วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568
3 ธันวาคม 2568 เฟซบุ๊กเพจ Thailand FACT Today ที่มีผู้ติดตาม 5.3 แสนรายบนเฟซบุ๊ก ได้โพสต์ข้อความว่า Thank U Thailand เมื่อรัฐบาลสิงคโปร์ ขอบคุณประเทศไทย
ในห้วงเวลาที่สายน้ำพัดพาเมืองหาดใหญ่ให้จมหายไปใต้ความมืดหม่นโลกไม่ได้เห็นแค่ภาพของอาคารที่เสียหาย ถนนที่ร้าง หรือชีวิตที่ถูกบังคับให้หยุดชะงัก
แต่มันเผยให้เราเห็นสิ่งสำคัญกว่านั้น - คุณค่าของ “ความเป็นมนุษย์” ที่ไม่มีพรมแดนขวางกั้นและครั้งนี้… สิงคโปร์ได้ยืนยันเรื่องนั้นอย่างงดงามที่สุด
822 ชีวิตที่กลับบ้านได้ เพราะประเทศไทยไม่เคยทิ้งใครกลางน้ำ
ดร.วิเวียน บาลากฤษณัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์ เขียนข้อความลงเฟซบุ๊กด้วยความโล่งใจปนซาบซึ้งว่าพลเมืองสิงคโปร์กว่า 822 คน ที่ติดอยู่ในหาดใหญ่—เดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว
เบื้องหลังตัวเลขนี้คือการทำงานแข่งกับความจริงอันโหดร้ายของน้ำท่วมและคือมือที่ยื่นมาจากประเทศไทย—อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะในวันที่ลำบากที่สุดเราไม่ได้มองว่า “เขาเป็นคนชาติไหน” เรามองแค่ว่า “เขาคือคนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ”
ไม่ว่าจะเป็น
กองทัพอากาศที่ลำเลียง
เจ้าหน้าที่กงสุลไทยที่ประสานงานแบบไม่หยุดพัก
หน่วยอาสาสมัครที่แบกสัมภาระให้ผู้สูงอายุ
ตำรวจและทหารไทยที่เปิดเส้นทางฝ่าน้ำ
ชุมชนท้องถิ่นที่แบ่งอาหาร น้ำดื่ม และที่พัก
ทุกการกระทำเล็ก ๆ เหล่านั้น รวมกันเป็นสะพานที่พาคนกว่า 800 ชีวิต กลับบ้าน
สิงคโปร์ “ขอบคุณ” – และคำนี้ไม่ได้เป็นเพียงมารยาททางการทูต
ดร.บาลากฤษณัน ไม่ได้กล่าวขอบคุณแบบเป็นพิธีแต่กล่าวด้วยความรู้สึกของ “มนุษย์หนึ่งคน”ที่เห็นอีกหลายร้อยชีวิตได้รับการดูแลจากประเทศที่ไม่ใช่บ้านของพวกเขาในช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุดในชีวิต
ขอบคุณรัฐบาลไทย
ขอบคุณกองทัพไทย
ขอบคุณอาสาสมัคร และ NGO ไทย
ขอบคุณมาเลเซียที่ช่วยเปิดเส้นทาง
ขอบคุณทุกคน…ที่ช่วยให้ชาวสิงคโปร์ “ไม่ต้องสู้กับภัยพิบัติอย่างโดดเดี่ยว”
และเขาทิ้งท้ายด้วยประโยคหนึ่งที่งดงามมาก : "ผมหวังว่าครอบครัวและชุมชนชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจะสามารถฟื้นฟูและยืนหยัดได้อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้”นี่คือประโยคที่ไม่ได้มีแค่ความห่วงใยแต่มี “ความผูกพันในฐานะเพื่อนร่วมโลก"
ในวันที่ประเทศไทยเจ็บ—โลกไม่ได้นิ่งเฉย
ภายใต้ข่าวร้ายทั้งหมดน้ำใจระดับนานาชาติที่หลั่งไหลเข้าสู่ไทยสะท้อนให้เห็นว่าเวลาที่เราล้ม โลกไม่ได้เดินหนีจากเรา
สิงคโปร์ส่งเจ้าหน้าที่กงสุลลงพื้นที่
มาเลเซียเปิดเส้นทางรองรับ
สถานทูตหลายประเทศร่วมประสานพาคนของตนออกจากพื้นที่
และทุกครั้งที่มีความช่วยเหลือเกิดขึ้นมันคือภาพที่บอกโลกว่า น้ำใหญ่ไม่เคยใหญ่กว่าน้ำใจมนุษย์
หาดใหญ่…ยังเจ็บอยู่ แต่ไม่ได้เจ็บอยู่คนเดียว
เมืองกำลังฟื้นผู้คนกำลังกลับบ้านทีละกลุ่มถนนกำลังแห้งเสียงเครื่องสูบน้ำค่อย ๆ หายไปและรอยยิ้มเริ่มกลับมาปรากฏตามร้านค้า ซอยเล็ก ๆ และริมถนน
เมื่อเรามองย้อนไปยังวันที่มืดมนที่สุดเราจะเห็นภาพหนึ่งชัดเจนมาก
วันที่ไทยช่วยเพื่อนบ้าน และเพื่อนบ้านก็ยืนอยู่ข้างไทย
นี่ไม่ใช่แค่บทเรียนเรื่อง “ภัยพิบัติ” แต่มันคือบทเรียนเรื่อง “ความเป็นมนุษย์”บทเรียนที่สอนว่าโลกนี้ยังมีความดีอยู่มากพอให้เราลุกขึ้นสู้ใหม่ในวันพรุ่งนี้
**822 ชีวิตที่กลับบ้านได้ คือหลักฐานของความงดงามระหว่างประเทศ
แต่สิ่งที่งดงามกว่านั้น—คือหัวใจของคนไทยที่ “ไม่เคยทิ้งใครในวันที่น้ำกำลังสูงที่สุด”**
และเพราะเหตุนี้เอง…ถึงแม่น้ำจะไหลย้อนกลับแต่ความดีที่ไทยทำไว้ จะไม่ไหลหายไปไหนเลย
หาดใหญ่…จะฟื้นและโลกก็เห็นน้ำใจของเราแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี