ร่วมประชุมว่าหลังประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 พ.ศ.2565 กำหนดให้ทุกส่วนของกัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติดและสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC หรือ CBD ไม่เกิน 0.2% ไม่ถือเป็นยาเสพติด และการที่รัฐสภามีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดพ.ศ.2564 โดยการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เป็นการเปิดเสรีทางกัญชาอย่างไม่มีข้อจำกัด ประชาชน คนไทยจึงอยู่กับสถานการณ์เสรีกัญชามากกว่า 3 ปี มีทั้งคนที่ได้ประโยชน์และได้รับผลกระทบจากกัญชา ปัญหาคือเด็กเยาวชนหาซื้อได้ง่ายใช้กัญชาผสมกับสารเสพติดประเภทอื่นบางคนกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช ถึงเวลาต้องมีกฎหมายที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและลดผลกระทบจากการใช้กัญชาในทางที่ผิด
“การใช้กัญชาในทางสร้างสรรค์คือ การใช้กัญชาทางการแพทย์ที่มาจากฐานงานวิจัยเน้นความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ เช่น การรักษาโรคลมชักรักษายากในเด็กด้วยสารสกัดกัญชา CBD สูง การใช้กัญชาทางการแพทย์ในกลุ่มแคนนาบิไดออล(Cannabidiol) เป็นยาเสริมการรักษาโรคพาร์กินสันจึงอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับ
ผู้ป่วย หรือกรณีการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบประคับประคองผ่านคลินิกกัญชาทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยมะเร็ง ลดอาการไม่พึงประสงค์ระหว่างการรักษา ไม่ได้มุ่งผลการรักษาต่อก้อนมะเร็งโดยตรง” นายวัชรพงศ์ กล่าว
ส่วน ธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) กล่าวว่าสังคมไทยต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างปลอดภัย การมีพระราชบัญญัติควบคุมกัญชาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้เครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาสังคม และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 17,343 คน ได้ร่วมกันเสนอ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ... ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร สาระสำคัญคือการใช้กัญชาทางการแพทย์ ไม่ส่งเสริมการขายหรือใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ มีคณะกรรมการกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ที่ชัดเจน มีการออกใบอนุญาตกัญชาแยกออกจากกัญชง การป้องกันและควบคุมการใช้กัญชาไม่เหมาะสม ควบคุมการโฆษณาการสื่อสารการตลาดกัญชาหรือผลิตภัณฑ์กัญชา
นอกจากนี้ จะส่งเสริมการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์การปรับปรุงพันธุ์ที่มีคุณภาพ ให้สถานพยาบาลปลูกกัญชาเพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้ ผู้ป่วยปลูกกัญชาได้ถ้าปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งการคุ้มครองเด็กเยาวชน โดยเชื่อว่าจะทำให้คนไทย อยู่ร่วมและใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างปลอดภัย โดยส่วนตัวเห็นว่าเราควรจะมีกฎหมายควบคุมกัญชาเป็นการเฉพาะเพื่อให้เกิดการควบคุมอย่างจริงจัง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเสนอกฎหมาย โดยประชาชนสามารถร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (https://www.
parliament.go.th/section77/survey_detail.php?id=474) ถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2568 นี้
สื่อมวลชนที่ร่วมวงประชุมวันนั้นได้รู้ข้อเท็จจริงว่าเวลานี้ผู้เสพกัญชารายใหม่ในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น นักโทษคดียาเสพติดล้นคุก มีเด็กเรียนไม่เก่งหรือเด็กหลังห้องหลุดออกจากระบบโรงเรียนไปรวมตัวกันเสพกัญชาและกลายเป็นพ่อค้าขายกัญชา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยเพราะคิดว่าสูบกัญชาได้เสรี มิหนำซ้ำหลายคนขนกัญชาออกจากเมืองไทยเพราะคิดว่าไม่ผิดกฎหมายแล้วไปโดนจับติดคุกที่ประเทศอังกฤษหลายคน
และยังได้รู้ว่าการลงทุนปลูกกัญชาทางการแพทย์นั้นไม่ง่าย ลงทุนสูง เมล็ดพันธุ์ก็แพง ต้องปลูกในโรงเรือนที่เป็นระบบปิด มีการควบคุมอุณหภูมิที่พอเหมาะ ส่วนพันธุ์
กัญชาที่ชาวบ้านทั่วไปปลูกนั้นเป็นกัญชาเพื่อนันทนาการ นำไปเสพ ผสมอาหารและใส่หม้อก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น ส่วนการใช้ทางการแพทย์ต้องมีการวิจัยทางคลินิกในกลุ่มโรคที่มีหลักฐานหนักแน่นว่าสามารถใช้กัญชารักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ควรจำกัดใบอนุญาตและกำหนด Zoning ให้เป็นพื้นที่ควบคุม รวมทั้งห้ามนำกัญชาไปผสมในสูตรอาหารต่างๆด้วย
บทสรุปวันนั้นคือสังคมยังขาดองค์ความรู้ที่ถูกต้องอีกมาก
ก่อนปิดประชุม อภิวัชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ ทิ้งท้ายว่ากัญชาเป็นได้ทั้งพระเอกและผู้ร้าย ใช้เพื่อการแพทย์หรือสุขภาพเป็นความหวังของผู้ป่วยอาจจะมีส่วนสร้างรายได้ แต่ทางสังคมก่อให้เกิดผลกระทบตามมานานัปการ
แต่ที่แน่ๆ กัญชาเสรีเพื่อนันทนาการ ผสมสูตรอาหารและยาเสพติดมีโทษมหันต์อย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี