สกู๊ปพิเศษ : ยกระดับอาหารพื้นถิ่นภาคอีสาน  รมว.อว. มอบรางวัล Product Champion

สกู๊ปพิเศษ : ยกระดับอาหารพื้นถิ่นภาคอีสาน รมว.อว. มอบรางวัล Product Champion

วันอาทิตย์ ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดย สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. จัดพิธีมอบรางวัล “Product Champion” อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่นในพื้นที่อีสาน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชัยภูมิ จ.มหาสารคาม และจ.เลย มุ่งหวังสร้างการรับรู้การใช้ประโยชน์จากการฉายรังสีในอาหาร และยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่นให้ปลอดภัยและได้มาตรฐานต่อไป

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “Product Champion ปี 2568” ภายใต้การดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม


นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีการฉายรังสีสู่ผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาธุรกิจอาหาร เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหารในแต่ละภูมิภาคได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีความปลอดภัยสูง และช่วยลดการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตอาหารอีกด้วย การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค พร้อมทั้งเสริมสร้าง Soft Power ด้านอาหารของประเทศให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น

ในโอกาสนี้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการทุกท่านที่ได้รับรางวัล ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสูตรอาหารใหม่ๆ โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัยมาใช้เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ ถือเป็นตัวอย่างของการผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถต่อยอดธุรกิจอาหารของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สทน. กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ สทน.ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 3 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย นำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ด้านการฉายรังสีอาหาร ลงไปส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตอาหารพื้นถิ่น อาหารฟังก์ชัน และกลุ่มผู้ประกอบการ SME โดยจัดเวทีให้ความรู้เรื่องการฉายรังสีในอาหาร พร้อมเปิดรับสมัครผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น และอาหารฟังก์ชั่น เข้าร่วมประกวดโครงการ “Product Champion” โดยขณะนี้ได้สรุปผลตัดสินทั้ง 3 จังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้

จังหวัดชัยภูมิ รางวัลชนะเลิศ – คุณทศพร เลิศคอนสาร / ผลิตภัณฑ์คั่วปลา รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 - คุณอัญชลี ชัยศร / น้ำพริกหม่ำ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 - คุณเศรษฐพล นิยมพงษ์ / หม่ำเนื้อย่างเตาถ่านพร้อมบริโภค

จังหวัดมหาสารคาม รางวัลชนะเลิศ คุณสมจิต รัตน์รองใต้ / ปั้นสิบ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 คุณกนกพร เจริญพันธ์ / น้ำยำปลาร้า ตราแม่บุญล้ำ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 คุณวิวัฒน์อชิตพลชัย ดวงแสง / น้ำจิ้มโชคดีหมูกระทะ

จังหวัดเลย รางวัลชนะเลิศ คุณวัชรา สุริยกุล ณ อยุธยา / กล้วยอบคุณวัชรา รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 คุณพนมพร ภูคำสอน / ผงแกงอ่อม รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 คุณเพ็ญศรี แก้วสมบัติ / ขนมจีนสมุนไพรอบแห้งรสฟักทอง

รางวัลอาหารฟังก์ชั่น รางวัลชนะเลิศ คุณไอลัดดา โอ่งกลาง จ.มหาสารคาม / ข้าวกล้องงอกชนิดผงชงดื่ม“ซีโอไรซ์” รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 คุณณัฏฐนรี วงศ์เอี่ยมสิริ จ.ชัยภูมิ / โจ๊กข้าวกล้องงอกรสสาหร่าย/ รสเห็ดหอม รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 คุณพัทธนันท์ เกตุบรรลุ จ.มหาสารคาม / ข้าวกล้องงอกผงชงพร้อมดื่มตราโสศิริ

คุณสมจิต รัตน์รองใต้ ผู้นำกลุ่มวิสาหกิจขนมไทยบ้านนาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม เจ้าของกะหรี่ปั๊บครูนิจ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูป กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมโครงการเคยได้ยินเกี่ยวกับอาหารฉายรังสี เช่น แหนม ผักผลไม้ หอมใหญ่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะส่งออกต่างประเทศ แต่ไม่ทราบว่ากะหรี่ปั๊บ หรือขนมปั้นสิบที่เราพัฒนาต่อยอดจากกะหรี่ปั๊บจะสามารถฉายรังสีได้ แต่จากที่ได้เข้าร่วมโครงการมีนักวิจัยของ สทน. แนะนำว่า อาหารทุกชนิดสามารถฉายรังสีได้ เนื่องจากอาหารทุกชนิดมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ไม่ว่าจะมาจากกระบวนการผลิต จากผู้ผลิต ผู้สัมผัสอาหาร จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้เหลือน้อยที่สุด

คุณสมจิต กล่าวว่า ในส่วนผลิตภัณฑ์เด่นของเราคือปั้นสิบ ซึ่งมีรสชาติดีเป็นที่รู้จักของตลาด เนื่องจากมีความละมุน ถ้าเป็นไส้ถั่วจะสามารถเก็บได้ประมาณ 7 วัน ถ้าเป็นไส้ไก่เก็บได้ 3-5 วัน แต่เราตั้งเป้าหมายว่าอยากจะยืดอายุการเก็บรักษาไว้ให้ได้ประมาณ 1 เดือน แรกๆ ก็ยังกังวลว่าเมื่อมีการฉายรังสีแล้วจะเก็บสินค้าได้นานขึ้นหรือเปล่า สินค้าจะยังกรอบเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่หลังจากที่ได้ทดลองฉายรังสีปรากฏว่าช่วยยืดอายุออกไปได้ 5-10 วัน สินค้าก็ยังคงกรอบ คุณภาพก็ยังอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคอยากรับประทาน หลังจากทดลองแล้วทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น สามารถรับออเดอร์จากพื้นที่ไกลๆ เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ โดยที่ไม่เกิดความสูญเสียระหว่างการขนส่ง ผู้บริโภคก็ได้อาหารที่สะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพ เมื่อเทียบกับต้นทุนการฉายรังสีที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคที่อยู่ตามเมืองใหญ่รับได้ เขายอมจ่ายเพื่ออาหารที่มีรสชาติอร่อยและมีความปลอดภัย

พร้อมกันนี้ อยากเชิญชวนผู้ประกอบการทุกท่านเข้าร่วมโครงการกับ สทน. เพราะการฉายรังสีมีความปลอดภัยไม่มีรังสีตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสินค้าก็เข้าสู่มาตรฐานที่เป็นสากลมากขึ้น

คุณทศพร เลิศคอนสาร จากอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ได้นำผลิตภัณฑ์คั่วเนื้อคั่วปลา ซึ่งเป็นเมนูเชิดชูอาหารถิ่นของจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า จุดเด่นของคั่วเนื้อคั่วปลาคือการนำเนื้อสัตว์ที่ตากแห้งมาโขลก แล้วนำมาใส่เครื่องสมุนไพรต่างๆโดยจะมีวัตถุดิบหลักคือน้ำมะพร้าว แล้วนำไปคั่ว แต่เนื่องจากมีกะทิเป็นส่วนประกอบจึงทำให้เกิดการเน่าเสียได้ง่าย ถ้าจะเก็บไว้กินก็ต้องเก็บไว้ในช่องฟรีซเท่านั้น เป็นอาหารที่หากินได้เฉพาะในช่วงงานวันบุญเดือนสี่เท่านั้น สำหรับคั่วเนื้อคั่วปลาตนได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นคุณปู่ ตนจึงอยากทำให้มีอายุในการเก็บผลิตภัณฑ์ได้ยาวนานขึ้น จะทำให้สามารถวางตลาดและทำให้ทุกคนรู้จักได้

“ก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการก็มีความกังวลอยู่เหมือนกันว่าเมื่อฉายรังสีแล้วจะเกิดการปนเปื้อนหรือไม่ แต่เมื่อมาเข้าร่วมโครงการจึงทราบว่า การฉายรังสีไม่เป็นอันตราย อาหารยังสามารถกินได้ ได้เห็นแหนมฉายรังสี ซึ่งทำให้เราคิดได้ว่า แหนมโดยทั่วไปเชื้อปนเปื้อนมากกว่าอาหารของเรา เพราะฉะนั้นคั่วเนื้อคั่วปลาของเราก็น่าจะฉายรังสีได้ จึงเข้ามาร่วมโครงการ ขณะนี้กำลังทดลองนำคั่วเนื้อคั่วปลามาฉายรังสีว่าจะช่วยยืดอายุอาหารไปได้มากน้อยแค่ไหน ความตั้งใจของผมคืออยากให้ยืดอายุได้ประมาณ 3-6 เดือน” คุณทศพร กล่าว

ด้าน นายสุรศักดิ์ สัจจบุตร นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชำนาญการพิเศษ สทน. เผยถึงหลักเกณฑ์ที่ใช้คัดเลือก Product Champion อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่นในครั้งนี้ว่า ข้อสำคัญหลักๆ ผลิตภัณฑ์ที่จะเข้าประกวดมีความเหมาะสมกับการฉายรังสีหรือไม่ ดูจากเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนรสชาติ กลิ่น สี มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ผลิตภัณฑ์ที่เข้าประกวดเป็นอาหารพื้นถิ่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นหรือไม่ เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมหรือไม่ และด้านสุขอนามัยเป็นอาหารที่ได้มาตรฐาน ได้รับเครื่องหมาย อย. และ GAP หรือไม่ รูปแบบของผลิตภัณฑ์มีความสวยงาม สะดุดตามีความคิดสร้างสรรค์แสดงถึงความเป็นพื้นถิ่น แบบนี้ก็จะได้คะแนนมากขึ้น

ทั้งนี้ สทน. ได้เริ่มดำเนินโครงการนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 โดยเริ่มที่ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงปัจจุบันมีผู้เข้ารับการอบรมด้านการฉายรังสีอาหาร จำนวนรวม 59,192 ราย มีผลิตภัณฑ์ที่เข้าโครงการประกวด Product Champion จำนวน 934 ผลิตภัณฑ์ มีผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดเลือก จำนวน 334 ผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดลองฉายรังสี จำนวน 200 ผลิตภัณฑ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top