จับนายกเล็กปาดังค้ามนุษย์

ตัวการเผ่น!

หนีเข้ามาเลย์ซุก'ลังกาวี'

บุกรวบมือสังหาร-ยึดคลังแสง

ล้างหนักแคมป์'โรฮีนจา'แตก

นายหน้าทิ้งกลางป่าเกือบร้อย

เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยังคงเดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ชาว “โรฮีนจา” พร้อมกับออกไล่ล่าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยต่างๆ ในภาคใต้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นค่ายกักกันและฝังศพเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้อย่างต่อเนื่องโดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ได้นำกำลังตรึงพื้นที่บริเวณรอบๆ “กุโบร์” หรือสุสานฝังศพชาวมุสลิมที่ บ้านฉลุง หมู่ 7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเคยถูกใช้เป็นค่ายกักกันชาวโรฮีนจาแห่งใหญ่ของ จ.สงขลา และมีการตรวจสอบพบหลุมฝังศพ 30 หลุม ซึ่งต้องสงสัยว่าอาจถูกใช้ฝังเหยื่อไปก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้าม เพื่อรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจพิสูจน์และเก็บหลักฐาน โดยทางตำรวจจะหารือกับตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรีอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไร ก่อนจะขุดหลุมศพขึ้นมาพิสูจน์ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนยังคงออกลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณเขาแก้ว เขตรอยต่อ จ.สงขลา กับ จ.สตูล เพื่อตามหาชาวโรงฮิงญา อีก 17 คน ที่คาดว่า ยังพลัดหลงอยู่ในป่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้แล้ว 33 คน

จับมือเพชรฆาตแก๊งค้ามนุษย์

ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.จีระวัฒน์ อุดมสุต ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้นำกำลังตำรวจคอมมานโดภาค 9 ร่วมกับตำรวจภูธร จ.สงขลา และตำรวจภูธร จ.ตรัง กว่า 50 นาย บุกเข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 154 หมู่ 1 ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง ก่อนจับกุมตัว นายสุพจน์ มั่นซิ้ว อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นมือสังหารของขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่

ตะลึงขุดอุโมงค์-ฝังบึ้มในบ้าน

ทั้งนี้จากการตรวจค้นภายในบ้านพบว่า มีการขุดอุโมงค์ ห้องใต้ดิน และมีห้องนอนใหญ่ทำเป็นบังเกอร์ มีช่องสำหรับซุ่มยิงหากมีผู้บุกเข้าไปในห้อง รวมทั้งพบระเบิดฝังไว้ใต้ดินหลังบ้าน โดยลากสายชนวนเข้ามาในห้อง ซึ่งคาดว่ามีไว้เพื่อหวังจะระเบิดทำลายผู้บุกรุกหรือเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางพร้อมกับนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ตรัง

แฉประวัติอุกฉกรรจ์-หมายจับอื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ นายสุพจน์ มีหมายจับติดตัวถึง 5 คดี คือ คดียิงบ้านพัก ผบ.เรือนจำ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2556 คดีฆ่าเผานั่งยาง นายนายอดุลย์ เอ็มเอ็ม เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2556 คดียิง นายนิคม เกษสิริ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 คดียิงชาวมาเลเซียซึ่งเป็นนายหน้าขบวนการค้าชาวโรฮีนจาที่ ต.ฉลุง อ.เมือง จ.สตูล และคดียิงผู้ค้าชาวโรฮีนจาที่ปาดังเบซาร์ เมื่อปี 2557

มือกำจัดนายหน้าคู่แข่ง-โรฮีนจา

รายงานข่าวระบุว่า นายสุพจน์ นอกจากจะเป็นมือมือรับจ้างแล้ว ยังเป็นมือปืนติดตามอดีตนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ค้าโรฮีนจารายใหญ่ของ จ.สตูล ซึ่งมีการสร้างค่ายกักกันอยู่บริเวณเกาะตะรุเตา โดยมีหน้าที่กำจัดนายหน้าค้าโรฮีนจาที่เป็นคู่แข่ง และนอกจากนั้นยังมีศักดิ์เป็นหลานของ นายอุดม มั่นซิ้ว อดีต สจ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่

