วันศุกร์ ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
‘โซเชียลปั่นเกลียดชัง’น่าห่วง ‘แรงงานข้ามชาติ’กลางขัดแย้ง

‘โซเชียลปั่นเกลียดชัง’น่าห่วง ‘แรงงานข้ามชาติ’กลางขัดแย้ง

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : เกลียดชัง โซเชียล ปั่นกระแส พิพาทไทยกัมพูชา แรงงานข้ามชาติ แรงงานต่างด้าว
  •  

“เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ทราบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีอารมณ์โกรธเคือง แต่หากไปก่อเหตุรุนแรงหรือทำร้ายร่างกายคู่ขัดแย้งก็จะถูกดำเนินคดีทุกกรณี เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย พร้อมขอให้ประชาชนระมัดระวังการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสมในโซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ เพราะอาจจะกลายเป็นการจุดฉนวนให้เหตุการณ์บานปลาย จนกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”

คำเตือนจาก พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 หลังมีรายงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยถูกทำร้ายร่างกาย และมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด เมื่อกัมพูชาเปิดฉากยิงอาวุธข้ามพรมแดนโจมตีเข้ามาในพื้นที่ของไทย ในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 24 ก.ค. 2568 ทำให้มีพลเรือนในไทยเสียชีวิตหลายราย จนนำไปสู่การตอบโต้ของฝ่ายไทย และมีการปะทะกันทางทหารของทั้ง 2 ประเทศอย่างดุเดือด


ในวันที่ 25 ก.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เตือนประชาชน “รักชาติอย่างมีสติ คนไทยรักชาติ แต่คนไทยจะไม่ทำผิด” โดยระบุถึงเหตุการณ์ทำร้ายชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราจะต้องแยกแยะ ระหว่างเรื่องของบุคคลกับปัญหาที่เกิดขึ้น  

“มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท” โพสต์จากเพจตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ต้องบอกว่าอารมณ์สังคมไทย “คุกรุ่น” มาตั้งแต่ก่อนปะทะในระลอกล่าสุด เนื่องจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชามีลักษณะ “ยั่วยุ” อยู่ตลอด แม้ในช่วงที่ไม่มีสถานการณ์รุนแรงทางการทหาร เช่น มีการรวมตัวกันของชาวกัมพูชา ไปทำกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์อ้างความเป็นเจ้าของปราสาทโบราณที่อยู่ในเขตแดนของไทย หรือการอ้างศิลปวัฒนธรรม ประเพณีเทศกาลต่างๆ ของไทย กล่าวหาว่าลอกเลียนแบบไปจากกัมพูชา ซึ่งบนโลกออนไลน์นั้นชาวเน็ตไทยก็มีการใช้คำว่า “เคลมโบเดีย” ตอบโต้พฤติกรรมดังกล่าวของชาวกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม นอกจากคำเตือนจากทางตำรวจแล้ว บรรดา “อินฟลูเอนเซอร์” ผู้มีบทบาทชี้นำสังคมออนไลน์ ได้ประสานเสียงกันตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 2568 “เบรก” บรรดาชาวเน็ตหัวร้อนทั้งหลายที่นัดรวมตัวกันจะไปทำร้ายร่างกายชาวกัมพูชาที่มาทำงานในประเทศไทย ว่านอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยัง “เข้าทางฝ่ายตรงข้าม” ที่จะนำไป “ขยายผล” ปั่นกระแสในเวทีโลกว่าไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้ประเทศไทยเสียภาพลักษณ์ในสายตานานาชาติ ก็ดูจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายลงด้วยดีเพราะสังคมไทยมีความเข้าใจมากขึ้น

ถึงกระนั้น ปัญหากระทบกระทั่งระหว่างชาวไทยกับแรงงานข้ามชาติมีมาเป็นระยะๆ และไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับชาวกัมพูชา ยังรวมไปถึงชาวเมียนมา ซึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดในไทย จากความเชื่อที่มีมานาน เช่น “แรงงานข้ามชาติแย่งงานคนไทย” รวมไปถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแรงงานข้ามชาติบางส่วน อาทิ ตั้งกลุ่มแก๊งออกก่อความเดือดร้อนรำคาญในชุมชนโดยรอบ ทำให้เกิดอคติแบบเหมารวมขึ้น

ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับ สมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) องค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งทำงานด้านแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ที่แสดงความเป็นห่วงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เมื่อปัจจุบันทุกคนมีสื่ออยู่ในมือ เสพสื่ออย่างไวและตัดสินใจเร็วเพียงเสี้ยววินาทีว่าคนนั้นไม่ดี  หรือคนที่อยากมีแสงแล้วเป็นสื่อแบบไม่มีจรรยาบรรณ เหมารวมโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง และบางครั้งก็มีสื่อกระแสหลักบางสำนักหยิบไปนำเสนอด้วย โหมกระหน่ำกันไปทำให้การอยู่ร่วมกันเป็นไปได้ยากขึ้น

“เขามาอยู่เมืองไทยด้วยปัจจัยที่ผลักเขามาจริงๆ มันไม่ใช่แค่ความยากจนนะ ถ้าพม่า (เมียนมา) ก็เป็นเรื่องขัดแย้งทางการเมือง สู้รบ – บีบเกณฑ์ทหาร มันจำเป็นต้องมา ถ้าประเทศเขาดี เศรษฐกิจดีเขาไม่มาหรอก แต่ที่เขามาตรงนี้ก็ต้องขอบคุณประเทศไทย เราก็ต้องขอบคุณเขาด้วยในฐานะที่เราขาดแคลนแรงงาน เราขาดทุนมนุษย์ ขาดปัจจัยการผลิต ไม่มีเขาเราก็อยู่ยาก เขาไม่มีเราเขาก็อยู่ไม่ได้เพราะไม่มีเงินไม่มีรายได้ ต่างพึ่งพาอาศัยกัน ที่จะทำอย่างไรให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจกัน มองมนุษย์เท่ากัน” สมพงษ์ กล่าว

