รายงานพิเศษ : 93 ปี สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ  สืบสานตำนานงานสารทเดือนสิบ

รายงานพิเศษ : 93 ปี สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ สืบสานตำนานงานสารทเดือนสิบ

วันอาทิตย์ ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.

ทุกวันที่ 3 กันยายน ของทุกปี สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ในยุคของ พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ เป็นนายกสมาคมฯ ได้มีการจัดงานรำลึกถึงวันคล้ายวันสถาปนาสมาคมชาวปักษ์ใต้ สืบเนื่องกันมา จนมาถึงสมัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นนายกสมาคมฯ คนปัจจุบัน

สำหรับปีนี้มีความคักคักเป็นพิเศษ เมื่อมีการเสวนาหัวข้อเรื่อง ความเป็นมาของ “สมาคมชาวปักษ์ใต้ใน 3 ยุค” โดยมีนักจัดรายการวิทยุคนดังจากคลื่นข่าว FM90.5 ดร.สุเมต สุวรรณพรหม ร่วมกับนักธุรกิจสาวคนเก่งจากชมรมนักธุรกิจชาวใต้ คุณจอย-สุจิตรา หมวดพล


โดย ดร.สุเมต ได้พูดถึงอุดมการณ์ของคนปักษ์ใต้ซึ่งส่วนใหญ่จะรักกันมีความผูกพันกันสาเหตุเพราะว่าเดินทางมาไกลนั่งกันอยู่บนรถไฟหนึ่งคืนกับหนึ่งวันเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มักจะอาศัยกันอยู่ทางฝั่งธนบุรีย่านพรานนกบางกอกน้อย ก็จะรู้จักกันว่าเป็นคนปักษ์ใต้ ในระยะหลังอีกกลุ่มหนึ่งก็จะไปรวมตัวอยู่ย่านหัวหมากมาศึกษากันที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง

จุดเริ่มต้นของการรวมตัวเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2475 ได้มีการนัดพบกันที่ร้านกาแฟร้านข้าวแกงย่านวัดประยุรวงศาวาส ฝั่งธนบุรี โดยรวมตัวกันได้ 85 คน สนทนาพูดคุยกันแล้วตกลงกันว่าจะตั้งเป็นสมาคมชาวปักษ์ใต้จึงได้เสียสละบริจาคเงินรวบรวมเงินกันได้ 116 บาท แยกเป็นค่าใช้จ่ายในวันนั้น 81 บาท ที่เหลือก็เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจัดตั้งสมาคม การจดทะเบียนชื่อสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯได้ดำเนินการแล้วเสร็จในวันที่ 6 ตุลาคม 2475 ซึ่งเป็นการจดทะเบียนเป็นสมาคมที่สองต่อจากสมาคมสโมสรคณะราษฎร์ แต่การกำหนดวันสถาปนาสมาคม ให้ยึดถือวันที่ 3 กันยายน ซึ่งเป็นวันรวมตัวกันเพื่อก่อตั้งสมาคมหลังจากนั้นการย้ายที่ตั้งสมาคม ก็มีหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งมีการก่อสร้างอาคารสมาคมถาวรที่บริเวณซอยมหานาค ซึ่งกราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นประธานเปิดที่ทำการสมาคมฯ ซึ่งอยู่กันมานานถึง 28 ปี

จนมาถึงในยุค พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในสมัยนั้นขึ้นมาเป็นนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในปี 2529

โดย นายพิธาน คลี่ขจาย อดีตหัวหน้าข่าวอาชญากรรม “นสพ.แนวหน้า” เล่าว่า พล.ต.อ.มนัสได้ถามว่าทำไมนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ถึงต้องเป็นตำรวจ นายพิธานตอบว่า เพราะ “ตำรวจเข้ายา” หมายถึงว่า คนเป็นตำรวจเนี่ยสามารถที่จะมีบารมีช่วยเหลืองานสมาคมได้มากกว่าอาชีพอื่นๆ

นายพิธาน ยังเล่าว่า ตนเป็นคนเสนอให้ พล.ต.อ.มนัส ไปซื้อที่สร้างสมาคมใหม่ทางฝั่งธนฯคือบริเวณที่ตั้งสมาคมปัจจุบัน ทั้งที่ในสมัยนั้นมีการเสนอให้ไปซื้อที่บริเวณใกล้วัดเสมียนนารีถนนวิภาวดีรังสิตซึ่งตนไม่เห็นด้วยเพราะเป็นหัวหน้าข่าวอาชญากรรมอยู่รู้ว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีการวิสามัญฆาตกรรมอยู่บ่อยๆ อีกทั้งพี่น้องประชาชนชาวใต้ส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ย่านฝั่งธนบุรี พรานนก บางกอกน้อย พล.ต.อ.มนัส จึงตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงปัจจุบันขนาด 8 ไร่เศษ ซึ่งพื้นที่ค่อนข้างลุ่มต่ำเป็นป่ากก การถมที่คงจะต้องใช้เงินเยอะอยู่ นายพิธาน คลี่ขจาย จึงเสนอว่าควรมอบหมายให้ พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง เป็นผู้รับผิดชอบ ในการถมที่ที่ดินแปลงดังกล่าวเพราะรู้จักคนเยอะในที่สุดการก่อสร้างสมาคมชาวปักษ์ใต้ ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2530 โดยได้รับเกียรติจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเดินทางมาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2535

ต่อมาในยุคสืบสาน (ยุคเกิดมาตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน) โดยมี นายอารี ไกรนรา อดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทยคนดังและเป็นกรรมการสมาคมในยุคพล.ต.อ.ดรุณ โสตถิพันธุ์ เล่าว่า เป็นยุคที่สมาคมได้พยายามสร้างเครือข่ายไปทั่วประเทศ เพื่อความรุ่งเรืองของสมาคมชาวปักษ์ใต้

นายอภิชาติ โรจน์สราญรมย์ อุปนายกสมาคมฯ อดีตนายกสมาคมชาวจังหวัดกระบี่ ได้เล่าถึงช่วง พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ เป็นนายกสมาคมฯ ได้เดินทางไปร่วมงานกิจกรรมของชาวใต้ทั่วประเทศช่วงนี้ และก่อตั้งสมาคมชาวปักษ์ใต้ ครบทั้ง 14 จังหวัด ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุนทรได้อยู่ในตำแหน่งยาวนานถึง 24 ปี ทำให้มีโอกาสได้สร้างวิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ ให้พี่น้องประชาชนที่เคารพนับถือได้มากราบไหว้ขอพรอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทั้งยังริเริ่มเพิ่มเติมกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมอีกมากมาย

จากนั้นเข้าสู่ยุคที่สาม ซึ่งเป็นยุคพัฒนา(ยุคคนใต้หัวใจเดียวกัน) โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ร่วมเสวนาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ดำเนินการ อาทิ ร่วมกิจกรรมจิตอาสา ปลูกต้นไม้ ในทุกจังหวัดของภาคใต้ การมอบทุนการศึกษาให้ครอบครัวพี่น้องชาวใต้ และโครงการส่งพี่น้องชาวใต้กลับบ้านในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ และวันเทศกาลสงกรานต์ ให้พี่น้องชาวใต้ได้กลับบ้าน ไปทำบุญให้บรรพบุรุษกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทุกคน จากที่ให้เดินทางกลับโดยรถทัวร์ แล้วพัฒนาไปอีกครั้ง ก็ได้ร่วมกับ สายการบินแอร์เอเชียให้ชาวใต้ได้กลับบ้านโดยเดินทางกลับใต้ที่ นครศรีธรรมราชและหาดใหญ่ ด้วยเครื่องบินฟรีทุกที่นั่ง

ขณะเดียวกันกำลังรีโนเวท พื้นที่สมาคมบางส่วนให้เหมือนโรงแรม เพื่อรองรับพี่น้องชาวปักษ์ใต้ที่มากรุงเทพฯได้ใช้บริการพักค้างคืน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงการจัดงานสืบสานประเพณีสารทเดือนสิบโดยในปีนี้ได้ปรับชื่อมาเป็นงานประเพณี “สารทเดือนสิบไนท์แฟร์” เพื่อให้รูปแบบของงานรองรับกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯที่ไม่ได้เป็นคนปักษ์ใต้ที่มาเที่ยวงานจำนวนมากมาย และได้พบกับรูปแบบของงานที่ทันสมัยมากขึ้น สถานที่มีความสะอาด เหมือนจัดงานในห้าง

พร้อมเชิญชวนให้พี่น้องชาวใต้ที่ไม่มีโอกาสกลับบ้านไปทำบุญที่บ้านเกิด และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมงานบุญสารทเดือนสิบ ดังกล่าวที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 22 กันยายน 2568

นายโกเมน รุ่งเรืองสกุล ประธานจัดงานดังกล่าว กล่าวว่า ตนจะจัดพิมพ์ ประวัติความเป็นมาของสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ เป็นรูปแบบพ็อกเก็ตบุ๊ก เพื่อสืบสานให้คนรุ่นต่อไปได้รับทราบถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯได้มีส่วนทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนสังคมและประเทศชาติมายาวนาน

ขณะที่ ร.ต.อ.เกรียงไกร ไกรนรา ประธานจัดงานสารทเดือนสิบ และอุปนายกสมาคมฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าการจัดงานบุญสารทเดือนสิบ ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12-22 ตุลาคม 2568 ภายใต้คอนเซ็ปต์ชื่องาน “สารทเดือนสิบไนท์แฟร์ ช็อป กิน เที่ยว งานแฟร์ชาวปักษ์ใต้” เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มาร่วมกิจกรรมและเปิดบูธ จำหน่ายอาหารพื้นเมืองชาวใต้และภาคอื่นๆ รวมทั้งเครื่องดื่ม และขนม ในราคาย่อมเยา

โดยวันที่ 8 กันยายน เป็นวันทำบุญรับดวงวิญญาณตา-ยาย วันที่ 12 กันยายน วันเริ่มงาน จะมีพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และวันที่ 22 กันยายน พิธีชิงเปรต และ ส่งตา-ยาย กลับสู่ภพภูมิ

การจัดงานบุญสารทเดือนสิบของชาวใต้ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับ อีกทั้งสืบสานวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมโดยในงานจะมีการจำหน่ายสินค้า อาหารพื้นเมืองภาคใต้เต็มรูปแบบ ทั้งอาหารใต้ ที่ชนะเลิศการประกวดอาหารใต้ผลไม้ขนมพื้นเมืองภาคใต้ จำปาดะทอด หมูย่างเมืองตรังและสินค้าภาคอื่นๆ อีกทั้งมีการแสดงหนังตะลุง มโนราห์ และความบันเทิงบนเวทีมากมายจากเหล่าศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียง อาทิ บ่าววี ไท ธนาวุฒิ หลวงไก่ วงมาลีฮวนน่า

และปีนี้ทางสมาคมจัดพิเศษกว่าทุกปีคือมีการอัญเชิญ พระอุเชนทร์ หรือ พระพิฆเนศปางหนึ่งเป็นพระเทวรูปคู่บุญบารมีพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขันนครศรีธรรมราช มาประดิษฐานให้ผู้ที่มาร่วมงานได้กราบไหว้สักการะขอพรทุกวันตลอดการจัดงาน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top