จับนายกเล็กปาดังฯค้ามนุษย์

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าทำการจับกุม นายบรรจง ปองผล หรือ โกจง นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมด้วย ร.ต.ท.มงคล สุโร ผบ.หมวด ตชด.4303 และ ด.ต.อัศณีย์รัญ นวลรอด ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปาดังเบซาร์ ซึ่งถูกต้องสงสัยว่า อาจมีส่วนพัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และเรียกค่าไถ่

แฉเอี่ยวตัวการใหญ่ในพื้นที่

ขณะที่ พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 ออกมายอมรับว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว นายบรรจง ในข้อหาค้ามนุษย์จริง แต่ นายบรรจง ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่มีพยาน หลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มหัวหน้าใหญ่ของขบวนการค้ามนุษย์ใน ต.ปาดังเบซาร์ โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ก็ได้ให้การพัวพันไปถึงตัว นายบรรจง ด้วย

หัวขบวนเผ่นหนีซุก“ลังกาวี”

รายงานข่าวแจ้งอ้างว่า สำหรับหัวขบวนที่เป็นหุ้นส่วนในขบวนการค้าโรฮีนจาในพื้นที่ปาดังเบซาร์ เป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.สตูล และเป็นคนสนิทของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ซึ่งหลังจาก ตำรวจจับกุมตัว นายบรรจง และออกหมายจับ นายสมยศ อังโชติพันธุ์ หลายชาย รวมทั้ง นายสุพจน์ ซึ่งเป็นมือปืนคนใกล้ชิดแล้ว ทำให้หุ้นส่วนใหญ่รายนี้ได้หลบหนีออกไปยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมตัวแล้ว อย่างไรก็ตามคนใกล้ชิดของหุ้นส่วนใหญ่รายนี้ ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า อาจมีการขอมอบตัวในภายหลัง แต่ขอหารือกับผู้ใหญ่ก่อน

ขณะที่ นายสมยศ ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ประสานงานในการนำชาวโรฮีนจาจากเกาะตะรุเตา จ.สตูล มายัง อ.สะเดา จ.สงขลา นั้น เชื่อว่า ยังหลบอยู่ในเกาะแห่งหนึ่งที่ จ.สตูล

เผยเส้นทางเรือส่งโรฮีนจา

รายงานข่าวระบุด้วยว่า สำหรับเส้นทางการเชื่อมโยงในการค้าโรฮิงญา ระหว่าง จ.สตูล กับ อ.สะเดา จ.สงขลา นั้น เรือที่นำชาวโรฮิงญา มาจากประเทศเมียนมา ส่วนหนึ่งจะขึ้นฝั่งที่ จ.ระนอง และ จ.พังงา อีกส่วนหนึ่งจะมายัง จ.สตูล โดยขึ้นฝั่งที่ เกาะตะรุเตา หลังจากนั้น จะมีการส่งชาวโรฮิงญาใน 2 เส้นทาง เส้นทางแรก นำขึ้นฝั่งที่ อ.ละงู โดยจะมีขบวนรถตู้มารับไปส่งให้กับเครือข่ายผู้ค้ามนุษย์ที่ปาดังเบซาร์ อีกส่วนหนึ่งจะเดินทางโดยทางเรือ ลักลอบเข้าไปขึ้นฝั่งที่รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย นอกจากนั้น ยังมีการนำโรฮิงญา บางส่วนไปหลบซ่อน ในเพิงพัก ที่ ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล และ ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งจากการตรวจตรวจพื้นที่ของ เจ้าหน้าที่ทหาร พบว่า ในพื้นที่ ชายแดนเหล่านี้ ยังมีเพิงพัก ร้าง หลงเหลืออยู่

แม่ทัพ4ขู่ฟันทหารเอี่ยว

พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่4 กล่าวว่า ได้มีการสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงว่า มีกำลังพลของกองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า เข้าไปพัวพันกับการค้ามนุษย์กี่นาย ซึ่งหากมีข้อมูลที่ชัดเจน แม้จะไม่มีพยานหลักฐาน ก็จะตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบเอาผิด ตามนโยบายของกองทัพ สำหรับหน่วยงาน ที่มีหน้าที่รับผิดชอบแนวชายแดนในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา แต่ปล่อยให้มีการค้ามนุษย์ในพื้นที่ จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีส่วนในการรู้เห็น หรือมีความบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ หากพบว่ามีความบกพร่อง จะมีการพิจารณาเพื่อการลงโทษต่อไป

ค้นสงขลาพบ4แคมป์

วันเดียวกัน ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร ภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีโรฮิงญาใน จ.สงขลา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบแคมป์ที่พักพักทั้งหมดจำนวน 4 แคมป์ โรงเรือน 51 โรง มีผู้รอดชีวิตรวม 55 คน แบ่งเป็นชาวโรฮิงญา 24 คน ชาวบังคลาเทศ 15 คน และอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สัญชาติอีก 16 คน และมีศพอีก 33 ศพ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากแพทย์นิติเวช

พบอีก60ชีวิตที่เทือกเขาแก้ว

ส่วนความคืบหน้าการค้นหากลุ่มชาวโรฮีนจาบนเทือกเขาแก้วเขตรอยต่อระหว่าง จ.สงขลากับจ.สตูล เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.พลหล เกตุแก้ว ผกก.ตชด.43 เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.437 สนธิกำลังกับ ว่าที่ ร.ต.ภัทร นาคสง่า ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.หาดใหญ่ และนายดลเหล๊ะ จิสวัสดิ์ กำนัน ต.ฉลุง และนายกิตติ พิทักษ์คุมพล ผู้ใหญ่บ้านม.7 ต.ฉลุง ปูพรมตรวจค้นเทือกเขาแก้วเขตรอยต่อ 3 ตำบล ทั้ง ต.ฉลุง ต.กำแพงเพชร และ ต.ท่าชะมวง พบชาวบังคลาเทศจำนวน 54 คน มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนโดยเป็นผู้ชายทั้งหมด ขณะลงจากเขาแก้ว และเดินอยู่ในป่าสวนยางพื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ 3 ตำบล คือ ต.ฉลุง ต.กำแพงเพชร และ ต.ท่าชะมวง ในสภาพที่อิดโรยและหิวโหย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปดูแลที่ ร.ร.บ้านคลองต่อ นอกจากนี้ยังพบชาวบังคลาเทศอีก 6 คน ที่บริเวณน้ำตกโตนปลิวซึ่งอยู่ไม่ห่างกันด้วย

เผยแคมป์แตก-คาดยังมีอีก

จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าทั้งหมดแคมป์แตก หลังจากที่รวมกลุ่มเดินทางมากับเรือจากพม่า มาขึ้นฝั่งที่สตูล และถูกนายหน้านำมาปล่อยลอยแพและให้เดินข้ามเทือกเขาแก้วมากว่า 10วัน เพื่อข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย รวมชาวบังคลาเทศและโรฮิงญาที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเอาไว้ได้ขณะพลัดหลงอยู่บนเทือกเขาแก้วทั้ง 2 วันจำนวน 96 คน และเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมีชาวบังคลาเทศและโรฮิงญาอีกบางส่วนที่ยังหลงเหลือยู่บนเทือกเขาแก้ว

ผบ.ตร.ประชุมแก้ค้ามนุษย์

เมื่อเวลา 09.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุม ชี้แจงแผนการปฏิบัติแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชน สตรี และปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.พดส.ตร.) ที่ปรึกษา (สบ 10) ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้บัญชาการทุกพื้นที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสันติบาล ร่วมประชุม

กำชับห้ามปล่อยปละละเลย

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวหลังประชุมว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ให้การช่วยเหลือ เกี่ยวข้อง หรือมีผลประโยชน์กับขบวนการการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด เห็นว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก รอง ผบ.ตร. และผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ที่มีเหตุเกิดขึ้นได้เสนอให้ย้ายตำรวจที่มีส่วนสนับสนุน ละเลย และรับผลประโยชน์มาช่วยราชการ หากมีหลักฐานชัดเจนว่าเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะเสนอย้ายออกจากพื้นที่ทันที จากนั้นหากหลักฐานเพียงพอก็จะดำเนินคดีอาญา วันนี้สิ่งที่เราทำเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ตามกลไกของรัฐบาลที่นายกฯตั้งใจมุ่งมั่นแก้ปัญหานี้ให้ไทยพ้นจากการจัดลำดับเทียร์ 3 ของสหรัฐฯ

เตรียมขยายผลกวาดล้างเพิ่ม

พล.ต.อ.เอก กล่าวถึงความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาในพื้นที่ จ.สงขลา ต่อเนื่อง จ.สตูลว่า พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 รายงานข้อมูลจาก ศปก.ตร.ส่วนหน้าจ.สงขลา ว่าวันนี้ขออนุมัติหมายจับอีก 11 ราย และกำลังขออนุมัติอีก 7 ราย รวม 18 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญานี้รวม 36 ราย ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกออกหมายจับจะเรียกมารายงานตัวและแจ้งข้อกล่าวหา รวมทั้งจะขยายผลออกหมายจับเพิ่มเติมอีก จะโยงใยถึงผู้บงการเกี่ยวข้องในพื้นที่อื่นๆ แน่นอน

เปิดปฏิบัติการทลายค่ายพัก

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เร็วๆ นี้ตำรวจภาค 9 จะเปิดปฏิบัติการปิดปลายทาง เอกซเรย์ทุกพื้นที่ที่อาจใช้เป็นที่พักรอในการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะพื้นที่เทือกเขาแก้ว เทือกเขาสันกาลาคีรี พรมแดนไทย-มาเลเซีย ระยะทาง 16 กม. โดยจะตรวจพื้นที่แนวยอดเขาทั้งหมดว่ายังมีจุดใดใช้เป็นค่ายพักรออีกหรือไม่ จะมียุทธการในการตรวจค้นทำลาย และเสริมมาตรการป้องกันในบริเวณชายฝั่งทะเลของ จ.สตูล เชื่อว่าหากสกัดปลายทางได้ก็จะสกัดต้นทาง กลางทางไปในตัว โดยทางกองทัพก็ช่วยสกัดกั้นทางทะเล

บิ๊กตู่ไม่รับปากเสร็จใน6เดือน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงปัญหาชาวโรฮีนจา ว่า การแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาในระยะยาวและสั้นต้องเป็นเรื่องเดียวกัน ต้องทำให้เข้มแข็งทั้งต้นทางถึงปลายทาง เราแก้ในประเทศอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้ไขจากต้นทาง คือ ประเทศพม่าและบังกลาเทศด้วย ส่วนที่มีการสั่งการให้ดำเนินการภายใน 10 วันนั้น คือ ต้องคลี่คลายให้ได้ โดยต้องเร่งดำเนินการว่าอยู่ในพื้นที่ใดอย่างไร แต่ไม่ใช่ว่า 10 วันเสร็จ ปัญหาเกิดมานานแล้ว ไม่ได้บอกว่าจะแก้ไขได้ภายใน 6 เดือนหรือไม่

นัดถกพม่า-มาเลย์ในสิ้นเดือนนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เสียงตอบรับจากทางมาเลเซีย แต่เราได้ร่วมมือกันและจะมีการนัดประชุมแก้ไขปัญหา รวมถึงประเทศเมียนมาภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังจัดรูปแบบอยู่ โดยที่ตนไม่ต้องนั่งหัวโต๊ะเอง ซึ่งภาพใหญ่ของทุกรัฐบาลต้องมีเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานมาบูรณาการกัน และเมื่อประชุมร่วมกันระหว่างประเทศก็จะมีคณะทำงานร่วม โดยเป็นเรื่องของการต่างประเทศ ด้านความมั่นคง ซึ่งมีการพูดคุยในหลักการไปแล้ว แต่อยู่ที่จะทำเมื่อไหร่ก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขอให้มีการดูแลชาวโรฮีนจาตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งปัญหาการอพยพของชาวโรฮิงญาใครจะรับ เราจะรับหรือไม่ เพราะที่เราก็น้อยลง

ต้องคุยปท.ต้นทาง-ปลายทาง

เมื่อถามว่าในเมื่อส่งกลับไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร ประเทศที่ 3 มีใครรับ พูดกันมากี่ปีแล้ว ศูนย์พักพิงพูดมากี่ปีแล้ว ทั้งนี้ มีตัวเลขที่อพยพจากการรบทางชายแดนพม่าทั้งหมดประมาณ 1 แสนคน เป็นชาวโรฮีนจากว่า 1,000 คน เมื่อส่งเขาต่อไปที่ไหนไม่ได้ เราต้องส่งเขากลับไปยังต้นทางหรือปลายทางว่าจะรับหรือไม่ เรื่องนี้ต้องช่วยกัน