วันที่ 23 ก.ค. 2568 หรือ 1 วันก่อนหน้าการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ระลอกล่าสุด ผู้สื่อข่าวยังได้พูดคุยกับ สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในประเด็นนี้ ว่า  เรื่องการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะมองแรงงานข้ามชาติในแง่ลบ เข่น มาแย่งงานคนไทยบ้าง ก่อให้เกิดโรคระบาดบ้าง เรื่องเหล่านี้ได้ยินมาตลอด แต่อีกด้านหนึ่ง “ประเทศไทยก็ต้องการแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในงานที่คนไทยก็ไม่ทำแล้ว” อย่างที่เรียกกันว่า “งาน 3D” คือ Dirty (สกปรก) Dangerous (อันตราย) และ Difficult (ยากลำบาก)

นอกจากนั้น “สังคมไทยปัจจุบันยังเข้าสู่ยุคคนเกิดน้อยลงและกลายเป็นสังคมสูงวัยเต็มตัว” มีผู้สูงอายุจำนวนมาก อย่างสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. – สภาพัฒน์) ก็เคยพยากรณ์ไปประมาณ 20 - 25 ปีข้างหน้า แล้วมีข้อกังวลว่าประเทศไทยอาจขาดแคลนแรงงาน อย่างในอดีตไทยเคยมีเด็กเกิดใหม่เฉลี่ย 1 ล้านคนต่อปี แต่ล่าสุดเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา กลับมีเด็กเกิดใหม่ไม่ถึง 5 แสนคน ส่วนเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการที่บอกว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยากใช้แรงงานเถื่อน แต่ที่ต้องใช้เพราะขั้นตอนการจัดหาแรงงานแบบถูกกฎหมายค่อนข้างยุ่งยาก

เรื่องดังกล่าวก็เข้าใจได้เช่นกัน อาทิ ไม่ได้เปิดตลอด ขั้นตอนยุ่งยาก ค่าใช้จ่ายก็สูง อยากเห็นคนเข้ามาอยู่ในระบบให้หมดแต่ก็ติดด้วยเงื่อนไขนโยบาย ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ คือ 1.มีแผนระดับชาติว่าด้วยการบริหารจัดการแรงงานแบบยั่งยืน คือเป็นแผนระยะยาว ไม่ใช่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นครั้งคราว 2.เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัว เพราะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ สังคมไทยก็กลายเป็นสังคมสูงวัย ความจำเป็นที่ต้องมีแรงงานเข้ามาเสริมนั้นก็มีอยู่จริง เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจไทยไม่เดินหน้าแน่ๆ หากไม่มีแรงงานข้ามชาติ จึงเป็นเรื่องต้องสร้างความเข้าใจใหม่กับสังคม

“ไม่ใช่เรื่องว่าเป็นคนต่างชาติแล้วไปเหมารวมเขาว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนมาแย่งงาน ซึ่งจริงๆ เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่เริ่มทำงานกับแรงงานข้ามชาติก็ถือว่าดีขึ้นนะ ในมิติที่ว่าก็เริ่มมีคนเข้าใจมากขึ้น แม้แต่ในผู้นำของขบวนการแรงงานเองเมื่อก่อนก็จะแยกเหมือนกัน” สุภัทรา กล่าว                                                     

SCOOP.NAEWNA@HOTMAIL.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • มองข่าวพิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ‘แรงงานข้ามชาติ’มุมนี้น่าคิด มองข่าวพิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ‘แรงงานข้ามชาติ’มุมนี้น่าคิด
  • ‘ภูมิศาสตร์-ประวัติศาสตร์’ ส่องปมขัดแย้ง‘ไทย-กัมพูชา’ ‘ภูมิศาสตร์-ประวัติศาสตร์’ ส่องปมขัดแย้ง‘ไทย-กัมพูชา’
  • ‘ฮุนเซน’ช่วยจ่ายมั้ย ‘กัมพูชา’ค้างค่ารักษา‘รพ.ไทย’กว่า 277 ล้าน ‘ฮุนเซน’ช่วยจ่ายมั้ย ‘กัมพูชา’ค้างค่ารักษา‘รพ.ไทย’กว่า 277 ล้าน
  • กางข้อกฎหมาย‘ป.อาญา-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์’ ใช้โซเชียลแบบไหนเข้าข่าย‘หมิ่นประมาท’ กางข้อกฎหมาย‘ป.อาญา-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์’ ใช้โซเชียลแบบไหนเข้าข่าย‘หมิ่นประมาท’
  • \'ปัญหาครูต่างชาติผิดกฎหมาย: ผลกระทบทางการศึกษา และความมั่นคงของประเทศ\' 'ปัญหาครูต่างชาติผิดกฎหมาย: ผลกระทบทางการศึกษา และความมั่นคงของประเทศ'
  •  

Breaking News

รบ.ทหาร‘เมียนมา’ไม่ต่ออายุสถานการณ์ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมเลือกตั้งอีก6เดือนข้างหน้า

เพื่อนบ้านน้ำใจงาม! ยกที่สร้างห้องให้ยายพิการวัย 77 อาศัยหลับนอน

'ลิณธิภรณ์'ลงพื้นที่เชียงใหม่ หนุนประเมินภายนอกยกระดับ รร.ขนาดเล็ก

น้ำใจไม่หยุด! 'ชมพู่-น็อต'ส่งของอีก1คันรถ ช่วยชายแดนไทย-กัมพูชา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved